รุจี จันทรวัชรโภคิน เดินด้วยมาดนางพญามาจนถึงชั้นทำงานของบุตรสาว หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาเปิดตัวโครงการใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกของบริษัทในปีนี้ คาดการณ์ไว้น่าจะสร้างผลกำไรให้กับบริษัทอยู่มากโข มันเป็นตัวโครงการเพื่อยกระดับมาตรฐานในเรื่องตัวสินค้าไทย เน้นส่งขายไปยังทั่วโลกให้ได้เห็นถึงความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของประเทศไทยเราโดยเฉพาะ ไม่ได้ด้อยหรือน้อยหน้าไปกว่าประเทศชั้นนำทางด้านเศรษฐกิจด้านอื่นเลย...
ครั้นเวลานี้ลุล่วงมาจวนเจียนเที่ยงวัน หากเธอกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของรุ้งแก้ว ครั้นพอโทรหา กลับกลายเป็นว่าแม่ตัวดีดันปิดเครื่องหนีเสียนี่ เป็นแบบนี้จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไรไหว...
อย่าว่าแต่อยู่ในงานเปิดตัว แม้กระทั่งโครงการล่าสุดแม่ลูกสาวตัวดีของเธอยังไม่คิดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้จบ แค่บอกให้ธิดารัตน์เป็นฝ่ายประสานงานต่อแค่นั้นแม่ลูกสาวตัวดีก็หายหัวต๋อม การเป็นนักบริหารมืออาชีพเธอย่อมรู้ถึงปัญหาที่จะตามมา ลูกสาวของเธอที่เอาแต่ใจตัวเองคงรับมือกับบรรดาปัญหาทั้งหลายแหล่ไม่ไหว เธอถึงได้ยกงานที่เหลือให้ธิดารัตน์ที่มีทั้งประสบการณ์และความชำนาญมากกว่ารับผิดชอบแทน รุ้งแก้วกลับไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์นี้ วันๆเอาแต่วิ่งรอกอยู่ข้างนอกบริษัท พอตนโทรไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงตามประสาแม่ลูก ด้วยเพราะกลัวจะเกิดอันตรายขึ้น หากรุ้งแก้วกลับแปลเจตนาของเธอในทางจับผิดเสียมากกว่าความห่วงใย เพียงแค่เธอเอ่ยถามยังไม่ทันจบประโยค แม่ลูกสาวตัวดีกลับส่งเสียงแว้ดตวาดเถียงเธอฉอดๆ จนเธอรู้สึกอ่อนใจเหลือเกินกับลูกสาวคนนี้...
ลูกคนนี้คงเลี้ยงโตได้แต่ตัวจริงๆ...
“ใจเย็นๆก่อนเถอะคุณจี หนูรุ้งอาจติดธุระสำคัญที่ไหนอยู่ก็ได้” ปราโมชคว้าข้อศอกของคู่ชีวิตดึงไว้ก่อนตัวลิฟต์จะเคลื่อนตัวถึงชั้นที่ต้องการ
“ไม่ต้องมาเข้าข้างมัน คุณทำเหมือนอย่างกับฉันไม่รู้จักนิสัยลูกสาวตัวเองดีพอ”
รุจีกระชากข้อศอกกลับพร้อมสะบัดเสียงขุ่นใส่สามี ปราโมชที่ถูกดุ ได้แต่ยืนสงบปากสงบคำ ถอยออกมายืนด้านข้างแทนด้วยสีหน้าอึดอัด เงาสะท้อนผนังทำให้รุจีเห็น...
“ขอโทษ! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียใส่คุณ...ฉันควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มันโมโหจริงๆน่ะ...” รุจีถอนหายใจ เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคู่ชีวิต ทำให้รู้สึกยิ่งแย่ที่ดันใส่อารมณ์กับเขาไปแบบนั้น...
“ผมไม่เป็นอะไร ผมเข้าใจคุณ...”
ปราโมชเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มเฝื่อนให้ภรรยา ถึงแม้ภายในจะอดเสียความรู้สึกไม่ได้ก็จริงหากด้วยฐานะที่แตกต่างกัน มันทำให้หนุ่มใหญ่เข้าใจสภาพของตนเองดีเสมอมา เขาไม่มีสิทธิ์โกรธเจ้าหล่อนเลยแม้แต่น้อยนี่นา...
“วันนี้ฉันต้องขอบคุณ คุณสองคนพ่อลูกมากๆเลยนะคะ ถ้าไม่ได้หนูผึ้งช่วยเป็นแม่งานให้ งานเปิดตัวโครงการใหม่วันนี้คงไม่ออกมาเพอร์เฟคจนมีแต่คนเอ่ยปากชมทั่วทั้งงานได้หรอก นี่ถ้ากลับกันถ้าฉันยกให้ยัยรุ้งของฉันรับผิดชอบ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำงานจะออกมาเละตุ้มเป๊ะขนาดไหน...ฉันรู้สึกอิจฉาคุณจริงๆนะคะเลี้ยงลูกมายังไง ถึงได้ดั่งใจขนาดนี้...”
ดีที่งานในวันนี้ทุกอย่างราบรื่นเป็นไปตามแผนการวางเอาไว้ทุกประการ อารมณ์เดือดเลยพลอยถูกระงับไว้ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งหมดนี้เธอต้องขอบคุณธิดารัตน์ รายนั้นเขาอาสาขอช่วยแบ่งเบาภาระเธอไว้ทั้งหมด ขืนรอให้รุ้งแก้วมาเป็นคนจัดการ งานวันนี้เธอคงต้องวิ่งวุ่น คอยตามแก้ไขปัญหาเหมือนกับงานอื่นที่เคยจัดมาอีกตามเคย...
คนถูกชมการเลี้ยงบุตรยิ้มรับ...
“ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่ครับ อะไรที่พอจะช่วยเหลือกันได้ ก็ต้องช่วยกันไป คุณจีก็อย่าเอาแต่ตำหนิหนูรุ้งเลยครับ แกยังเด็กมาก...”
“ฉันจะพยายามค่ะ”
รุจีค่อยผ่อนอารมณ์เดือดจากการโมโหบุตรสาวลงได้บ้าง เธอหมุนกายแล้วคว้ามือของสามีมากุมไว้ ช้อนวงหน้าสวยไม่สร่างขึ้นมองชายตรงหน้า ไม่เสียแรงเลยสักนิดที่เธอตัดสินใจหันหลังให้กับคำนินทาพวกนั้น โดยการเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิตแทนสามีผู้ล่วงลับ อดีตสามีที่วันวันเอาแต่คอยสร้างปัญหาทุกข์หนักให้กับเธอ เท่าที่ผ่านมาเวลาเกิดปัญหาทีไร เธอคล้ายอยู่ตัวคนเดียวในโลกทุกครั้งนั่นแหละ ช่างแตกต่างจากปราโมชราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง เขาไม่เคยทอดทิ้งเธอให้ต้องจมกับปัญหาทุกอย่างเพียงลำพังสักครั้ง ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน เธอก็จะเห็นเขายืนอยู่ในระดับสายตาเดียวกันตลอด...
“ฉันรักคุณนะคะ คุณโมช”
“ผมก็รักคุณนะ คุณจี”
ทั้งสองต่างส่งยิ้มละมุนให้แก่กัน จนกระทั่งตัวลิฟต์เคลื่อนมาจอดยังชั้นที่ต้องการ รุจีก้าวออกมาพร้อมกับปราโมช ทั้งคู่เดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานของรุ้งแก้ว ตรงหน้าประตูห้องดังกล่าวปรากฏโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ มีเจ้าของร่างอวบกำลังนั่งกุมขมับ สีหน้าดูกลุ้มอกกลุ้มใจเสียเต็มประดา เธอเพียรโทรเข้าเบอร์เจ้านายสุดที่รักจะเป็นร้อยสาย หากทางนั้นกลับไม่ยอมเปิดเครื่องรับสายเธอสักที...
