คนถูกว่าไม่โต้ตอบหมุนกายเดินอกไปทันที ม่านไหมรีบวิ่งไปกดล็อกประตู เธอไม่น่าประมาทเลินเล่อลืมล็อกประตูห้องเลย ไม่นึกว่าหลี่ไท่หยางจะไร้มารยาทเข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต แบบนี้จะทนทำงานให้เขาได้สักกี่น้ำ เงินก็เบิกมาล่วงหน้าแล้วตั้งครึ่ง หญิงสาวทอดถอนใจรู้สึกหนักอึ้งในอกขึ้นมา เดินไปเปิดฝักบัวราดล้างฟองครีมออกจากตัวแล้วหยิบผ้าขนหนูมาห่อหุ้มกาย ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปจากห้องน้ำ
“อุ๊ย! คุณหลี่ ทำไมคุณยังไม่ออกไปอีก”
ม่านไหมถอยกรูดจะกลับเข้าไปในห้องน้ำอีก เมื่อเห็นร่างสูงนั่งเอ้เต้บนขอบเตียงแต่เขาช่างว่องไวนักกระโดดผลุงทีเดียวก็มาถึงตัวเธอ ร่างน้อยถูกดึงรั้งเข้าหากายแกร่ง แรงปะทะทำให้คนตัวเล็กกว่ารู้สึกจุก ก่อนจะชาวูบไปทั้งร่างเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดทาบทับลงมาบนเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นฉกเข้ามาในโพลงปากนุ่มเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นเรียวเล็กของเธอไว้ จุมพิตอุกอาจของเขาทำเอาคนอ่อนประสบการณ์ถึงกับสั่นไปทั้งตัว มือหนาลูบไล้เนื้อตัวเปียกชื้นของเธอ เคล้าคลึงทรวงอกนุ่มราวกับเป็นเจ้าของ ผ้าขนหนูร่วงลงไปกองกับพื้นโดยการกระตุกเพียงเบาๆ ม่านไหมสะดุ้งเฮือกบิดตัวหนี มือน้อยทุบถองหน้าอกกว้างของเขา แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อสาวแสนหวานหลุดออกไปจากอ้อมแขน เขาลากเธอมาบนเตียงแล้วโถมร่างเข้าคร่อมไว้ ดวงตาคมกล้าลุกวาวน่ากลัวจ้องมองเรือนกายขาวผ่องนวลเนียนใต้ร่างนิ่ง
ม่านไหมหอบหายใจแรง ใจเต้นรัวหวาดหวั่นตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สัมผัสของหลี่ไท่หยางเต็มไปด้วยความดุดัน ไร้ความอ่อนโยน แต่กลับทำให้เธอหวิวไหวอย่างประหลาด เขาปลุกเร้าเธอด้วยสายตาร้อนแรง แค่จ้องเธอนิ่งๆ แบบนี้ ม่านไหมก็แทบละลายเนื้อตัวอ่อนระทวยกับสายตาร้อนราวเปลวเพลิงของเขา
เธอควรจะโกรธจะกลัวเขาสิ ไม่ใช่มาละลายแบบนี้... หญิงสาวนึกตำหนิตัวเองเมื่อสติกลับคืนมาอีกครั้ง
“ปล่อยฉันนะคุณหลี่ ฉันมาเป็นพยาบาลไม่ใช่มาเป็นอีหนูของคุณนะ” เธอตวาดเขาเสียงขุ่น สองมือยกขึ้นดันอกกว้างให้ออกห่าง
“เป็นพยาบาลด้วย เป็นอีหนูด้วยไม่ได้หรือไง” เขาบอกเสียงหมิ่น กวาดสายตามองร่างเปลือยของเธอราวกับประเมินสินค้า “ผ่านมาแล้วกี่คนล่ะ ฉันจะได้ให้ราคาถูก”
“มันจะมากไปแล้วนะคุณหลี่ ฉันขอลาออก ฉันจะกลับบ้าน ไม่ทำงานให้คุณแล้ว” ม่านไหมเหลืออดกับนายจ้างหื่นกามคนนี้ ถึงเขาจะหล่อชนิดนายแบบชิดซ้าย รวยจนล้นฟ้า มีบ้านหลังใหญ่ราวกับวัง แต่นิสัยเลวแบบนี้เธอรับไม่ไหว
“เธอเซ็นสัญญาเป็นทาสฉันแล้ว คิดหรือว่าจะยกเลิกได้ง่ายๆ”
