ตอนที่ 4
หนึ่งเดือนผ่านไป
เอมอรขับรถออกไปทำงานพร้อมกับมารดาในทุก ๆ เช้า พอตกเย็นเลิกงานก็จะรับคุณแม่กลับพร้อมกัน งานของเธอจะเลิก 5 โมงเย็น แต่ถ้าวันไหนที่แม่ของเธอเข้าบ่อน เอมอรจะกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปรับแม่ของเธออีกครั้ง หรือบางทีเอมอรก็ติดรถผู้จัดการกลับบ้าน แล้วเอากุญแจรถไว้ให้แม่ของเธอขับกลับบ้านเอง เป็นมาอย่างนี้ตลอด จนเอมอรเริ่มไว้ใจหัวหน้าของเธอ เพราะตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา เขาก็พาเธอแวะทานข้าวบ้างเป็นบางครั้ง และถ้าสามีเธอกลับบ้าน เขาก็จะไม่พาเธอแวะไหนเลย
ที่โรงแรมมีแขกที่มาพักคนหนึ่งตามจีบเอมอร เขาอายุ 40 กว่า ๆ รูปร่างท้วม ๆ ไม่สูงมากนัก ผิวขาว เขามักจะมาพักที่โรงแรมเป็นประจำเดือนล่ะสองถึงสามครั้ง และแขกคนนี้ก็ได้ลวนลามเอมอร แต่ก็ยังดีที่มีชัชวาลคอยช่วยเหลือ และผู้จัดการหนุ่มก็ไม่กล้าจะทำอะไรกับแขกคนนี้ได้มากนัก เพียงแค่คอยส่งพีอาร์คนอื่นไปดูแลแทนเอมเอรเท่านั้น เพราะชัชวาลรู้ว่าเขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมและเป็นนายทุนคนหนึ่งของกลุ่มทุนจีนสีเทา ‘กัวเซิงหลิน’ คือชื่อของเขา
เย็นนี้ณัฐกิตติ์โทรบอกกับเอมอรว่าเขาจะกลับบ้าน เอมอรจึงชวนแม่กลับด้วย แต่แม่ของเธอติดการพนันหนักขึ้นทุกวัน หลัง ๆ มานี้จึงไม่ยอมกลับบ้านพร้อมลูกสาว
กัวเซิงหลิน สืบรู้มาว่านันทินีคือแม่ของเอมอร เขาจึงเข้าไปตีสนิทด้วย และทั้งคู่ก็เริ่มสนิทกันเนื่องจากว่า กัวเซิงหลิน มีเงินทุนให้ นันทินีหยิบยืมแบบไม่ขาดมือ เอมอรเอากุญแจรถไปให้แม่ของเธอ และพบว่านันทินีกำลังอยู่กับ กัวเซิงหลิน เธอก็รีบกระซิบเตือนผู้เป็นมารดาในระหว่างที่เธอยื่นกุญแจรถให้
เช้านี้แม่ลูกก็ออกไปทำงานพร้อมกัน ระหว่างที่ขับรถมา เอมอรจึงเตือนนันทินีอีกครั้ง เรื่องของ กัวเซิงหลิน
“แม่คะ แขกคนนั้นไม่น่าไว้ใจเลย”
“คนไหนของแกอีกล่ะ”
“ก็คนที่คุณแม่คุยอยู่กับเขาเมื่อวานนี้ไง”
“อ่อ คุณกัวเซิง.. เอ่อ!.. กัวเซิงหลิน..เขาออกจะรวยขนาดนั้นไปว่าเขาเป็นคนไม่น่าไว้ใจไปได้..แกนี่”
“แม่คะ คนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน อีกอย่างเขาไม่ใช่คนไทยด้วยนะแม่” เอมอรรู้มาว่าเขาเป็นพวกกลุ่มนักลงทุนชาวจีน หรือที่เรียกกันว่ากลุ่มทุนจีนสีเทานั่นแหละ
“แต่เขาก็พูดไทยได้ปกตินะ”
