“ใช่เหรอ”
“ใช่สิ ฉันว่าใช่”
“อะไรใช่ ๆ จ๊ะคนสวย” ชลาลัยเดินเข้ามามุงกลุ่มคนงานที่กำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือดในเวลาพักเที่ยง
“เปล่าจ้ะคุณน้ำ” คนงานสาวที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่รีบแอบโทรศัพท์ไว้ทางด้านหลังอย่างไว
“เปล่าแล้วแอบทำไมจ๊ะ แบบนี้มีพิรุธนะ” ชลาลัยแกล้งแหย่คนงานเล่น จากนั้นเธอก็เดินไปคุยกับคนงานคนอื่น ๆ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าเรื่องที่คนงานสาวถกเถียงกันนั้นเป็นเรื่องของสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอกับดาราสาวซุปเปอร์สตาร์
“ถ้าเป็นแฟนกับณดาจริง ๆ แล้วคุณน้ำละแก คุณน้ำเป็นอะไร”
“อาจจะเป็นแค่เพื่อนก็ได้ แกเพิ่งเคยเล่นโซเชียล อย่าพูดมั่วไป” คนงานสาวอีกคนพูด เพราะสวนรื่นรมย์แทบจะเป็นพื้นที่ตัดขาดกับโลกภายนอก คนงานส่วนใหญ่มาจากบนเขา ส่วนชลาลัยเธอก็ไม่ใช่คนติดโซเชียล เฟซบุ๊ก ไอจี อะไรต่าง ๆ เธอไม่เล่น โทรศัพท์มือถือของเธอมีไว้โทรและส่งรูปข้อความต่าง ๆ ให้คิมหันต์ทางไลน์ ชีวิตของเธอวุ่นวายไม่มีเวลามีเล่นโซเชียลและต่อให้มีเวลาเธอก็ไม่คิดจะเล่น
นี่จึงเป็นสาเหตุให้ชลาลัยไม่รู้ว่าสามีของเธอกำลังคบหากับดาราตัวแม่ของวงการ
“ถึงฉันจะเพิ่งเล่นโซเชียล แต่ฉันกับแก แก แกและแกก็อ่านหนังสือออก ทำไมจะไม่เข้าใจคำว่าหวานใจ” คนงานสาวอีกคนทักท้วง
“ต่อให้เป็นความจริงเราจะกล้าบอกคุณน้ำเหรอ คุณน้ำเป็นคนดีฉันไม่อยากให้คุณน้ำเสียใจ”
“ฉันก็ไม่อยากให้คุณน้ำเสียใจ แต่ถ้าเราเงียบไว้จะดีกับคุณน้ำจริงเหรอ”
“จะดีได้ไง คุณน้ำโดนหลอกนะ ถึงสามีคุณน้ำจะไม่ค่อยมาหา แต่ทั้งคู่ก็มีคุณโอบด้วยกัน”
“งั้นเราควรทำยังไงดี”
“เราเป็นแค่คนงานธรรมดา จะเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวนายจ้างได้ยังไง เรื่องแบบนี้คงต้องรอให้คุณน้ำรู้ด้วยตัวเอง เราสอดปากไม่ได้”
“สงสารคุณน้ำจัง เลี้ยงคุณโอบมาคนเดียวตลอดเลย มีสามีก็เหมือนไม่มี”
“นั่นสิ คุณน้ำใจดี น่ารักขนาดนี้ทำไมสามีคุณน้ำถึงได้ใจร้ายนะ”
“ชีวิตคู่พวกคุณ ๆ เขาเป็นยังไงเราก็ไม่รู้ เราจะไปตัดสินอะไรแทนเขาไม่ได้ ปะ ๆ ทำงานกัน ได้เวลาเข้างานแล้ว” คนงานสาวเอ่ยชวนเข้างานเก็บผลไม้เพื่อตัดบทเรื่องที่คุยอยู่ เมื่อก่อนไม่รู้ ตอนนี้ก็แค่แกล้งไม่รู้ เรื่องครอบครัวเจ้านายเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเธอทั้งหลายจะพูดออกไปมั่วซั่วได้