“สัญญาจ้างงาน ไม่ใช่สัญญาทาส คุณไม่มีสิทธิ์กักขังหน่วงเหนี่ยว หรือว่าคุกคามทางเพศกับฉัน”
นายจ้างของเธอช่างกล้าโมเมได้อย่างหน้าด้านๆ เธอแค่เซ็นสัญญาว่าจ้างทำงาน มาบอกว่าเธอเป็นทาสเขามันจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกันไปแล้ว ขอให้เธอออกไปจากที่นี่ก่อนเถิด จะแจ้งตำรวจจับคนเลวนี่ไปเข้าคุกเสียให้เข็ด
“ไม่สวยแล้วยังโง่อีกนะม่านไหม” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาหา ยิ้มหยันคนด้อยกว่าอย่างดูแคลน “สัญญาระบุว่า เธอต้องทำงานให้ฉันยี่สิบปี ทดลองงานหกเดือน หากเธอไม่ทำตามสัญญาเธอต้องชดใช้ค่าเสียหาย ให้ฉันฐานละเมิดสัญญาเป็นเงินหนึ่งร้อยล้านบาท ถ้าหามาจ่ายได้ก็เชิญลาออกตามสบาย”
“บ้าเหรอ คุณอย่ามาหลอกฉันเลย สัญญานั่นบอกว่าฉันต้องทำงานให้คุณหกเดือนเท่านั้นนี่” ม่านไหมแย้งเสียงแข็ง
“หกเดือนแค่ทดลองงาน แต่ทำจริงๆยี่สิบปี เธออ่านสัญญาครบทุกหน้าหรือเปล่า” เขาย้ำอีกครั้ง
ม่านไหมอึ้งไปชั่วครู่ นึกทบทวนแล้วใจหายวาบ เธอไม่ได้อ่านข้อความในสัญญาจนหมด ตามที่เขาบอกจริงๆนั่นแหละ มัวแต่ดีใจที่ได้ค่าจ้างแพงจนรีบเซ็นสัญญา เธอพลาดเองที่ไม่รอบคอบ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาลวนลามฉัน” ม่านไหมไม่ยอมจนมุมง่ายๆ
“อันนี้เป็นความพอใจของฉัน เพราะฉันเป็นเจ้าของชีวิตเธอ ตราบใดที่เธออยู่ในปกครองของฉัน ฉันสามารถทำอะไรเธอก็ได้ ไม่ว่าจะหอมหรือจูบเธอแบบนี้”
จมูกโด่งกดลงบนแก้มนวล ตามมาด้วยริมฝีปากกดประทับบนริมฝีปากอิ่มอย่างถือสิทธิ์ หลี่ไท่หยางหัวราะเสียงดังลั่นเมื่อร่างน้อยไม่ได้ขัดขืนอีก “ยอมรับซะม่านไหม ว่าเธอเป็นทาสฉัน”
ม่านไหมไม่ทันได้ขัดขืนเพราะมัวแต่ตกใจ จนทำให้เขาเข้าใจว่าเธอสมยอม เวรกรรมอันใดทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของคนเลวอย่างหลี่ไท่หยางคนนี้ หญิงสาวเจ็บใจจนน้ำตาคลอ
“อย่าร้องไห้ให้ฉันเห็น ฉันเกลียดผู้หญิงเจ้าน้ำตาที่สุด” หลี่ไท่หยางบีบคางมนไว้ จ้องหน้าเธอด้วยสายตาน่ากลัว “ต่อให้ร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือด ก็ไม่ทำให้ฉันใจอ่อนหรอกนะม่านไหม”
“ฉันไม่มีทางร้องไห้ให้คุณเห็นหรอก ถ้าจะร้องฉันจะเก็บน้ำตาไว้ร้องไห้ดีใจ ตอนคุณตายดีกว่า”
ไหนๆ ก็หนีเขาไม่พ้น จะให้ยอมถูกเหยียดหยามโดยไม่ตอบโต้ ไม่ใช่วิสัยของหญิงไทยใจกล้าหาญอย่างม่านไหม หญิงสาวถือคติ ฆ่าได้แต่อย่าหยาม หลี่ไท่หยางเกลียดน้ำตาผู้หญิงเธอก็เกลียดผู้ชายแหย เขาแรงมาเธอก็แรงกลับไม่มีทางยอมให้เขาข่มเหงโดยไม่สู้เด็ดขาด
“ใจกล้าดีนี่ ฉันจะรอดูว่าเธอจะแน่ไปได้สักกี่น้ำ” หลี่ไท่หยางก้มลงประกบปากกดจูบหญิงสาวอย่างหนักหน่วง ก่อนจะผละห่างแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างไม่ไยดี ทิ้งให้คนบนเตียงมองตามอย่างโล่งใจ
“นึกว่าไม่รอดแล้วเรา...”
