ถ้าลุงแซ่บขนาดนี้ หนูไม่ไหวนะบทที่3.อาคันตุกะสุดหล่อ

1260 คำ
บทที่3.อาคันตุกะสุดหล่อ ทับทิมแทบเต้น...รถเจ้าปัญหาที่ทำให้เธอเจ็บตัวจอดอยู่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน เธอลงจากจักรยานมองรถคันนั้นตาขวาง “จ้อยเอาปลาไปให้แม่แทนพี่ที พี่จะไปเล่นงานไอ้คนไม่มีน้ำใจก่อน” หญิงสาวยื่นข้องไม่ไผ่ให้เด็กชาย กวาดตามองหาผู้ชายคนนั้นคนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์คันนี้มา เธอมองหาคน คนนั้นอยู่นานก็ไม่เห็น จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมองไปบนระเบียงบ้าน หลังได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ ทับทิมกระแทกลมหายใจแรงๆ ไอ้คนไม่มีน้ำใจนั่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังคุยกับบิดาเธอนั่นเอง หญิงสาวสลัดรองเท้าแตะที่ใส่ไว้ กึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นบันได เพื่อเผชิญหน้ากับชายผู้นั้น ยังไม่ทันได้อ้าปาก บิดาก็ทักขึ้นมาเสียก่อน “มาพอดี นี่ไงครับลูกสาวผม” น้ำเสียงของทัพดูสำรวมเป็นพิเศษ เธอปรายตามองผู้ชายคนนั้น “มานี่สิ จำได้ไหมล่ะ เจ้านายเก่าพ่อเอง” ทัพกวักมือเรียกบุตรสาว เขาผายมือไปที่คนข้างตัวพร้อมกับแนะนำ ทับทิมอ้าปากค้าง เธอขมวดคิ้ว เถียงในใจ แต่นั่นแหละ ช่วงนั้นเธอยังเด็กความจำเลยผิดเพี้ยน คน คนนี้อาจจะจะเป็นบรรดานายจ้างคนหนึ่งของบิดาที่อายุน้อยกว่า คงไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นหรอก “คุณเหนือคงจำไม่ได้ นี่ทับทิมลูกสาวผมไงครับ เคยไปหาที่ไซน์งานช่วงที่ผมทำงานให้คุณไง” ทัพพูดขึ้นอีกครั้ง ทับทิมยกมือทำความเคารพตามมารยาท เดินเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้หลังบิดาตนเอง “โตขึ้นมากเลยนะ คงกำลังเรียนอยู่ใช่ไหม?” ชายคนนั้นเปรยเหมือนรู้จักเธอมาก่อน “ใช่เลยครับ ช่วงนี้ปิดเทอมเลยกลับมาอยู่บ้าน” ทับทิมพยายามไม่พูดแทรกเธอแอบสำรวจคนตรงหน้าพร้อมกับคำแย้งในใจ เป็นไปได้เหรอว่าผู้ชายคนนี้จะมีอายุรุ่นเดียวกับบิดาของเธอ หน้าตาเขาอ่อนเยาว์กว่าเห็นๆ “คุณเหนือค้างที่ไหนครับคืนนี้?” ทัพถามอดีตเจ้านายของเขาอีกครั้ง “ค้างในเมืองนั่นแหละ ฉันว่างเลยออกมายืดเส้นยืดสายหน่อย” เหนือตอบ เขาชำเลืองมองหน้ายับๆ ของบุตรสาวของอดีตคนงานด้วย “เอาคันโปรดออกมาสิครับ” ทัพมองเลยไปยังต้นมะขาม อดีตเจ้านายเป็นคนโปรดปรานการใช้รถที่มีความเร็วสูง ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ความชอบเดิมๆ ไม่เคยเปลี่ยน “ใช่ เอาออกมาเคาะสนิมเสียหน่อย ไม่ได้จับนานแล้ว” บิดาเธอหัวเราะ ทับทิมแอบค้อนประหลับประเหลือก รถพวกนั้นราคาไม่น้อยเลย และหากคนขับไร้น้ำใจ อีกไม่นานหรอกคงเกิดอุบัติเหตุขึ้น หากเขายังใช้ความเร็วเท่าที่เคยเฉี่ยวเธอลงไปนอนคลุกฝุ่นข้างทาง “หายไปไหนมา พ่อกลับมาไม่เจอ” ทัพหันมาสนใจบุตรสาว “แม่ให้ไปเอาปลาที่ลอบของพ่อไงคะ” ทับทิมตอบ เบ้ปากใส่ผู้ชายตัวใหญ่ที่เธอยังติดใจเรื่องอายุของเขา “ได้ไหมล่ะ” “ได้สิคะ ทิมไม่ได้ลงไปเอาเองหรอก จ้อยนู้นลงไปกู้มา” หญิงสาวยกเครดิตให้เด็กชาย “มันขยันดี นิสัยดีด้วย” ทัพเอ่ยชม “ใครรึ?” คนแปลกหน้าถาม “เด็กวัดน่ะคุณเหนือ ผมขอมาเป็นลูกบุญธรรม” “ทัพไม่มีลูกอีกเลยเหรอ นอกจากแม่หนูคนนี้น่ะ?” คำถามของคนตรงหน้าทำให้ทับทิมฉุนกึก เขาถามเหมือนกับว่าเธอแลดูเด็กกว่าเขาหลายรอบ ทั้งที่หน้าตาของเขาแก่อ่อนกว่าตนเองไม่น่าจะเกิน15ปี ปีนี้ทับทิมอายยุ22 อีกไม่กี่เดือนเธอก็ใกล้เรียนจบแล้ว คนตรงหน้าน่าจะอายุประมาณ...30ต้นๆ “พยายามแล้วครับ ผมคงไร้วาสนาที่จะมีลูกอีกคน ดีที่ถูกชะตากับจ้อยมัน...