แม่บ้านในชุดสีขาวสะอาด ผายมือให้เดินตามไปยังห้องทำงานของเจ้าบ้านซึ่งอยู่บนชั้นสอง ม่านไหมระงับความตื่นเต้น สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆเรียกความเชื่อมั่น ก่อนจะเดินตามไป เมื่อมาถึงห้องหนึงซึ่งอยู่ด้านในสุด แม่บ้านก็เคาะประตู ก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างในเอ่ยอนุญาต จึงเปิดประตูแล้วผายมือเชื้อเชิญ
“คุณท่านจะสัมภาษณ์คุณ เชิญค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ม่านไหมพนมมือไหว้ตามประสาคนมืออ่อน เรียกรอยยิ้มพอใจจากแม่บ้าน
ร่างเพรียวในชุดเครื่องแบบสีขาวในมือถือแฟ้มเอกสารเดินตัวตรง เข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือ แล้วพนมมือไหว้ผู้ที่นั่งรออยู่
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ ม่านไหม สิรินุภัทร ถูกส่งตัวมาจากศูนย์ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัย นันทินีเนิร์สซิ่งโฮมค่ะ เพื่อมาดูแลผู้ป่วยตามที่ได้รับการติดต่อไปค่ะ”
ม่านไหมแนะนำตัวอย่างสุภาพ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้เมื่ออีกฝ่ายผายมือให้ ดวงตากลมโตจ้องมองนายจ้างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมแล้วรู้สึกใจสั่นขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจน ว่าที่นายจ้างของเธอเป็นชายร่างสูงสวมชุดสูทสีเข้มเนื้อดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแบรนด์ดัง เขานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้นวมวางแขนบนโต๊ะทำงานด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้ายาวเรียวได้รูปเชิดขึ้นเล็กน้อย คิ้วดกหนาพาดเฉียงข้างขมับบนจมูกโด่งงามยกขึ้นขณะใช้สายตาคมงามของเขากวาดมองเธอทั่วตัว ทำให้คนถูกมองร้อนวูบวาบไปทั้งตัวจนเผลอกำแฟ้มเอกสารในมือแน่น
“นี่เป็นสัญญาจ้าง อ่านก่อนถ้าคุณเต็มใจรับงาน ก็เซ็นด้านล่างของเอกสาร” เสียงทุ้มนุ่มหู เอ่ยออกมาเป็นภาษาไทยแปร่งๆ ทำให้รู้ว่าคนพูดไม่คุ้นชินภาษานี้เท่าไหร่ มือเรียวยาวได้รูปส่งเอกสารการว่าจ้างให้พยาบาลสาว ก่อนจะประสานกันไว้บนตัก เฝ้ารออย่างใจเย็น
ม่านไหมรับเอกสารมาอ่านดู ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อในสัญญาระบุว่าเธอต้องไปดูแลคนป่วยที่ฮ่องกง พอสายตาอ่านพบค่าจ้างก็ตาลุกวาว อาทิตย์ละสองหมื่น เดือนละแปดหมื่น ค่าจ้างงามจนยากจะปฏิเสธ สัญญาว่าจ้างหกเดือน เจ้าตัวคำนวณตัวเลขในสมองคิดถึงรายได้ที่จะได้รับ ก่อนจะหยิบปากกามาเซ็นชื่อลงไปอย่างไม่รีรอ โดยไม่สนใจอ่านข้อความที่เหลือ หากม่านไหมเงยหน้าขึ้นมองสักนิดก็จะเห็นแววตาวาวโรจน์ของผู้เป็นนายจ้างกับรอยยิ้มหมิ่นๆบนริมฝีปากหยักโค้งนั้น
