วันต่อมา หลังงานจบคอนเสิร์ตวงแบดกาย @สนามกีฬากลางจังหวัด ภูเก็ต
ฉันมองดูการแสดงคอนเสิร์ตเพลงสุดท้ายของวงแบดกายอย่างประทับใจ เพลงสุดท้ายที่ร้องร่วมกันระหว่างนักร้องนำวงอย่าง ลม หรือ คุณหมอสายลม ตามที่ใครๆเขาเรียกกัน และมือเบสอย่าง ชิน ที่ประสานเสียงร้องกันได้อย่างละมุน ชวนหลงใหลจริงๆ
คอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในวันนี้จัดแสดงเพียงรอบเดียวเท่านั้น ทำให้เวลาในการจองตั๋วคอนเสิร์ตครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ตั๋วคอนเสิร์ตก็เกลี้ยงทุกระบบ ไม่ว่าจะจองผ่านเว็บ ผ่านช่องทางอื่นๆ หรือแม้กระทั่งมายืนต่อคิวจองตั๋วกันตามสถานที่ต่างๆที่บริษัทกำหนดไว้ ด้วยเหตุเพราะปริมาณความจุคนในคอนเสิร์ตครั้งนี้ จุได้เพียง 30,000 คนเท่านั้น ทำให้เวลาในการจองถึงรวดเร็วชนิดอย่าได้ไปทำอะไรกันเลยเชียวในช่วงที่ปล่อยให้จองตั๋ว
ทำให้รู้เลยว่าวงแบดกายนี่ดังมากและเป็นที่นิยมมากมายแค่ไหน แค่เพียงสองปีทำให้พวกเขาขึ้นมาเป็นวงดนตรีอันดับหนึ่งของประเทศ เท่านั้นไม่พอพวกเขายังขึ้นเป็นวงดนตรียอดนิยมอันดับต้นๆ ของเอเชียอีก ซึ่งจากที่สังเกตเห็นไม่ได้มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่เข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้ ชาวต่างชาติที่เป็นคนเอเชียจำนวนไม่น้อยที่สามารถฟาดฟันจองตั๋วคอนเสิร์ตครั้งนี้มาได้ แล้วยังต้องเดินทางจากประเทศบ้านเกิดของตัวเองเพื่อมาชมศิลปินในดวงใจของตัวเองถึงที่อีก ฉันยอมใจให้เลยจริงๆกับเหล่าแฟนคลับที่คลั่งไคล้ศิลปินในดวงใจจริงๆ ที่ยอมทำทุกอย่างแม้ได้แค่เห็นหน้าไกลๆ ก็ยังดี
“คืนนี้ผมจองไว้แล้วนะครับห้องวีไอพีของผับ The Next (ผับดังของภูเก็ต) ส่วนตัวสุดๆ มีทางเข้าโดยเฉพาะแขกวีไอพีด้วย งานนี้จะไม่มีใครรู้ว่าเราแอบมาเที่ยวผับนี้อย่างแน่นอน รับรองว่าไม่มีใครมาวุ่นวายด้วย” เสียงของตุลย์บอกกับทุกคน
“แล้วพนักงานร้านล่ะ จะไม่ไปบอกใคร?” ชินเอ่ยถามเหมือนพยายามปิดรูรั่วในการปาร์ตี้ครั้งนี้ว่าพวกเขาจะไม่เป็นตกข่าวขึ้นในภายหลังจากไปเที่ยวครั้งนี้
“พนักงานที่จะเข้ามาดูแลจะมีเพียงสองคนเท่านั้น และจะอยู่กับเราตลอดทั้งคืนที่เรายังอยู่ในผับนี้ อีกทั้งห้องวีไอพีนี้มีห้องน้ำส่วนตัวด้วย ปลอดภัยได้ว่าจะไม่มีคนนอกเข้ามาวุ่นวายกับเรา” ตุลย์ตอบกลับชินไปอย่างเป็นแบบแผนเชียวล่ะ
“โห พี่ตุลย์ นี่จะฉลองกันที ทำตัวเหมือนโจรยังไงก็ไม่รู้” หมอสายลมเอ่ยแซวตุลย์เล็กๆ ทำให้ฉันแอบขำเมื่อพวกเขาไม่ทันสังเกต แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเขาคนนั้นได้