หน่วยก้านเอาเรื่องเลยครับ” ทัพตอบเสียงสำรวม “คุณเหนือล่ะครับมีครอบครัวหรือยัง?” ทับทิมกลั้นใจรอฟังคำตอบ “ยังหรอก ฉันยิ่งกว่าทัพอีก คงไร้วาสนาที่จะมีคู่” เสียงตอบกลั้วเสียงหัวเราะ ทับทิมแอบเบ้ปาก บ่นคนตรงหน้าในใจ ‘นิสัยแบบนี้ใครจะไปเอา’ ผู้ชายที่ดูกระด้าง ผู้หญิงไม่ค่อยชอบหรอก ท่าทางเขาเข้าถึงยาก ดูหยิ่งๆ ไม่น่าคบ แต่คำพูดของบิดาทำให้ทับทิมขมวดคิ้ว “เลือกเอาสักคนสิครับ คุณเหนือมีสาวในสต็อกเยอะแยะจะตาย” “ใครบอกทัพล่ะ ข่าวลือทั้งนั้น” เหนือมองเลยไปยังเด็กสาวด้านหลังอดีตลูกน้อง ผิวแก้มหล่อนอมเลือดผาด มองแล้วเพลินตา ท่าทางของหล่อนคงดื้อเอาเรื่อง แววตาหล่อนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนน่าขำ “ถึงผมจะไม่ได้ทำงานกับคุณเหนือแล้ว ข่าวของคุณผมก็อ่านตามหน้าสื่อนั่นแหละครับ” ทับทิมแอบเบ้ปาก บิดาดูจะพินอบพิเทาชายผู้นี้จนน่าเกลียด แค่อดีตเจ้านายจะอะไรนักหนา “พวกนั่นก็นั่งเทียนไปเองนั่นแหละ ทัพเคยเห็นฉันจริงจังกับใครบ้างล่ะ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเรื่อย อาจจะเป็นเพราะหน้าที่รัดตัว เหนือเลยไม่ใคร่คบใครจริงจัง “แก่แล้วนะครับ เดี๋ยวลูกจะโตไม่ทันใช้” ทัพสัพยอก “ฉันก็หาแบบทัพมาเลี้ยงไว้สักคนสิ เอาไว้ดูแลฉันตอนแก่” ชายหนุ่มตอบเสียงร่าเริง ทับทิมขี้เกียจฟังคนแก่คุยกัน เธอเตรียมจะลุกหนี “พ่อ ทิมไปช่วยแม่ในครัวนะ” หางตาหญิงสาวตวัดผ่านหน้าอาคันตุกะสุดหล่อ เธอหาช่องต่อว่าเขาไม่ได้เลย เมื่อบิดาออกตัวพินอบพิเทาเขาจนหน้าเกลียด เดี๋ยวค่อยหาโอกาสเหมาะฉะที่หลังก็ได้ “ไปทำอะไรมา ขากางเกงมีแต่ต้นเจ้าชู้” พอดีกับที่ทัพหันมาเห็นชายขากางเกงบุตรสาวมีแต่หญ้าชนิดหนึ่งเข้าพอดี “รถล้ม” หญิงสาวตอบเสียงห้วน มองเลยไปยังผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น “จักรยานแม่เขาน่ะเหรอ?” พอดีทัพเห็นบุตรสาวซ้อนท้ายจักรยานที่จ้อยเป็นคนปั่นเข้ามา “ใช่พ่อ ไม่รู้ไอ้บ้าที่ไหนขับรถเหมือนญาติที่บ้านเสีย ทิมกับจ้อยเลยกลิ้งไปนอนริมถนนเพราะถูกเฉี่ยว” ไหนๆ ก็มีโอกาสแขวะ ทับทิมไม่รอช้าที่จะจัดการเสียเลย “ใครวะ จำหน้าได้ไหมล่ะ?” ทัพไม่เคยเห็นคนในหมู่บ้านคนไหน ขับรถไร้มารยาทเหมือนที่บุตรพูดถึง “จำได้สิพ่อ” หญิงสาวตอบบิดาเสียงแข็ง จ้องหน้าอาคันตุกะของบิดาตาขวาง “ใครล่ะ” ทัพถามต่อ ทับทิมยิ้มเย้ย เธอไม่ได้ตอบแต่จงใจแขวะต่อ “ทิมไม่ถือหรอกพ่อ เขาคงยุ่ง ก็ญาติเขาตายนี่” เหนือขมวดคิ้ว เขาสะดุดกับคำพูด และแววตาของหญิงตรงหน้า ช่วงที่ขับรถตรงมาที่บ้านทัพ เขาอาจจะเผลอเฉี่ยวหล่อนเข้าก็ได้ ชายหนุ่มอมยิ้ม เขาโดนหล่อนแขวะสองครั้ง แต่ชั่งเถอะเขาไม่ถือ เขาไม่เหลือญาติผู้ใหญ่คนไหนให้สะดุ้ง บิดา มารดาชิงลาโลกไปหลายปี ที่เหลือก็เด็กรุ่นหลานที่ยังแข็งแรงดี มีแต่เขานี่แหละที่แก่ตัวลงไปทุกวัน แต่ยังแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม