2

3774 คำ
“บอกอะไรหรือคะ” ญาดากระแทกลมหายใจพรืด กอดอก สีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นในทันที “จะอะไรล่ะ ก็จะให้พี่แต่งงานน่ะสิ” มองคนเป็นพี่ด้วยสายตาชื่นชม ไม่ว่าจะหน้าบึ้ง หน้างอ หน้าสด หรือแต่งหน้า พี่สาวของเธอก็สวยเสมอ ก่อนถามต่อด้วยแววตาอยากรู้  “พี่ดาจะแต่งงานแล้วหรือคะ แต่งกับใครบอกพลินหน่อย” ญาดาบ่ายหน้าไปทางโต๊ะของชายคนเมื่อครู่ พลินที่ยิ้มอยู่ในหน้า มองตามสายตาพี่สาวก่อนครางออกมาด้วยความรู้สึกอย่างหนึ่งในหัวใจ บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร ก่อนสลายหายไปในวินาทีต่อมา “แต่งกับ กับคุณ...คุณบารมีคนนั้นน่ะหรือคะ” จำได้ว่าถามเสียงเบาหวิวออกไป เสี้ยววินาทีรู้สึกอิจฉาญาดา ผู้เป็นพี่สาวขึ้นมาแวบหนึ่งที่กำลังจะได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างบารมี “คุณพ่อแทบเอาพี่ใส่พานไปถวายให้เขาอยู่แล้ว” ญาดาเล่าต่อว่าบิดากับบารมีกำลังทำธุรกิจร่วมกัน โดยมีนายสมช่วยรับผิดชอบดูแลให้ในบางส่วน และบารมีดูแลผลผลิตและการแปรรูป ที่แต่งงานกันนี่ก็เพราะเขาพบญาดาแล้วเกิดถูกตาต้องใจตนเองมาก ทำนองว่าเธอคือรักแรกพบอะไรเทือกๆ นั้น นายสมเห็นดีเห็นงามด้วยเลยเอ่ยปากให้บารมีพาผู้ใหญ่มาสู่ขอทาบทาม แล้วเขาก็พามาแล้วด้วย คุยกันแล้ว ตกลงกันแล้วว่าอยากหมั้นหมายเอาไว้ก่อน ญาดาเรียนจบเมื่อไรค่อยแต่งกันตอนนั้น พลินมองพี่สาวที่มีท่าทีขัดแย้งในตัวเอง ตอนที่เห็นคุยกับบารมีดูยิ้มแย้มสดชื่นดีนี่นา มาบัดนี้ทำไมคล้ายไม่ชอบใจที่จะได้แต่งงานกับเขา ก่อนปัดความคิดพวกนั้นทิ้งไป ญาดาเล่าต่อว่าบารมีเอาแต่ทำงานไม่ค่อยสนใจเธอ ขนาดว่าผู้ใหญ่คุยเรื่องหมั้นหมายเอาไว้แล้ว กลับไม่เคยชวนญาดาออกไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย พอฟังมาถึงตรงนี้ก็ค่อยเข้าใจมากขึ้น ที่แท้ญาดาคงน้อยใจเขานี่เอง ที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยได้มาดูแล รู้ว่าญาดาชอบคนเอาอกเอาใจ แต่ท่าทางของบารมีไม่ใช่คนจะเอาใจใครได้เลย “พี่ว่าอยู่กับสวนกับไร่แบบนั้น จะรวยแค่ไหนกันพลินว่าไหม” ญาดาชวนคุยต่อ สายตาคล้ายประเมิน มองไปทางโต๊ะของบารมีอย่างครุ่นคิด “แล้วพลินเห็นไหมว่าเขาน่ะขรึมจะตาย ถามคำตอบคำ แล้วก็ยังระเบียบจัดมากด้วยนะ” ถอนใจเฮือก บ่นต่ออีก “ไม่รู้ว่าเขารักพี่จริงหรือเปล่า” พลินยิ้มก่อนว่า “ท่าทางคุณบารมีคนนั้น เขาดูเป็นคนรักใครรักจริงออกค่ะพี่ดา” “พลินจ๋า อย่าเชื่อมั่นอะไรแบบนั้นเลยนะพี่ว่า แล้วใจของพี่น่ะนะ ถ้าต้องแต่งงานกันจริงๆ พี่ก็อยากได้คนที่รวยอยู่แล้ว ไม่ใช่ต้องมาช่วยกันทำมาหากิน ต้องมาเริ่มทำอะไรเองทั้งหมดแบบเขาน่ะ พลินเข้าใจใช่ไหม