ณบ้านพักหลังใหญ่ ย่าเขมกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกสะใภ้คนที่หนึ่ง เรื่องที่ลูกสะใภ้โทรเข้ามาเป็นเรื่องที่ทำให้ย่าเขมปวดหัว รู้ว่าจะพูดเรื่องปวดหัว ไม่รับสายซะก็ดี
(ตาเพลิงควรจะแต่งงานได้แล้วนะคะคุณแม่ อายุตาเพลิงไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว คุณแม่ไม่อยากเห็นหน้าเหลนเหรอคะ พริ้มว่าหนูณดาเหมาะสมกับครอบครัวเรามากนะคะคุณแม่) มาลีลินแม่ของคิมหันต์เอ่ย หล่อนอยากให้ลูกชายแต่งงานสักทีจะได้แซงหน้าเหมันต์ทายาทอีกคน ต่อให้ตอนนี้คิมหันต์ได้เป็นผู้บริหารก็ใช่ว่าตำแหน่งจะมั่นคง หล่อนต้องการคนมาเสริมส่งลูกชายสุดที่รัก ทายาทอีกคนจะได้สู้ไม่ได้
“แล้วยังไง เจ้าเพลิงอยากแต่งงั้นเหรอ”
(อยากแต่งสิคะคุณแม่ ตาเพลิงบอกพริ้มว่าอยากแต่งค่ะ)
“เหรอ” ย่าเขมหันมองหน้าเด็กน้อยที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเปลไฟฟ้า ไม่คิดเลยว่าคิมหันต์ในวัยเด็กจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ มากจนย่าเขมคิดว่าไม่ใช่หลานชายที่น่ารักของย่า ลูกชายที่น่ารักทั้งคนอยู่ตรงนี้ใยไม่รักไม่ไยดี
(คุณแม่คะคุณแม่มีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างคะ ตาเพลิงบอกให้พริ้มมาปรึกษาคุณแม่ดูก่อน)
“เจ้าเพลิงพูดแบบนั้นเหรอ”
(ค่ะคุณแม่ พริ้มไม่กล้าหลอกคุณแม่แน่นอนค่ะ)
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เจ้าเพลิงมาพูดกับฉันต่อหน้า”
(คุณแม่คะ ตาเพลิงโตแล้วนะคะอายุก็เยอะแล้ว)
“เพราะโตแล้วถึงต้องมีความรับผิดชอบ”
(คุณแม่คะถ้าตาเพลิงไม่มีความรับผิดชอบจะเป็นผู้บริหารได้ยังไงคะ คุณแม่เป็นคนเลือกตาเพลิงเองนะคะ)
“ก็ถ้าฉันรู้ว่าเจ้าเพลิงเป็นคนแบบนี้มีเหรอฉันจะให้มันเป็นผู้บริหาร” ย่าเขมพูดด้วยน้ำเสียงโมโห ทั้งที่แต่งงานมีลูกแล้วกลับกล้าที่จะอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ มีลูกก็ไม่แลตามอง “รู้แบบนี้ฉันเลือกเจ้าลมยังดีซะกว่า แค่นี้นะ”
(คุณ...) อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบย่าเขมก็กดตัดสาย
การที่ย่าเขมพูดแบบนี้ทำให้คุณพริ้มเริ่มร้อนรน ครั้นจะกดโทรกลับไปหาย่าเขมก็ไม่กล้าเพราะรู้ดีว่าย่าเขมไม่ชอบพูดอะไรซ้ำ ๆ ในเมื่อโทรหาย่าเขมไม่ได้คุณพริ้มจึงกดโทรหาลูกชายเพื่อระบายความโมโห
“ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน” เห็นว่าลูกชายรับสายก็ส่งเสียงโดยไม่รีรอให้ลูกได้ส่งเสียง