“ตกลงผับนี้นะทุกคน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาเจอกันหน้าโรงแรม โอเค” ตุลย์พูดบอกทุกคนแล้วทุกคนพยักหน้าเหมือนตกลง เดี๋ยวนะ ไม่คิดจะถามฉันก่อนเหรอว่าพวกเขาไปได้ไหม
“ทุกคนคะ พี่ต้องถามทางบริษัทก่อนนะคะว่าทุกคนไปได้หรือเปล่า” ฉันรีบทักท้วงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นทุกคนกำลังจะเดินไปขึ้นรถ
“พี่โรสครับ ไปด้วยกันนะครับ บางครั้งปิดตาสักข้างก็ไม่เป็นไรหรอก ผมบอกแล้วไงว่าปลอดภัย ไม่มีทางเป็นข่าวอย่างแน่นอน และจะไม่ทำให้พี่เดือดร้อนด้วย” คิงทำเป็นขยิบตาให้ฉันดูแล้วพูดโน้มน้าวให้ฉันคล้อยตาม
“งั้น พวกเราไปกันเถอะ แต่อย่าให้พี่เดือดร้อนนะ” ฉันบอกออกไปอย่างห้ามไม่ได้ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
“ไปด้วยกันสิ” ควินน์กลับพูดขึ้นมาหลังจากที่ฉันเห็นเขาเงียบฟังทุกคนพูดอย่างเดียว
“ไม่...” ฉันกำลังจะปฏิเสธก็โดนหมอสายลมพูดขึ้นมา
“ไปเถอะครับพี่โรส ไปสนุกกันแล้วอีกอย่าง พี่โรสจะได้ไปดูพวกเราด้วย พี่โรสจะได้มั่นใจว่าพวกเราไม่ก่อความเดือดร้อนให้พี่จริงๆ” คำพูดของหมอสายลมทำให้ฉันคิดหนักขึ้นมาทันที
มันก็ถูกอย่างที่น้องเล็กของวงพูดนะ ถ้าฉันไปด้วยแล้วเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นมาจริงๆ ฉันจะได้หาทางออกให้พวกเขาได้ทันท่วงที อีกอย่างหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาจริงๆแล้วฉันไม่อยู่ตรงนั้นด้วย ฉันก็อาจจะโดนปลดกลางอากาศทั้งที่ยังไม่ได้หาคนมาทำหน้าที่แทนตำแหน่งนี้ได้จริงๆ แล้วพี่วาวอาจจะเดือดร้อนไปกับเรื่องนี้ ยิ่งคิดยิ่งเครียด เอาไงดี สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่า ไปก็ได้วะ
“ตกลงค่ะ พี่จะไปดูแลพวกเรา เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา จะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน” ฉันบอกกับทุกคนออกไปอย่างจำนนต่อสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เย้! เย้! เย้!” เสียงร้องดีใจเบาๆของหมอสายลม คิงและตุลย์ดังขึ้นมา ส่วนชินและควินน์ทำเพียงยิ้มบางๆอย่างพอใจเท่านั้น
เวลา 22.00 น. @The Next ตัวเมืองภูเก็ต
“เป็นยังไงครับทุกคน เห็นไหมบอกแล้วว่าเข้ามาโดยไม่มีคนนอกรู้ได้ แถมน้องสองคนนี้จะไม่มีทางบอกใครว่าเรามาเที่ยวที่นี่ด้วย ถูกไหมครับน้องๆ ว่าแต่น้องๆชื่ออะไรกันบ้างเอ่ย” ตุลย์หันไปถามน้องสองคนที่มาดูแลพวกเราโดยเฉพาะตลอดการเที่ยวครั้งนี้
“แอปเปิ้ลค่ะ” น้องที่ใส่ชุดกระโปรงสั้นสีแดงบอกชื่อตัวเองออกไปก่อนจะยิ้มให้อย่างอายๆ
“เชอร์รี่ค่ะ” ตามด้วยน้องใส่กระโปรงสั้นสีดำบอกชื่อตัวเองเป็นคนต่อมาแล้วก็ยิ้มออกมาอายๆเช่นกัน