ไอ้แบบที่ต้องมาช่วยกันปากกัดตีนถีบเนี่ย พี่ไม่ค่อยอยากเชื่อน้ำหน้าเท่าไรหรอกว่ามันจะไปรอด จะสู้คนที่เขารวยอยู่แล้ว หรือไม่ก็พวกที่เขาทำงานช่วยทางบ้านแบบนั้นได้หรือ นั่นน่ะยังไงก็ถือว่ามีพ่อแม่ช่วยซัพพอร์ต ยังไงก็ไม่น่าจะมีทางล้มได้หรอก” ญาดาว่าในหัวคิดไปถึงชายอีกคนที่ตนกำลังสนใจเขาอยู่ ก่อนบุ้ยปากไปทางบารมีอีกรอบ ถามน้องสาว “พลินดูคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหลังเขาสิ” “ทำไมหรือคะ” “ก็พวกลูกน้องของคุณบารมีน่ะสิ นี่รู้ไหมว่าเป็นพวกขี้คุกทั้งนั้นเลยนะ...นึกแล้วขยะแขยง ลองคิดเล่นๆ ดูนะ ถ้าพี่แต่งเข้าไปอยู่ที่บ้านเขาแล้ว วันดีคืนดีมันเกิดบ้า ลุกขึ้นมาปู้ยี้ปู้ยำพี่แล้วฆ่าพี่ทิ้ง พี่จะทำยังไง” “พี่ดาคิดมากไปแล้วค่ะ บางคนที่เขาเคยติดคุกมาก่อน ออกมาแล้วก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดีมีเยอะแยะไปนะคะ แล้วพลินว่า...” เด็กสาวมองคนเหล่านั้นที่พี่สาวบอกว่าน่ากลัว “พลินว่าพวกเขาก็ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลยนะพี่ดา” “ใช่สิ เราน่ะชอบคุณบารมีเขาแล้วนี่ อะไรๆ ก็เห็นว่าดีว่างามไปหมดนั่นแหละ” ญาดาว่ายิ้มๆ อย่างต้องการหยั่งเชิงน้องร่วมบิดา “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” ปากบอกปัด แต่ใจก็เต้นตูมตาม ด้วยกลัวว่าพี่สาวจะเข้าใจตนเองผิด “พลินไม่คิดถึงเรื่องรักเรื่องใคร่หรอกค่ะ พลินยังต้องเรียนหนังสือ” “จ้า ยัยแม่ชี” ญาดาว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ พลินรีบยิ้มรับคำที่พี่สาวว่าทันที แล้วเงียบฟังพี่สาววิจารณ์ชายคนนั้นต่ออีกพักใหญ่ หัวข้อสนทนาค่อยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นต่อจากนั้น สองสาวรับประทานอาหารจนเรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเข้าบ้านในเวลาต่อมา อีกร่วมสองสัปดาห์จวนเจียนที่พลินจะต้องเข้าไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพอยู่รอมร่อ ญาดาก็เข้ามาหาที่ในห้องครัวตอนใกล้เที่ยง แต่ไม่พบคนที่ต้องการเจอจึงถามเด็กในบ้านคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้น “น้าพยอมล่ะ” คนถูกถามหน้าเหลอไปครู่เดียวเพราะไม่รู้ว่านางพยอมหายไปไหน จังหวะนั้นเองก็เห็นคนถูกถามหาเดินเขยกๆ เข้ามาทางหลังบ้าน “หายดีหรือยังคะน้าพยอม” ญาดาทักขึ้นก่อนเป็นคำแรก ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่ารัก พอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายไม่ใคร่สุขสบายกายเท่าไรนัก เจ้าตัวทำงานหนัก มาประจวบเข้ากับไปล้มหลังกระแทกพื้นอีกเลยยิ่งแย่ แว่วว่าเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายรอบแล้วเหมือนกัน