บ้านของเธออยู่ในชุมชนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เมื่อมีรถเฟอรารี่คันหรูมาจอดหน้าบ้านเลยทำให้เป็นที่เตะตาสนใจ อีกทั้งเขายังไม่ได้ไปไหน หากแต่ยังยืนอยู่ที่เดิมตรงรั้วบ้าน วิรินไม่ได้ยินเสียงรถเคลื่อนออกไปจึงหันไปมอง
เธอเห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาพินิจมองบ้านอย่างละเอียด เธอรู้ดีว่าบ้านหลังเก่า ซอมซ่อของเธอเทียบไม่ได้กับรถหรูเขาเลยแต่มันก็คือบ้านของเธอ และเธอก็ไม่ชอบสายตามองเหยียดของเขาด้วย
เมื่อรู้สึกอย่างนั้นดวงตาคู่กลมโตเลยมองเขาอย่างเหยียดๆ กลับไปเช่นกัน บ้านเก่าแล้วยังไง มีสิทธิ์อะไรมาใช้สายตาแบบนี้มองคนอื่น
วิภูเห็นมีผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่หน้าบ้านจึงเดินออกมาดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าซูบซีดของขายวัยหกสิบดูแก่กว่าอายุจริงมาก เสียงไอโขลกไม่หยุดทำให้วิรินหันไปมองแล้วถลาไปประคองบิดาที่จู่ๆ ก็ซวนเซล้มลง
“พ่อจ๊ะ พ่อเป็นอะไรไปจ๊ะ” วิรินพยุงพ่อลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ร่างของบิดาก็หนักเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะพยุงขึ้นตามลำพัง วิรินร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ในตอนนั้นเองที่ธามเปิดประตูรั้วที่ยังไม่ทันล็อกเข้ามา ร่างสูงตรงไปยังสองคนพ่อลูกที่ดูน่าสงสาร
“ไปรถฉัน ฉันจะพาพ่อเธอไปส่งโรงพยาบาลเอง”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ในเวลานี้วิรินไม่มีเวลาจะตั้งแง่กับเขาอีก ไม่ว่าก่อนหน้านี้เคยรู้สึกไม่ดีกับเขาอย่างไร ในตอนนี้เขาคือคนที่ช่วยเหลือเธอได้ ความรู้สึกที่มองเขาจึงเปลี่ยนไปทันที
“ช่วยพาพ่อฉันไปส่งโรงพยาบาลด้วยนะคะ”
ดวงตาหวานซึ้งที่ขอร้องมาทำให้ธามยิ่งหัวใจกระตุก ทว่าเขาคนเดียวไม่สามารถอุ้มร่างของวิภูได้ จากเสียงร้องขอความช่วยเหลือของวิริน เพื่อนบ้านใกล้เคียงที่เป็นชายหนุ่มเลยวิ่งเข้ามาช่วยกันหลายคนจนในที่สุดวิภูก็ไปถึงโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพ่อฉัน” วิรินบอกกับคนที่ยืนอยู่เป็นเพื่อนกับเธอในห้องพัก กระทั่งตอนนี้บิดาได้แอทมิดแล้วจึงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้ ห้องพักรวมสามคนคือห้องที่เธอสามารถจ่ายได้ วันนี้จึงไม่สามารถนอนเฝ้าบิดาได้
ได้แต่มายืนหน้าห้อง น้ำตาซึมอยู่คนเดียว เธออยู่กับบิดาแค่สองคน ส่วนมารดาแยกทางกับบิดาไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เธออายุได้สิบห้าปี นานๆ ถึงจะติดต่อกันสักที เธออยากหาใครสักคนที่อยู่เป็นเพื่อนในยามนี้เพราะตอนนี้บิดายังมีคดีความและอาการป่วยจากโรคไตซึ่งต้องฟอกอาทิตย์ละครั้งเข้ามาด้วย
วิรินเหมือนคนหมดหนทาง น้ำตาคือเพื่อนคนเดียว ฟากเจ้าของร่างสูงผึ่งผายในชุดเสื้อเชิ้ตอย่างดียืนสอดมือล้วงกระเป๋ามองตรงมายังหญิงสาวที่กำลังยืนร้องไห้เงียบๆ ไม่ต่างจากลูกนกพลัดจากรังให้ความรู้สึกน่าสงสารจนอยากกอดปลอบ แต่ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะบังคับใครถ้าเจ้าตัวไม่เต็มใจ
“มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้”
วิรินมองเขาอยู่อึดใจหนึ่ง ทุกอย่างกะทันหันรวดเร็วไปหมด ไม่รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไรดี คดีความของบิดาต้องใช้เงินจำนวนมากถ้าไม่สามารถหาเงินไปให้ได้ก็ต้องติดคุกไปตามกฎหมาย แต่ว่าเธอเหลือพ่อคนเดียวแล้ว อย่างไรก็ทนเห็นพ่อติดคุกไม่ได้
“ข้อเสนอของคุณยังเหมือนเดิมอยู่ไหมคะ” เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วมองเขาอย่างเต็มตา “ฉันต้องการเป็นผู้หญิงของคุณเพื่อแลกเงินค่ะ”
คลับหรูย่านทองหล่อ ที่มีแต่คนมีเงินระดับเอลิสต์มาเที่ยว นักเที่ยวราตรีแต่ละคนต่างสนุกสนานผ่อนคลายกันอย่างสุดเหวี่ยง คลับแห่งนี้ต้อนรับทุกคนที่มีเงินเข้ามาใช้ทิ้งใช้ขว้าง มีบรรดาสาวสวยเดินโชว์เรือนร่างสัดส่วนเย้ายวนบนเวทีเพื่อเรียกดริ๊งค์อันเป็นรายได้ของพวกเธอในแต่ละค่ำคืน
เสียงเพลงคึกคัก สร้างความสนุกสนานผ่อนคลายให้กับเหล่าจิ้งจอกราตรีที่มีทั้งหนุ่มโสดและไม่โสด บางคนหนีแฟน หนีเมียมาเที่ยวบางคนโสดอยากมาเปิดหูเปิดตาให้ตัวเอง ในมุมหนึ่งโซนวีวีไอพี ธามและแก็งเพื่อนสนิทของเขา ที่ต่างนั่งเอนหลังพิงโซฟา ในมือถือแก้วเหล้ากระดกเข้าปากอย่างมีความสุข เขามากับเพื่อนสี่คน แต่ละคนมีสาวสวยนั่งคลอเคลียข้างกาย หน้าอกอวบอิ่มผลิพุ่งคลอเคลียอยู่ตรงแผงอกกระตุ้นความต้องการ แต่คนมากประสบการณ์ไม่ได้เตลิดกันง่ายๆ พวกเขารอจัดหนักทีเดียว ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในกลุ่ม
ธามเอาแต่นั่งดื่ม พูคคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน เขาตั้งใจมาผ่อนคลายไม่ได้ปลดปล่อยแต่ว่าบางทีเพื่อนก็คิดแทนเรียบร้อย
“ธามน้องบันนี่คนนั้นเป็นดาวที่นี่ ดูดิสเปกมึงเลย ตัวเล็ก ผอมบาง เอวคอด หน้าหวานใสเหมือนเด็ก ให้ผู้จัดการเรียกให้มึงเอาไหม” อรรถพลชี้ไปยังสาวน้อยคนหนึ่งที่สวมคอสเพลย์เป็นกระต่ายน้อยบันนี่ที่กำลังเต้นยั่วยวนบนเวที สวย เด่นสะดุดตา ฝ่ายบันนี้เองก็จ้องหนุ่มหล่ออยู่แล้ว เธอส่งสายตาเชิญชวนให้ธาม และเผื่อแผ่ให้แขกที่มาเที่ยวแต่ไม่เท่ากับที่มองธาม
ธามมองตามมือเพื่อนแล้วยกยิ้ม แต่กลับนึกถึงภาพสาวสวยอีกคน ภาพสะโอดสะองของวิรินในวันนั้นผุดขึ้นมา จนเผลอยิ้มกับตัวเอง ครั้งแรกที่เจอเธอ วิรินใส่คอสเพลย์บันนี่เหมือนกัน หากแต่สวยมากกว่าคนบนเวทีมาก วิรินขาวใส สวยหวาน ขาเรียวยาว ผิวนวลเนียนราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยง หน้าอกอวบอิ่มเป็นลานเนินชวนให้ฝังใบหน้าลงไป แค่คิดก็ให้คึกคักจนอยากกลับไปฟัดคนที่บ้าน
สายตาสีน้ำตาลคู่คมของธามที่มองไปยังบันนี่ในชุดสีชมพูจับนิ่งอยู่เนิ่นนานทำให้สาวสวยอมยิ้มเอียงอายเพราะคิดว่าเขาชอบเธอ บรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอก็เล็งชายหนุ่มสุดหล่อคนนี้ไว้นานแล้ว แต่ไม่มีใครได้ไปนั่งด้วยสักที ถ้าได้ทั้งคนหล่อและได้เงินด้วยก็คงดี ตั้งแต่ชายหนุ่มก้าวเข้ามากระทั่งตอนนี้เขาก็ไม่เรียกใครไปนั่งด้วยบันนี่สีชมพูมั่นใจว่าตัวเองคือคนที่ชายหนุ่มต้องตาต้องใจแน่นอน ก็ดูเขาสิมองมาไม่วางตา ยิ่งเห็นเขากระดิกนิ้วมือเรียก ก็ยิ้มดีใจ แต่ยังรักษาท่าทีค่อยๆ รอจนจบเพลง จึงเดินลงจากเวทีไปหาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
ธามมองตามทุกท่วงท่าการเดิน เขามองตาไม่กะพริบระหว่างที่สาวน้อยบันนี่แทรกกายผ่านเพื่อนๆ ที่ขยับให้เจ้าหล่อนเดินเข้ามาหาเขากันอย่างพร้อมใจ เสียงเพื่อนร้องบราโว เฮฮา เมื่อสาวน้อยผิวขาวจัดเดินผ่าน เมื่อไปถึงก็นั่งบนตักของธามทันที ทำให้เพื่อนๆ ของเขาต่างมองด้วยสายตาอิจฉาบางคนเสียเป็นแสน แขนก็ไมได้จับ แต่นี่อะไรวะ ยังไม่ทันเสียสักดริ๊งค์ เจ้าหล่อนก็ทิ้งสะโพกลงทับเสียแล้ว สร้างความอิจฉาให้เพื่อนๆ จนหูกระดิก
“กี่ดริ๊งดีคะ”
“จัดมาสักห้าสิบ”
สาวบันนี่อุทานในใจ ยิ้มจนหน้าบานเพราะนั่นเท่ากับว่าเธอจะได้เงินเรือนแสนในคืนนี้ แถมเขาก็หล่อ จัดว่าเด็ดที่สุดในย่านนี้เลย ถ้าได้กินของเด็ดในคืนนี้ก็ถือว่าโชคดีสองชั้น เมื่อเห็นดวงตาหวานพราวระยับของหนุ่มหล่ออีกทั้งมือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่สุขทั้งบีบทั้งจับบันนี่สาวก็ยิ้มพราว คืนนี้ได้กี่ทีดีนะ