“ว้าว วันนี้มีน้องผลไม้มาดูแลพวกเรา” คิงเอ่ยแซวน้องๆทั้งสองคนที่เริ่มตักน้ำแข็งใส่แก้วให้พวกเราแต่ละคน
“รับอะไรกันค่ะ” น้องที่ชื่อเชอร์รี่เอ่ยถามพวกเรา ฉันจึงมองไปยังกลุ่มเครื่องดื่มตรงหน้าที่มีทั้งเหล้ายี่ห้อดังสองยี่ห้อ เบียร์ประมาณสองสามยี่ห้อดัง คอกเทลผลไม้สองสามอย่างเห็นจะได้ ว่าแต่ถ้าดื่มกันหมดนี่จริงๆจะยังมีสภาพเดิมเหมือนตอนเข้ามากันอยู่นะ เหมือนมาครั้งนี้เน้นมาเมามากกว่ามาฉลองยังไงยังงั้น หรือว่าการฉลองคือการเมา เริ่มสับสน
“พี่โรสรับอะไรดีครับ” เสียงน้องสายลมซึ่งเป็นน้องเล็กสุดในวงถามฉันขึ้นมาในขณะที่สมองของฉันกำลังประมวลความคิดกับเครื่องดื่มที่เห็นตรงหน้าอยู่ว่าควรดื่มอะไรดีที่สามารถยังมีสภาพที่กลับออกไปเหมือนตอนเดินเข้ามาได้
“พี่เอาบลูมาการิต้า (BLUE MARGARITA) ก็แล้วกันค่ะ” ฉันมองค็อกเทลสีฟ้าสวยที่มันล่อตาฉัน
เมื่อน้องแอปเปิ้ลที่ได้รับออร์เดอร์ชื่อเมนูน้ำจากลมแล้วก็เริ่มทำการผสมเครื่องดื่มนั้นอย่างเชี่ยวชาญ โดยบลูมาการิต้าจะประกอบไปด้วย เหล้าเตกีล่า บลู คูราโซ่ น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม น้องแอปเปิ้ลใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเชคเกอร์ จากนั้นน้องเขาก็เขย่าเล็กน้อยด้วยลีลาชวนมองประมาณ 10 วินาทีได้มั้ง มันก็จะได้ค็อกเทลสีฟ้าสวยลงในแก้วใสที่ขอบแก้วมีเกล็ดน้ำตาลรอบขอบ พอฉันชิมน้ำนั้นเข้าไปก็รับรู้ได้ถึงรสชาติเปรี้ยวอมหวาน แล้วมันก็หายเข้าไปในท้องของฉันในพริบตาเดียวรวดเดียวหมดแก้วอย่างไม่รู้ตัว
“อร่อยไหมครับพี่ ดื่มหมดแก้วไม่รอกันเลย” ไม่รู้ว่าเสียงใครเอ่ยถามขึ้นมาทำให้ฉันได้แค่เพียงพยักหน้าตอบเพราะความรู้สึกหลังจากที่ดื่มแก้วแรกไปเหมือนจะมึนเล็กน้อยแล้ว
“รับพิ้งค์เลดี้ (Pink Lady) ต่อไหมครับพี่โรส” ฉันหันไปมองตามเสียงก็รู้ว่าเป็นคิงที่เอ่ยถามขึ้นมา ฉันเพียงพยักหน้าตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว โดยไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่นั่งข้างฉันที่เป็นโซฟาตัวเดียวกันนั้นซึ่งคนคนนั้นคือใครฉันก็ไม่รู้เพราะว่าฉันไม่ได้หันไปมอง
ฉันมองไปยังน้องเชอร์รี่ที่กำลังทำคอกเทลอีกแก้วให้ฉัน ที่คิงบอกว่ามันมีชื่อว่า พิ้งค์เลดี้ อย่างตั้งใจเพื่อดูว่าเครื่องดื่มนี้มันผสมอะไรบ้าง เผื่อว่ารสชาติถูกใจจะได้ลองหาทำเองดูบ้าง ส่วนผสมที่น้องเชอร์รี่ใส่ลงไปมา เหล้าจิน ไซรัปสีใสๆ ฉันเห็นข้างขวดเขียนว่า ทริเปิลเซค ตามด้วยน้ำมะนาว แล้วก็น้ำเชื่อมทับทิม เมื่อน้องเชอร์รี่ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป น้องเขาก็ทำการเขย่าแรงๆ เร็วๆ ราว 10 วินาที ด้วยลีลาน่ารักที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีอย่างเชี่ยวชาญ แล้วน้ำสีชมพูใสก็ใส่ลงมาที่แก้ว เมื่อฉันได้รับแก้วมาฉันก็ทำการยกขึ้นชิมทันที รสชาติของเครื่องดื่มนี้จะออกหวานๆ หอมกลิ่นไซรัป
