เวลาต่อมา @ห้องสตูดิโอ
“มาแล้วคนหล่อทั้งหลายของพี่” สาวประเภทสองคนหนึ่งเดินปรี่เข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับควินน์ที่เดินมาคู่กัน
ฉันก็ไม่ได้อยากเดินข้างเขาเข้ามาหรอก ซึ่งในตอนแรกหลังจากที่ฉันลงมาจากรถตู้ ฉันเดินมาพร้อมกับชินที่เป็นหัวหน้าวงและเล่นตำแหน่งมือเบส แต่เราสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนักหรอก เพราะพวกเราทั้งหมดคุยกันมากพอสมควรสำหรับการมาอัดรายการของวันนี้ เราสองคนเดินคุยกันได้แค่สองประโยค อยู่ๆควินน์ก็เดินมาแทรกระหว่างฉันกับชินโดยไม่พูดหรือขอโทษอะไรเลยที่แขนของเขามากระแทกที่ไหล่ของฉัน จนชินเดินนำเราสองคนไปเดินกับตุลย์ ทิ้งให้ฉันเดินกับควินน์เพียงสองคนตามหลังทุกคน
“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายและกำลังจะแนะนำตัวแต่ก็โดนแย่งพูดเสียก่อน
“นี่ใคร อย่าบอกว่าแฟนน้องควินน์”
“เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ขอแนะนำตัวหน่อยนะคะ ชื่อรสาค่ะ เป็นผู้จัดการวงคนใหม่ชั่วคราวค่ะ”
“อ๋อ เฮ้อ ใจหายใจคว่ำนึกว่าแฟนใหม่น้องควินน์มาเฝ้า ที่แท้ผู้จัดการวง อ้าว ช่างแต่งหน้ามาพาหนุ่มๆไปแต่งตัวเร็ว เดี๋ยวจะเริ่มอัดรายการแล้ว”
“เอ่อ ฉันขอเข้าไปดูการเตรียมตัวของพวกเขาได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยออกไปเพราะไม่รู้จะทำอะไรในช่วงที่รอทั้งห้าหนุ่มแต่งตัว
“อืมม ได้ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” ฉันเอ่ยออกไปก่อนจะเดินตามหลังพวกเขาทั้งห้าคนที่ค่อยๆเดินหายไป โดยฉันเห็นหลังของควินน์เป็นคนสุดท้ายที่เดินตามหลังทุกคน
“มานี่” ฉันโดนกระชากเข้าไปยังห้องแต่งตัวของแขกรับเชิญที่มาอัดรายการ โดยที่นี่จัดให้ห้องแต่งตัวหนึ่งห้องต่อศิลปินหนึ่งคน ทำให้ดูมีเวลาส่วนตัวพอสมควรในช่วงการแต่งหน้าแต่งตัวที่สามารถทำอะไรได้มากพอสมควร
ฉันถูกลากเข้ามาในห้องโดยควินน์ ทำให้ในห้องนี้จึงมีคนในห้องทั้งหมด 4 คน ซึ่งมีฉัน ควินน์ ช่างทำผมและช่างแต่งหน้า โดยสองคนหลังที่ฉันพูดถึงนั้นทำตัวเหมือนอากาศก็ไม่ปาน เธอทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม่แสดงสีหน้าอะไรเมื่อเห็นฉันเดินเข้ามาพร้อมกับควินน์ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เห็นอะไรที่ผิดสังเกตแบบนี้ จนฉันอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้เพราะกลัวพวกเธอสองคนจะเก็บข้อมูลแล้วเอาไปนินทากันว่าฉันเป็นแฟนของควินน์อย่างที่สาวประเภทสองคนนั้นพูดตอนที่เห็นฉันเดินมาพร้อมกับควินน์
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้จัดการวงคนใหม่ค่ะ ยินดีที่รู้จักนะคะ” ฉันเอ่ยออกไปพร้อมกับยิ้มให้บางๆ แต่ดูเหมือนพวกเธอสองคนจะไม่ได้สนใจกับคำเอ่ยทักทายของฉันเลยสักนิดเดียว
“หยิบชุดแล้วเอาเข้ามาในห้องให้ด้วย” หืมม ที่พูดเมื่อกี้คือฉันเหรอ เมื่อเขาพูดจบก็เดินไปยังห้องเปลี่ยนชุดทันที โดยที่ฉันยังไม่รู้เลยว่าเขาต้องใส่ชุดไหน
“นี่คะชุดของควินน์ที่ต้องใส่อัดรายการ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับชุดจากช่างแต่งหน้า ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นช่างแต่งหน้านะ พอรับมาแล้วก็เดินไปยังห้องเปลี่ยนชุดที่ควินน์เข้าไปแล้ว