(ผมทำงานครับ แม่เป็นอะไรทำไมน้ำเสียงไม่ดีเลย)
“แม่ร้อนใจน่ะสิ”
(เกิดอะไรขึ้นครับ)
“แม่โทรไปหาย่าแกเรื่องที่แกจะแต่งงาน ย่าจะหวงแกอะไรนักไม่รู้ ไม่เห็นด้วยที่แกอยากแต่งงานไม่พอนะ ยังพูดว่ารู้แบบนี้ยกหุ้นที่ให้แกให้ไอ้เด็กคนนั้นยังดีซะกว่า” คุณหญิงพริ้มเล่าให้ลูกชายฟังด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเมื่อลูกชายของหล่อนถูกเปรียบเทียบกับลูกของเมียน้อยสามี
(แม่พูดเรื่องงานกับย่าแล้วเหรอครับ)
“ก็ใช่น่ะสิ แกบอกให้แม่ลองเกริ่น ๆ ไม่ใช่หรือไง”
(ก็ใช่ครับ แต่ผมไม่คิดว่าแม่จะพูดเร็วขนาดนี้)
“อายุแกไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว แกบอกว่าอยากแต่งงานแม่ก็รีบเลยสิ เผื่อหนูณดาเปลี่ยนใจขึ้นมาแย่กันพอดี ไหนจะไอ้เด็กคนนั้นใกล้จะกลับมา ไม่รู้ว่ามันจะโผล่หัวมาเมื่อไหร่ แกจะมัวใจเย็นไม่ได้ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของแกจะไม่มั่นคง” คุณพริ้มทบทวนดูแล้ว การได้ณดามาเป็นสะใภ้ก็เหนือกว่าลูกเมียน้อยของสามีเยอะ ลูกชายหล่อนต้องเหนือกว่าลูกบ้านเล็ก
(…) ทว่าคิมหันต์กำลังคิด แม่ไปพูดแบบนี้ย่าต้องโมโหมากแน่ ๆ ตอนแรกว่าจะกล่อมทีละนิดแล้วค่อย ๆ พูดเรื่องหย่า ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเหมือนจะไม่ใช่แบบที่คิด
“ย่าแกก็หวงอะไรแกนักไม่รู้ ไม่อยากเห็นแกมีลูกหรือไง แล้วยังเอาลูกนังนั่นมาเปรียบกับแกอีก น่าโมโหจริง ๆ ไอ้เด็กลมน่ะเทียบแกได้ที่ไหนกัน แค่ชาติกำเนิดก็ไม่ได้แล้ว”
(ใจเย็น ๆ ก่อนครับแม่ ผมจะลองคุยกับย่าเอง)
“คุยดี ๆ นะ อย่าให้ย่าคิดว่าลูกนังนั่นมันมีดีกว่าแก อย่าให้มันชนะเราสองคนแม่ลูกเด็ดขาด”
(ครับ ทราบครับ) คิมหันต์ขานรับก่อนจะวางสาย
เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อสองวันก่อนแม่พูดถึงเรื่องแต่งงานของเขา เขาจึงเกริ่น ๆ ไปว่าอยากแต่งงานกับณดา เดี๋ยวจะลองถามคุณย่าดูว่าคุณย่าชอบณดาไหม ไม่คิดเลยว่าแม่เขาจะรีบร้อนไปคุยกับย่าก่อน ทั้งที่เมื่อก่อนแม่กับย่าคุยกันน้อยมาก คราวนี้แม่ไปพูดไว้แบบนั้นย่าก็ต้องคิดว่าเขาได้ทุกอย่างมาแล้วจึงคิดทิ้งชลาลัย
แต่ว่าเขาไม่ได้รักเธอ อยู่กันไปก็ไม่มีความสุข คนในครอบครัวเขานอกจากย่าเขมก็ไม่มีใครยอมรับเธอ สำหรับเขาเธอคือส่วนเกิน ชลาลัยในสายตาคิมหันต์ไม่ได้ต่างจากเมียและลูกอีกคนของพ่อเขา เธอเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากได้ เป็นของที่เขาไม่ต้องการ