ฉันเอนตัวลงไปทางด้านหลังเมื่อเริ่มรู้สึกว่าโลกกำลังหมุน ไม่คิดว่าแค่คอกเทลสองแก้วจะทำให้ฉันเมาได้ ฉันจึงหลับตาเพื่อเรียกสติตัวเอง พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ แต่เหมือนกับว่ามีเสียงเรียกดังขึ้นมาข้างหูในระยะที่ใกล้มาก และรู้สึกถึงอ้อมแขนที่โอบรัดมาที่ตัวของฉัน
“ไหวไหม” เสียงที่ชัดมากพร้อมกับลมอุ่นๆที่สัมผัสเข้าที่ใบหูข้างขวา ทำเอาร่างกายของฉันมันนิ่งไปแล้วอาการขนลุกทั่วทั้งแขนมันคืออะไรอีก ท่าทางฉันจะเมาแล้วจริงๆ ที่อยู่ๆรู้สึกว่ากำลังถูกเขากอดอยู่
แล้วสติของฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีก ไม่ได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน ไม่ได้ยินเสียงเพลงที่ดังก่อนหน้าที่ฉันจะดื่มคอกเทลแก้วที่สอง ไม่ได้ยินอะไรเลย พร้อมกับภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นหน้าคิงยื่นแก้วเครื่องดื่มอะไรไม่รู้มาที่ฉัน
“อืมม อึดอัด” ฉันร้องออกมาเมื่อรับรู้ถึงการกอดรัดที่แน่นขึ้น แล้วรู้สึกว่าร่างกายกำลังลอยขึ้นยังไงยังงั้น
“คนเดียวไหวนะพี่”
“อืมม แกไปพักเถอะ เดี๋ยวพี่อุ้มไปส่งห้องเอง”
“โอเค ครับพี่”
เสียงใครคุยกันน่ะ แล้วใครอุ้มใครอยู่ แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน พอนึกถึงว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ฉันก็รีบพยายามลืมตาขึ้นมามอง แต่เหมือนว่าหนังตาไม่ยอมทำตามคำสั่งของสมองเลยสักนิด แล้วฉันก็ทิ้งร่างตัวเองอย่างไม่สนใจ ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
“อื้อ...” ฉันร้องออกมาอย่างรำคาญเมื่อถูกก่อกวนอีกครั้ง
“เช็ดหน้า เช็ดตัวก่อนแล้วค่อยนอนต่อ” เสียงเข้มๆ ดุๆ ที่ดังขึ้นมาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกลัวนะ แต่ทำไมเสียงนี้มันคุ้นหูจัง
“ใครอะ”
“อื้อ อย่าโดนตรงนั้น” ฉันร้องบอกออกมาเมื่อรู้สึกว่ามีสัมผัสจากความเย็นของผ้าที่มันไปโดนตรงหน้าอกของฉัน แล้วก็รู้สึกเหมือนไออุ่นๆพร้อมกับสัมผัสจากอะไรบางอย่างลงมาที่เนินอก และซอกคอ
“อื้อ อย่า” ฉันร้องบอกทั้งที่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่ามันคือความจริงหรือความฝัน แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน แต่ที่สัมผัสได้ร่างกายของฉันมันสัมผัสกับที่นอนนุ่มๆอยู่
“คราวหลังอย่าดื่มแบบนี้อีก” คำพูดของเขาดังเข้ามาในหูข้างขวา แล้วสติสตังของฉันก็หายไปพร้อมกับความมึนและเมา