หลี่ไท่หยางมองพยาบาลสาวด้วยแววตาเกลียดชัง จากข้อมูลที่เขาให้นักสืบไปตรวจสอบจากทางฝ่ายไอทีของเน็ตเวิร์ก พบว่าชื่อของผู้ใช้อีเมล์ที่ใช้ในการสมัครเฟซบุ๊กเป็นของลายเมฆ สิรินุภัทร อีกฝ่ายมีน้องสาวฝาแฝดผู้หญิงที่ชื่อม่านไหม สิรินุภัทร เจ้าหล่อนทำงานเป็นพยาบาลรับดูแลผู้ป่วยตามบ้าน นักสืบรายงานว่าลายเมฆติดหนี้พนันบอลเป็นเงินกว่าล้านบาท มีนิสัยเจ้าชู้คบหากับผู้หญิงไปทั่ว ไม่แปลกอะไรหากผู้ชายคนนี้จะหลอกให้เจนนี่หลงรัก แล้วทำให้น้องสาวของเขาต้องเสียใจจนคิดฆ่าตัวตาย ลายเมฆคงไม่รู้ว่าเจนนิเฟอร์ ลี เป็นน้องสาวใครถึงได้กล้าหยามคนอย่างเขา ดวงตายาวเรียวตวัดมองใบหน้าเนียนใสของพยาบาลสาวด้วยแววตาเยียบเย็น เมื่อวานลูกน้องของเขาไม่สามารถเอาตัวลายเมฆมาได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาเมื่อเขามีแผนสองสำรองไว้ด้วยการสั่งให้คนของเขาไปติดต่อว่าจ้างพยาบาลมาดูแลคนป่วย เจาะจงตัวเป็นม่านไหมคนเดียว และเธอกำลังเดินเข้าสู่กับดักของเขาแล้ว
“คุณตกลง ยอมรับเงื่อนไขการว่าจ้างทุกอย่างใช่ไหม” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ ซ่อนแววตาเกลียดชังไว้ภายใต้รอยยิ้มละมุน
“ค่ะ คุณจะให้ดิฉันเดินทางไปดูแลผู้ป่วยวันไหนคะ จะได้เตรียมตัว”
ม่านไหมอยากทราบกำหนดการให้ชัดเจน เพื่อจะได้มีเวลาจัดการเรื่องพี่ชาย การเดินทางไกลครั้งนี้เป็นครั้งแรกของหญิงสาวที่ต้องจากบ้านเกิดและพี่ชายไป มันน่าหวั่นเกรงแต่ไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดกลัว เพราะเธอไปทำงานปลอดภัยและมีรายได้สูง คุ้มค่ากับความลำบาก
“เราจะเดินทางวันนี้” หลี่ไท่หยางยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมพราวพรายขณะจ้องหน้าคนที่ทำตาโต “คุณตกลงเซ็นสัญญาว่าจ้างแล้วนะ ผมในฐานะนายจ้างขอสั่งให้คุณเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางกันหลังจากที่คุณจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จ คนของผมจะไปส่งคุณที่บ้านและรับกลับมาที่นี่”
ม่านไหมนิ่งอึ้งฟังนายจ้างโดยไม่ได้ปริปากพูดสักคำ มันเป็นคำสั่งแกมบังคับอยู่ในที เมื่อเซ็นสัญญาไปแล้วเธอไม่มีสิทธิ์คัดค้านต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่มีบิดพลิ้ว
“ฉันขอเบิกค่าจ้างล่วงหน้าก่อนครึ่งหนึ่งได้ไหมคะ”
ม่านไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เธอจำเป็นต้องนำเงินไปให้พี่ชาย หากปากหนักไม่กล้าเอ่ยขออาจจะต้องรอถึงสิ้นเดือน
หลี่ไท่หยางแค่นยิ้ม มองหน้าลูกจ้างคนใหม่ของเขาอย่างดูแคลน หางโผล่ออกมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน เห็นแก่เงินแบบนี้นี่เอง มิน่าถึงยอมเซ็นเอกสารจ้างงานง่ายๆ คงอ่านไม่ถึงหน้าสุดท้ายด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นคงทักท้วงอะไรไปแล้ว เมื่อในสัญญามีเงื่อนไขบางอย่างระบุไว้
“ได้สิ ผมจะเซ็นเช็คให้” เขาบอกอย่างว่าง่าย
ดวงตากลมโตของม่านไหมเปล่งกายวาวจ้าอย่างยินดี ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นนายจ้างหยิบสมุดเช็คมาเซ็นให้โดยไม่อิดออด นึกชื่นชมความใจดีของอีกฝ่ายในใจ คนอะไรหน้าตาหล่อแล้วยังใจดีอีก เธอยอมทำงานถวายหัวแน่