“เอมอยากให้แม่กลับบ้านพร้อมเอมบ้าง กลัวพี่บอลสงสัยเอา” หลังมานี้ณัฐกิตติ์กลับบ้านก็ถามหานันทินีอยู่บ่อยครั้ง เพราะหลัง ๆ มาเขาก็ไม่ได้เห็นแม่ยายกลับบ้านอีกเลย และอีกอย่างเขาก็ไม่ชอบให้เอมอร ติดรถผู้จัดการกลับบ่อย ๆ
“จะมาสงสัยอะไรกัน ชั้นเป็นแม่ยายมันนะ ไม่ใช่เมียมันสักหน่อย แกหน่ะให้มันมากนักเลย”
“ถ้าเขาถามเรื่องเงินเก็บล่ะแม่..ปีหน้าพี่บอลเขาอยากมีลูกกับเอม เงินก้อนนั้นเราจะเตรียมเอาไว้คลอดลูก”
“เอาน่า รอบนี้ถ้าชั้นได้เงินเมื่อไหร่จะคืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์เลยคอยดูสิ”
“แม่ถ้าเลิกเล่นได้ก็เลิกเถอะนะ ไม่มีใครรวยเพราะเล่นการพนันหรอก”
“มีสิ ทำไมจะไม่มี ดูคุณกัวเซิงหลินสิ มีเงินตั้งไม่รู้เท่าไหร่”
“เขาอาจจะรวยเพราะทำธุรกิจอย่างอื่นก็ได้นะแม่”
“เอาน่า! ถ้าชั้นถอนทุนคืนรอบนี้ได้ครบ ฉันก็จะเลิก”
“จริงนะแม่” เอมอรพูดขึ้นด้วยความดีใจ เธออยากให้แม่เลิกเล่นการพนันได้จริง ๆ จัง ๆ เสียที ไม่นานนักทั้งคู่ก็ถึงที่ทำงานรถเลี้ยวเข้าในโรงแรมและตรงมายังลานจอดรถ
“กลางวันนี้ แกจะไปไหนหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ..แม่”
“งั้นก็เอากุญแจมาให้แม่เลยก็ได้” นันทินีกลัวว่าเอมอรจะไปพบเธอกับกัวเซิงหลินขึ้นมาอีก เอมอรจอดรถสนิทเธอก็ยื่นกุญแจให้มารดา
“แม่ไปก่อนนะ เดี๋ยวลูกน้องคนอื่น ๆ จะอู้งานกันเสียก่อน”
นัททินีนั้นมีอายุแค่เพียงแค่สี่สิบห้า เธอท้องตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มหาลัยปีหนึ่ง พอคลอดลูกเสร็จก็ไม่ได้ไปเรียนต่อ เพราะพ่อเด็กเป็นคนมีฐานะดี พอจะเลี้ยงดูเธอกับลูกได้ แต่อยู่ได้ไม่นานพ่อของเอมอรก็ต้องเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในขณะที่เอมอรอายุได้เพียงสามขวบ
นันทินีพอจะมีความรู้ในการทำเบอเกอรี่อยู่บ้างจึงเอาเงินที่ได้จากที่สามีเธอเสียชีวิต เป็นเงินประกันชีวิตและเงินเก็บอีกเล็กน้อย มาเปิดร้านขายเบอเกอรี่เพื่อหาเงินและส่งลูกสาวเรียนจนจบปริญญาตรี
นันทินีมีข้อเสียอย่างเดียวคือเธอชอบเสี่ยงดวงไม่ว่าจะเป็นหวยหรือการพนันต่าง ๆ ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้นันทินีอยากมาทำงานที่โรงแรมแห่งนี้ เธอได้ชอบพออยู่กับหัวหน้างานคนเก่าแต่ก็ได้เลิกรากันไปเพราะสามีคนที่สองรับไม่ได้กับการที่นันทินีติดการพนัน เงินทองไม่เคยเหลือ พอเลิกงานได้หล่อนก็แวะเข้าบ่อนเลยเป็นประจำ
มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นเอมอรเรียนจบใหม่ ๆ นันทินีดวงดีมือขึ้น เธอจึงมีเงินมาให้เอมอรเอาไปเปิดร้านกาแฟ หลังจากที่ลูกสาวเรียนจบและช่วงนั้นเอมอรก็ยังหางานทำไม่ได้
วันนี้เอมอรขอติดรถผู้จัดการหนุ่มกลับบ้านอีกครั้งด้วยความจำใจ เพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าเอมอรไม่มีรถกลับ เพราะคุณแม่ติดการพนัน คุณชัชวาลจึงได้รอเธอกลับบ้านเป็นประจำ และวันนี้เขาก็ได้ชวนเธอทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่วันนี้เอมอรก็ต้องขอปฏิเสธเพราะตอนนี้สามีเธอคอยอยู่ที่บ้าน และต้องออกไปทานข้าวพร้อมกัน แต่คุณชัชวาลก็ไม่ยอมจะพาเธอแวะทานข้าวให้ได้ เอมอรเกรงใจเลยไม่กล้าขัด เธอจึงทานข้าวได้ไม่มากนักเพราะต้องเก็บท้องไว้ออกไปทานข้าวกับสามี เมื่อทานอาหารกันเสร็จผู้จัดการก็แวะจอดส่งเธอที่หน้าบ้าน
“เอมวันนี้แม่ยังไม่กลับเหรอ” สามีหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นภรรยาเดินเข้าบ้านคนเดียว
“ค่ะ เอมทิ้งกุญแจรถไว้ให้แม่แล้ว พี่บอลมาถึงนานแล้วเหรอคะ”
“อื้ม!..พี่ไม่รู้ว่าเอมจะกลับคนเดียว จะได้ไปรับ”
“ช่วงนี้..ที่โรงแรมแขกมีเยอะค่ะ แม่เลยอยู่ทำโอที” เอมอรจำต้องโกหกกับสามีไป เพราะถ้าบอกว่าแม่เข้าบ่อนละก็ สามีเธอจะต้องรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่ชอบอบายมุขพวกนี้เลย
“แล้วเอมติดรถใครมาเหรอ พี่ว่าจะถามหลายครั้งละ?”
“อ๋อ..รถผู้จัดการค่ะ พอดีบ้านพี่เขาอยู่เลยบ้านเราไปนิดหน่อย”
“เราออกไปหาอะไรทานกันเลยมั้ย” ณัฐกิตติ์เอ่ยขึ้นเนื่องจากว่าเขาเริ่มหิวแล้ว
“เอมขอเอาผ้าใส่เครื่องไว้แป๊บหนึ่งได้มั้ยคะ..พี่บอลหิวแล้วเหรอคะ”
“ไม่เป็นไร รีบ ๆ ละกัน เดี๋ยวพี่รอ” เอมอรรีบโยนผ้าในตะกร้าใส่เครื่องซักผ้าทันที ณัฐกิตติ์เดินเข้ามาหาภรรยาแล้วกอดเธอจากข้างหลัง
“พี่ว่าเราให้เขาซักผ้าเหมือนเดิมก็ได้นะ ส่วนเครื่องซักผ้าก็เอาไว้ซักพวกชุดชั้นในก็พอ”
“ก็ได้ค่ะ..แต่เอมกลัวว่าจะเปลืองเงิน เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านพี่บอลก็เป็นคนออกทั้งหมด”
“ไม่เป็นไรหรอกเอม พี่ไม่อยากเห็นเอมเหนื่อย กลับมาบ้านก็ควรได้พักบ้าง”
“เราออกไปกินข้าวเถอะค่ะ..พี่บอลหิวไม่ใช่เหรอคะ”