“ก๊อก ก๊อก ควินน์คะ ชุดได้แล้วค่ะ” ฉันเคาะประตูเบาๆแล้วเรียกเขาให้เปิดประตูมารับชุดที่ฉันถืออยู่
“ว้าย!” ฉันร้องออกมาเบาๆอย่างตกใจเมื่อโดนดึงจากคนที่อยู่ในห้อง
“ควินน์!” ฉันหันไปดุเขาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่รู้สึกอะไรที่ทำแบบนี้กับฉันวันนี้สามครั้งแล้วนะ
“ชุดที่ต้องใส่ใช่ไหม” เขาเอ่ยถามโดยไม่สนใจสีหน้าของฉันที่กำลังไม่พอใจอย่างหนัก
“เฮ้ย มาถอดแบบนี้ไม่ได้นะ ให้พี่ออกไปจากห้องก่อนสิ” ฉันรีบหันหลังให้เขาทันทีแล้วพูดออกมา โดยที่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาจากเขา แต่ฉันได้ยินเหมือนเสียงเสื้อผ้าหล่นลงพื้น อย่าบอกนะว่าเขาถอดเสื้อผ้าอยู่ทั้งที่ฉันยังอยู่ในห้องนี่นะ
“งั้นพี่ออกไปรอข้างนอกนะคะ” ฉันพยายามเดินหันหลังไปให้ใกล้ประตูที่สุดเพื่อออกไปจากห้องนี้
“อ๊ะ!” ฉันร้องออกมาเสียงหลงอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆมือของคนที่อยู่ในห้องเดียวกับฉันในตอนนี้เข้ามาสวมกอดฉันจากทางด้านหลัง และฉันรับรู้ได้ถึงหน้าอกแกร่งที่ไร้อาภรณ์ปกปิดไว้
“ช่วยดูให้ก่อนสิว่าชุดที่เขาให้ใส่เป็นไง”
“เดี๋ยวควินน์ใส่เรียบร้อยแล้วค่อยออกมาให้พี่ และช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมดูแล้วกันนะ ตอนนี้พี่ขอออกไปก่อนนะ” ฉันเริ่มเสียงสั่นเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือของเขาที่มาลูบเบาๆตรงบริเวณท้องน้อยของฉัน ถึงจะมีเสื้อกั้นสัมผัสมือของเขาแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกับว่ามือนั้นกำลังลูบที่ท้องน้อยของฉันโดยปราศจากสิ่งห่อหุ้มร่างกายฉันอยู่
“ครับ” ลมร้อนที่ผ่านเข้ามายังใบหูด้านซ้ายยิ่งตอกย้ำความรู้สึกให้ร่างกายของฉันยิ่งเกร็งหนักขึ้น ไม่รู้ว่าฉันโดนเขากอดนานแค่ไหน เราสองคนรู้สึกตัวตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องจากช่างสองคนที่อยู่ด้านนอก
“น้องควินน์เปลี่ยนชุดเสร็จหรือยังคะ”
“เดี๋ยวควินน์ออกไปค่ะ” ฉันต้องเป็นคนตอบออกไป เมื่อคนที่ถูกถามยังคงเงียบไม่ตอบออกไป แต่มือและปากของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งจนฉันต้องจับมือของเขาออกจากเอวของฉันพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบออกมาให้ห่างจากตัวเขาก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อเดินออกไป
“น้องควินน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ช่างทำผมเอ่ยถามฉันเมื่อเห็นฉันเดินมานั่งอยู่ด้านหลังเก้าอี้สำหรับนั่งแต่งหน้า
“ไม่เป็นอะไรคะ เหมือนจะไม่ค่อยโอเคกับชุดที่ได้ใส่เท่าไหร่เลยเรียกฉันไปบ่นให้ฟัง” ฉันโกหกออกไปเพื่อตัดปัญหาคิดว่าจะไม่เกิดคำถามตามมา
“ห๊ะ! น้องควินน์บ่นชุดเหรอคะ พี่อัมทำไงดี” อ้าว เป็นฉันที่ทำให้พวกเขาสองคนมีสีหน้าที่ตกใจแทนพอเจอคำโกหกของฉันออกไป
“เอ่อ แต่ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ตอนนี้ควินน์โอเคแล้ว นั่นไงคะออกมาแล้ว แต่งหน้าทำผมให้ควินน์เลยค่ะ เดี๋ยวเลยเวลาอัดรายการ” ฉันเปลี่ยนประเด็นการสนทนาทันทีเมื่อสีหน้าของช่างสองคนเหมือนกำลังร้องไห้ เมื่อเห็นควินน์เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด
การถ่ายทำรายการผ่านไปด้วยดี สมาชิกในวงแบดกายทุกคนให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี การสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับงานเพลงของพวกเขา ประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งวงดนตรีนี้ รวมถึงความชอบของแต่ละคน ซึ่งพอมาเจอคำถามหนึ่งเข้าที่ทำเอาสาวๆ พากันตั้งใจฟังกันเป็นอย่างมาก
“ไม่ทราบว่าตอนนี้สถานะหัวใจของแต่ละคนเป็นยังไงบ้างคะ มีใครไปนั่งอยู่ข้างในนั้นกันหรือเปล่า” คำถามนี้เหล่าสมาชิกพากันมองหน้ากัน ยกเว้น เขาคนนั้นที่หันมามองทางฝั่งท่านผู้ชมแล้วสายตาของเขาก็เหมือนกำลังสื่อถึงใครสักคนอยู่อย่างนั้นล่ะ
ฉันมองไปทางหนุ่มๆทั้งห้าคน แล้วก็ต้องชะงักกับสายตาคู่นั้นของควินน์ในขณะที่เจอคำถามของพิธีกรบนเวลา ซึ่งฉันเลือกที่จะไม่เข้าข้างตัวเองพร้อมกับบอกตัวเองว่า คงไม่ใช่ฉันหรอก แล้วหลังจากนั้นจึงเลือกหันไปมองด้านข้างที่มีเหล่าทีมช่างไฟกำลังทำงานอยู่แทนการมองไปยังเวที
“พวกเราห้าคนก็มีเหล่าแฟนคลับที่อยู่ในใจครับ” คำตอบที่ออกมาจากปากของหัวหน้าวงอย่างชินทำให้ห้องอัดตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องอย่างชอบใจของเหล่าแฟนคลับที่พกป้ายไฟมากมายรวมถึงป้ายรูปของคนที่พวกเขาแต่ละคนชอบชูขึ้นมาอย่างดีใจ
“ไม่ทราบพอจะบอกได้ไหมคะว่าสเป็คผู้หญิงที่อยากให้เป็นแม่ของลูกเป็นแบบไหนกัน” คำถามจากพิธีกรสาวที่ทำเอาเหล่าแฟนคลับสาวพากันเงียบโดยอัตโนมัติยังกับถูกถอดปลั๊กออกพร้อมกันอย่างไงอย่างนั้น
หลังจากได้ยินคำตอบของแต่ละคนก็จะมีเสียงกรีดร้องตามมาอย่างชอบใจของเหล่าแฟนคลับที่ดูเหมือนจะพอใจในคำตอบของศิลปินในดวงใจเป็นอย่างมาก จนมาถึงคำตอบของเขา อยู่ๆหัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมาซะดื้อๆอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอาการที่เป็นนี้มันคืออะไร ทั้งที่คนที่กำลังตอบนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย เราแค่เคยนอนด้วยกันครั้งเดียวเท่านั้นเอง
“ผมชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่าผมครับ และต้องเป็นคนแรกของผมด้วย”
“หืมม ยังไงเหรอคะคนแรก”
“อ๋อ ควินน์หมายถึงเขาต้องเป็นคนแรกของผู้หญิงคนนั้นด้วยครับ” เป็นตุลย์ที่ตอบแทนโดยที่คนที่ให้คำตอบกำกวมนั้นอยู่ๆก็มองมาทางฉันอีกแล้ว เขาจะเอายังไงกับฉันกันแน่นะ หรือว่าเขารู้ว่าฉันคือผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าเขารู้ว่าเป็นฉัน ทำไมถึงดูนิ่งจัง แต่ว่าก็ไม่นิ่งซะทีเดียว ลักษณะอาการของวันนี้ทั้งวันที่เหมือนพยายามจะลวนลามฉันอยู่ตลอดเวลาและพยายามกันไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมาใกล้ฉัน มันคืออะไรกันแน่
เสียงกรีดร้องอย่างชอบใจของเหล่าแฟนคลับทำให้ฉันต้องเลิกคิดในสิ่งที่สงสัยแล้วโฟกัสไปที่ภาพตรงหน้าบนเวทีอย่างสนใจ เพราะฉันต้องเก็บรายละเอียดพวกนี้ไปรายงานให้พี่วาวฟังด้วยว่าการทำงานวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
คำสัมภาษณ์ของควินน์ในวันนี้ในรายการทำให้ฉันเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างไม่เข้าข้างตัวเองว่าการกระทำของเขาในวันนี้มันเหมือนเป็นการบอกให้ฉันรู้หรือเปล่าว่า เขารู้ว่าเป็นฉันที่อยู่กับเขาในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน แล้วสองประโยคที่เขาเคยพูดกับฉันมันก็ดังเข้ามาในหัวของฉันอีกครั้ง
“ผมเป็นของคุณแล้วนะ”
“เธอเป็นคนแรกและจะเป็นคนเดียวของผม”