“เตรียมตัวให้พร้อม งานที่รอคุณอยู่หนักหนาสาหัสไม่เบาเชียวละ” หลี่ไท่หยางเอ่ย พร้อมกับส่งเช็คให้พยาบาลสาว
ม่านไหมไม่ได้สะดุดหู กับน้ำเสียงเครียดๆของนายจ้างแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้รับค่าจ้างล่วงหน้า เธอตั้งใจจะเอาเช็คไปฝากโอโม่ไว้ แล้วค่อยบอกให้ลายเมฆมารับไป พี่ชายของเธอคงจะโวยวายไม่น้อย ถ้ารู้ว่าน้องสาวสุดที่รักไปทำงานไกลถึงฮ่องกง ห่างกันแค่หกเดือนเองพี่ชายตัวดีคงเอาตัวรอดจากมือเจ้าหนี้ อย่างน้อยเงินก้อนนี้คงพอทำให้ลายเมฆอยู่สบายไปสักพัก ม่านไหมรับเช็คมาใส่กระเป๋าไว้ พนมมือไหว้นายจ้างก่อนขอตัวกลับบ้าน
“ฉันขอตัวไปจัดกระเป๋าก่อนนะคะ คุณท่าน” เธอเรียกเขาตามที่ได้ยินแม่บ้านเรียก คนถูกเรียกนิ่วหน้าแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ
“ฉันชื่อหลี่ไท่หยาง ต่อไปนี้เธอต้องเรียกฉันว่าคุณหลี่ เข้าใจไหม” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวจนคนฟังสะดุ้งโหยง
“ค่ะ คุณหลี่” ม่านไหมรับคำพร้อมกับยิ้มแหยๆ
สายตาของหลี่ไท่หยางทรงอำนาจและแข็งกร้าวจนน่ากลัว ม่านไหมรู้สึกหวั่นหวาดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อาการเคลิบเคลิ้มกับใบหน้าหล่อเหลามลายหายเกลี้ยงไปจากใจ นายจ้างของเธอมีบุคลิกน่าเกรงขามปนน่ากลัว หากไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นนักธุรกิจ เธอคงคิดว่าเขาเป็นเจ้าพ่อมาเฟียไปแล้ว ร่างสูงขยับลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะ มาหาคนที่นั่งตัวสั่น วางมือบนไหล่บางก่อนจะยิ้มอ่อนโยน
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ไปเตรียมตัวเถอะ”
หากเป็นนักแสดงหลี่ไท่หยางคงได้รางวัลออสการ์ เมื่อเขาเปลี่ยนสีหน้าและท่าทาง ตลอดจนน้ำเสียงได้แตกต่างกันเพียงเสี้ยวนาที เขาโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าพยุงให้ลุกขึ้นพาเดินไป ม่านไหมเดินตัวลีบออกมาจากห้องพร้อมนายจ้าง จากที่เห็นตอนนั่งคิดว่าเขาคงจะตัวสูงมาก พอมายืนข้างๆแบบนี้แล้วเธอสูงแค่ไหล่ของเขาเท่านั้น วงแขนแข็งแรงโอบไหล่ของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตาคมของเขาทอดมองเธอด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่แสดงอาการหลุกหลิก เหมือนการทำแบบนี้เป็นความเคยชินของเขาทั้งที่เพิ่งพบกันครั้งแรกแท้ๆ
“ฉันว่า คุณปล่อยมือออกจากไหล่ฉันได้ไหมคะ คนของคุณอาจจะมองไม่ดี” เธอบอกเขาเสียงสั่น
ไม่เพียงแค่โอบไว้เท่านั้น แต่ปลายนิ้วของหลี่ไท่หยางยังลูบไล้ไปมาบนผิวนุ่มๆ ของเธอเล่น ร่างหนาเบียดชิดแนบลำตัว แขนของเขารัดร่างเล็กของเธอไว้แน่นการเดินจึงเหมือนถูกเขาลากไป เมื่อเท้าแทบจะไม่แตะพื้น
“ผมไม่ชอบคนดื้อ เข้าใจไหม” เขาหยุดเดิน แล้วก้มหน้าลงมากระซิบบอกเธอข้างหู ปลายจมูกโด่งเฉี่ยวแก้มนวลไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น
“เอ่อ... ฉันมาเป็นพยาบาลนะคะ”