ประเดี๋ยวระเบิดคงได้ลงหัวอีดาอีกตามเคย...คิดไม่ทันขาดคำ เสียงกัมปนาทจึงดังขึ้น
“ไงจ๊ะแม่ดาหวั่น...สรุปเจ้านายเธอยอมเปิดเครื่องรับสายเธอแล้วหรือยัง...แล้วตอนนี้แม่ตัวดีเขาไปมุดหัวหลบอยู่เสียที่ไหนล่ะ ต่างจังหวัด หรือว่า คอนโด...”
เจ้าของชื่อรีบผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับท่านประธานใหญ่ของบริษัท เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมเต็มหน้าผากกว้าง ความผิดคราวก่อนยังแปะหรากลางหน้าผาก วันนี้คงไม่แคล้วถูกหมายโทษเพิ่มเป็นอีกกระทงเป็นแน่แท้
ดาหวั่นแอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนละล่ำละลักตอบคำถามท่านประธานใหญ่...
“เอ่อ...ยังเลยค่ะ ท่านประธาน คุณรุ้งยังไม่ยอมเปิดเครื่องเลยค่ะ...แต่...เอ่อ...ดาพยายามติดต่อทางเพื่อนคุณรุ้งทุกคนที่ดาพอจะทราบเบอร์โทร แต่ว่า...ก็ไม่มีใครอยู่กับคุณรุ้งเลยสักคน...”
“แล้วเมื่อวานเขาไม่ได้สั่งอะไรเธอไว้เลยเหรอ...วันนี้เขาจะไปไหน ไปกับใคร แล้วทำไมถึงไม่มางานเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทวันนี้”
“ไม่...ไม่ได้บอกเอาไว้เลยค่ะท่าน เมื่อวานกว่าคุณรุ้งจะเคลียร์งานเสร็จก็เกือบหกโมงเย็น ตอนกลับออกจากบริษัท คุณรุ้งก็ดูปกติดีนะคะ...”
อาจจะมีหัวเสียบ้าง แต่ก็เป็นปกตินี่นา...ดาหวั่นแอบนึกในใจ
ปราโมชไม่ใช่คนโง่ ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาเกือบค่อนชีวิต เจอะเจอผู้คนมามากมาย อุปนิสัยใครเป็นอย่างไรทำไมเขาจะมองไม่ออก ปัญหาของรุ้งแก้วส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตัวเขาหนุ่มใหญ่หลุบเปลือกตา พลางลอบถอนหายใจ...
“ลงไปทานข้าวเที่ยงกับผมดีกว่าคุณจี ...จะได้ทานยาหลังอาหารด้วย” ปราโมชตัดบท แตะแขนภรรยาพร้อมเตือนเรื่องยาหลังอาหาร รุจีเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาซักไซ้เอาความกับคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เลยยอมโอนอ่อนต่อสามี...
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ...เอาไว้เย็นนี้ค่อยว่ากันอีกที แต่เรื่องนี้ ยังไงซะ ฉันก็ไม่มีวันยอมยกโทษให้ยัยรุ้งง่ายๆแน่นอน ถ้าถึงเวลาต้องตัด ฉันก็จะตัด...”
รุจีพูดเสียงเข้ม แววตาของนางพญาวาวแสงดูเด็ดขาด ขืนปล่อยให้รุ้งแก้วทำนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ต่อไปภายภาคหน้าถ้าหากเธอวางมือ หุ้นส่วนที่เหลือใครจะกล้าไว้วางใจ ยอมให้เด็กไม่รู้จักโตมาเป็นคนบริหารบริษัททั้งหมดในเครือแทน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มิต้องเกิดปัญหากันใหญ่โตในอนาคตหรอกหรือ..
ดาหวั่นถึงกับขาสั่นตามคำพูดของท่านประธานใหญ่ ต้องรีบคว้าพนักเก้าอี้คอยพยุงกายหนักช่วยเอาไว้ เธอก้มหน้างุด รู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย นี่ถ้าหากคุณรุ้งแก้วถูกตัดออกจากกองมรดกจริง เจ้านายสาวเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร ...
---------------------------------------------