และที่ทำเป็นทักถามผิดจากคราวก่อนก็เพราะมีจุดประสงค์ “ยังมีปวดอยู่หน่อยๆ ค่ะคุณดา” นางพยอมตอบถนอมคำ แม้ความจริงยังเจ็บปวดอยู่มากก็ตามที แต่ไฉนใครเลยจะมาสนใจอาการเจ็บป่วยของคนอื่น หากไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน “ไปหาหมอหรือยังคะ” ญาดายังคงแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยผิดจากคราวก่อน “ไปมาแล้วค่ะ หมอว่าอาการแบบนี้ต้องผ่าถึงจะหายน่ะค่ะ” “อุ๊ย! ถึงขั้นต้องผ่าเลยหรือคะ หมอที่ไหนคะเนี่ย” ญาดาถามด้วยท่าทางกระตือรือร้นใส่ใจแม้ความจริงแล้วจะไม่อยากรู้เท่าไรก็ตาม “โรง’บาลบ้านเรานี่ล่ะค่ะ” โรงพยาบาลจังหวัดก็คือโรง’บาลบ้านเราอย่างที่นางพยอมเอ่ยถึง ญาดาเลือกเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ กับนางพยอม พูดคุยด้วยทีท่าสนิทสนมกว่าทุกคราว “ฮืม...ดาเคยได้ยินว่าผ่าแล้วแย่กว่าเดิมอีกนะคะ” “ค่ะ น้าก็เคยได้ยินเขาว่ามาแบบนั้นเหมือนกัน เลยต้องทนเอา ปวดมากค่อยกินยาทายาเอาค่ะ พอทุเลาลงบ้าง” ญาดาเบื่อจะคุยเรื่องอาการเจ็บป่วยของคนอื่นอีกต่อไป แล้วเลยเข้าเรื่องของตนทันที “แล้วนี่...” สายตาหวานชวนฝันของบุตรสาวสุดรักนายสมมองกวาดไปทั่วบ้าน ค่อยเอ่ยปากถาม “พลินไปไหนคะ” “จะให้ทำอะไรหรือคะ เดี๋ยวน้าเรียกให้ค่ะ” “ว่าจะพาไปเที่ยวทะเลด้วยน่ะค่ะ เนี่ยค่ะพอเขาไปเรียนแล้วคงไม่ได้เที่ยวไหนแน่ๆ ดาเลยอยากพาน้องไปฉลองก่อน ได้ไหมคะน้าพยอม” สาวงามร่ายยาว ออดอ้อนฉอเลาะเพื่อโน้มน้าวให้นางพยอมออกปากอนุญาต “แล้วแต่เขาเถอะค่ะ น้าไม่ว่าอะไรหรอก...นู่นมาพอดี” พลินเดินตามเข้ามาจากทางหลังบ้าน สองมือหิ้วข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาด้วย พอเห็นญาดาก็ชะงักหน่อยหนึ่ง ก่อนฝืนยิ้มถาม พยายามทำตัวให้เป็นปกติ “มีอะไรหรือคะพี่ดา” “จะมาพาเราไปเที่ยว ไปด้วยกันนะพลิน” หญิงงามผู้พี่เอ่ยชวนทันทีไม่มีปี่มีขลุ่ย คนถูกชวนหน้าเหลอเมื่อวางของในมือลงแล้ว มองสบตากับมารดา ก่อนถามกลับด้วยสีหน้างงงัน “เดี๋ยวนะคะ เที่ยวที่ไหนคะพี่ดา” “ไปเที่ยวทะเลน่ะสิ ไปไหม” “อยากไปไหมละลูก” นางพยอมหันมาถามเอากับบุตรสาวของตน พลินมองพี่สาวที่ส่งสายตาคาดหวังมาให้ ญาดารู้ว่าพลินไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหน และการนำตัวเลือกของสถานที่ที่เป็นทะเลมาเชิญชวนก็จูงใจพลินอยู่ไม่น้อย พลินมองตอบพี่สาวแล้วเลยตอบรับคำชวน และการพยักหน้าของพลิน ก็เปลี่ยนชีวิตของเด็กสาวให้ก้าวกระโดดข้ามไปอีกขั้นในตอนนั้นเอง ถึงวันนัดหมาย ญาดาขับรถมาด้วยตัวเอง จุดหมายคือบ้านพักชายทะเลที่พลินเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก “เราจะอยู่กันกี่วันคะพี่ดา” พลินถามทันทีที่ลงรถ แววตาเป็นประกาย ดีใจที่ได้มาเที่ยวทะเล และดีใจมากกว่าคือคนที่พาเธอมาเป็นพี่สาวของตัวเอง ตอกย้ำความคิดที่ว่าญาดาช่างงามทั้งกายและใจ อย่างหาใครมาเปรียบเทียบมิได้ “อยากอยู่กี่วันล่ะ” ญาดาถามยิ้มๆ แทนที่จะตอบคำของน้อง “ฮืม...