ม่านไหมถอนหายใจแรง เธอถูกหลี่ไท่หยางลวนลามแค่ภายนอก ยังดีกว่าถูกเขาทำลายพรหมจรรย์ที่หวงแหน หญิงสาวรวบรวมสติของตัวเองคิดหาทางรอด สมองน้อยๆ กับสติปัญญาที่มี ประมวลผลก่อนจะบอกให้เธอหนี...
ในยามดึกสงัด ม่านไหมค่อยๆ ย่องลงมาจากชั้นสองของตึกใหญ่ หันซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าปลอดคน ก็พาตัวเองวิ่งลงมายังชั้นล่าง พร้อมกระเป๋าสะพายใบเล็กบรรจุพาสปอร์ตและข้าวของมีค่าไว้ หญิงสาวยอมทิ้งข้าวของอย่างอื่นไว้ในห้อง เกรงจะเป็นภาระในการหลบหนี สิ่งที่หลี่ไท่หยางทำกับเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ม่านไหมต้องรีบพาตัวเองหลบหนีไปให้พ้นจากนายจ้างจอมหื่น เธอไม่สนใจว่าสัญญาจ้างที่เขาอ้างจะมีผลทางกฎหมาย แค่หลบหนีคนของเฮียอู๋กับเจ้าหนี้เงินกู้เถื่อนก็มหาโหดจนเลิกกลัวอะไรแล้ว จะมีเจ้าหนี้เพิ่มอีกคนจะหวั่นไปไย
ร่างเล็กบางเดินลัดเลาะออกมาทางประตูด้านหลัง ซึ่งแอบมาสำรวจในช่วงเย็น ในส่วนของครัวมีประตูเปิดออกถนนด้านหลังคฤหาสน์ ในยามดึกแบบนี้น่าจะปลอดคน แม่บ้านและคนรับใช้คงพากันนอนหลับไปหมดแล้ว ม่านไหมใช้ไฟฉายอันเล็กส่องดูทาง แสงจากไฟฉายไม่สว่างมากมองเห็นแค่ระยะใกล้ๆ หญิงสาวเดินมาถึงประตูห้องครัว ลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่าไม่ได้ล็อก ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มดีใจ เปิดประตูย่องเข้าไปด้านใน เธอจำได้ว่าหลังครัวมีประตูอยู่ด้านหลังสุด ม่านไหมเดินไปเปิดประตูออกช้าๆ มันล็อกจากด้านใน มือบางค่อยๆ ดันประตูแล้วก้าวออกไป
ยามนี้บริเวณด้านนอกค่อนข้างสลัวเพราะแสงไฟจากโคมไฟข้างกำแพงส่องสว่างมาไม่ถึง ม่านไหมยื่นหน้าส่องดูซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเดินผ่านมาทางนี้ จึงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินตรงไปยังประตูด้านหลังซึ่งอยู่ติดกับกำแพงรั้ว คฤหาสน์ตระกูลหลี่กว้างขวาง แบ่งเป็นสองตึกคือตึกเล็กกับตึกใหญ่ ตึกใหญ่ที่ม่านไหมอาศัยอยู่มีรั้วกั้นแบ่งเขตแดนกับตึกเล็กซึ่งเป็นที่อยู่ของคนงานในบ้าน ทางออกมีสองทางคือด้านหน้าประตูทางเข้า กับด้านหลังตึกทางที่เธอกำลังจะออกไปตอนนี้
“ประตูล็อกนี่ โอย... จะออกไปยังไงดีล่ะเนี่ย” ม่านไหมมองกุญแจดอกโตที่คลองประตูไว้อย่างหนักใจ