บรรยากาศดีแบบนี้นะ” พลินที่มาเที่ยวทะเลได้ไม่ถึงสามครั้งบอกพร้อมสูดอากาศเข้าปอด ยิ้มแต้ ตอบด้วยสีหน้าทะเล้นนิดๆ “พลินอยากอยู่ตลอดไปเลย ได้ไหมคะ” “งั้นมาช่วยกันยกของลงก่อน แล้วจะให้อยู่ไปเลยตลอดชีวิต เออ...นี่ พี่มีเรื่องจะสารภาพแหละ” ญาดาบอกเสียงอ่อยในตอนท้าย พลินหยุดยิ้ม ถามกลับ “เรื่องอะไรคะพี่ดา”               “คือ จริงๆ แล้ว ที่พี่ชวนมาเนี่ย คือ มันเป็นงานเลี้ยงฉลองของพี่กับคุณบารมีน่ะ” พลินยังคงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ถาม “ฉลองอะไรหรือคะ” ญาดากวาดสายตาสำรวจน้องสาวก่อนตอบเสียงราบเรียบ ลอบสังเกตอาการของคนเป็นน้องไปพลาง “งานฉลองสละโสดของพี่กับคุณบารมีน่ะสิ” “ฉลองสละโสด?” พลินทวนคำตอบด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปวูบ งานเลี้ยงฉลองสละโสดของพี่สาวของเธอกับบารมีอย่างนั้นหรือ แสดงว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันในเร็ววันนี้อย่างนั้นสิ แล้วความรู้สึกผิดก็แวบผ่านเข้ามาในหัวของพลิน ตัดสินใจในตอนนั้นเองว่าจะไม่ตกลงทำเรื่องเลวร้ายให้พี่สาวต้องทุกข์ใจเป็นอันขาด ฝืนยิ้ม กำลังเอ่ยปากแสดงความยินดี ญาดาก็ว่าขัดก่อน  “แต่พี่ไม่กล้าบอกน้าพยอมแบบนั้นไง กลัวไม่ให้เรามาด้วย เลยบอกว่ามาฉลองให้เราที่สอบเข้ามหา’ลัยได้ พลินไม่ว่าอะไรพี่ใช่ไหม” ส่ายหน้าเร็วๆ บอกให้พี่สาวสบายใจ ว่าเธอและแม่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น “ไม่ว่าหรอกค่ะ ดีเสียอีก พลินจะได้อยู่ฉลองด้วย ดีใจด้วยนะคะพี่ดา แสดงว่าพี่ดาเปิดใจ แล้วก็ยอมรับคุณบารมีแล้วใช่ไหมคะแบบนี้” “...อื้มม์ ถูกใจของหมั้นแล้วก็สินสอดด้วยแหละ พี่เลยเปลี่ยนใจ แต่งก็แต่ง” ญาดาตอบแล้วเสมองไปทางอื่นแทนคล้ายมีอะไรซุกซ่อนอยู่ในใจ “ดีแล้วค่ะพี่ดา จะว่าไปพลินว่าพี่ดากับคุณบารมีก็เหมาะสมกันมากเลยนะคะ พี่ดาสวย คุณบารมีก็หล่อ สมกันมากๆ เลยค่ะ พลินดีใจด้วยนะคะพี่ดา” “ขอบใจมากพลิน” สองสาวยิ้มให้กันแล้วขนของลงจากรถต่อจากนั้น มีรถขับเข้ามาในบริเวณบ้านพักชายทะเลอีกเกือบสิบคัน เป็นเพื่อนชายหญิงของญาดาแทบทั้งสิ้น ที่เหลือเธอไม่คุ้นหน้าคงเป็นเพื่อนของฝ่ายชาย และที่ทำให้พลินใจสั่นก็เห็นจะเป็นรถคันที่ขับเข้ามาเป็นลำดับท้ายสุด ชายคนที่กำลังเลื่อนขั้นมาเป็นพี่เขยของเธอ บารมีลงมาแล้วเดินอ้อมไปที่ตอนท้ายรถของเขา ญาดาที่มองดูอยู่ตลอดแตะแขน วานพลิน “ไปช่วยพี่เขายกของหน่อยไป” ญาดาบอกจบแววตาดูกระวนกระวาย แต่พลินไม่ได้สังเกต เจ้าหล่อนเอาแต่มองโทรศัพท์ในมือของตนเองอยู่ตลอด คล้ายรอสายของใครบางคน “ค่ะ” รับคำพี่สาวแล้วเลยเดินเก้ๆ กังๆ เข้าไปหาชายหนุ่มมาดสุขุมที่เคยพบหน้ากันมาหนหนึ่งแล้วในร้านอาหารเมื่อคราวก่อน พลันแววตาเด็กสาวปรากฏอารมณ์ชนิดหนึ่งขึ้นก่อนจางหายไป เจ้าตัวเดินไปหยุดยืนห่างๆ บอกด้วยทีท่าเกร็งๆ “ให้พลินช่วยยกอันไหนบ้างคะ” บารมีหยุดมือที่แยกถุงตรงท้ายรถมองตอบมาบอกเสียงเรียบ “ไม่เป็นไรครับ ของมีไม่เยอะ” “ให้พลินช่วยถือเถอะค่ะ มีแต่ของหนักๆ ทั้งนั้นเลย” บารมีที่หันไปหยิบของ มองกลับมาแวบหนึ่งแล้วส่งถุงที่เบาที่สุดให้ถือเพียงใบเดียวเท่านั้นเพราะขี้เกียจยืนยื้อกันไปมา ไม่ใช่วิสัยของเขาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พลินมองของที่เหลือแล้วก็ว่า “พวกนั้นล่ะคะ ให้พลินช่วยถือไหม”  “พอแล้ว ตัวเล็กเท่าลูกหนูจะถืออะไรไหว”     “ให้พลินช่วยเถอะค่ะ พลินถือไหว” “ว่าที่นิสิตมอ...” เอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยที่พลินสอบติดและกำลังจะเข้าไปศึกษาต่อ แล้วบ่นทิ้งท้าย “หัวดื้อแบบนี้ทุกคนหรือไงนะ” พลินไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องของตนเองได้อย่างไร บ่นอุบแก้อาการขวยเขิน “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ พลินแค่อยากช่วย ไหนๆ เราก็จะได้เกี่ยวดองกันแล้ว” ได้ยินอีกฝ่ายพูด บารมีขมวดคิ้วจนแทบผูกกันเป็นปม ผุดรอยยิ้มขึ้นมุมปาก บอกตัดรำคาญ “งั้นเอานี่ไปอีกถุง” เขาส่งอีกใบหนึ่งให้เธอ จังหวะนั้นเองที่พลินยื่นมือออกไปรับจนสัมผัสโดนปลายนิ้วเรียวยาว ที่มีเล็บมนสวยดูแข็งแรงของเขาเข้าก็ให้ใจสั่น คล้ายถูกกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ร่างกายเลยกระตุกมือกลับมา ใบหน้าออกร้อนซู่ ยืนนิ่งตรงนั้น ได้ยินบารมีถาม “หนักล่ะสิ” “ไม่ค่ะ ไม่” พลินรีบตอบรับพร้อมยิ้มน้อยๆ เก้อเขิน รุดหน้าไปก่อน ทิ้งให้บารมีมองตามด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เสียงเพลง เสียงพูดคุยสรวลเสเฮฮาดังแว่วพร้อมเสียงคลื่นลมทะเล จวบจนพระอาทิตย์คล้อยต่ำลง เครื่องดื่มมึนเมาที่ตั้งวงเล็กๆ ขยายกว้างมากขึ้น “น้องสาวแกหรือดา” เพื่อนคนหนึ่งของญาดาถาม มองพลินก่อนยกเครื่องดื่มสีสวยในแก้วจิบ “อือม์” ญาดาตอบออกมาง่ายๆ คำเดียว “ท่าทางหงิมๆ เงียบๆ พามาแบบนี้น้องเขาจะสนุกหรือยะ” “โหย น้องฉันยังเด็กแก แค่บอกว่าพามาทะเลก็สนุกแล้ว” “ไม่เด็กนะยะ นมเอย สะโพกเอย เริ่มผายออกแล้วนั่นน่ะ เอาเหล้าไปมอมหน่อยไป จะได้สนุกๆ ไม่ต้องนั่งหงอยอยู่คนเดียว” ญาดาที่เริ่มมึนได้ที่ นึกสนุกอย่างที่เพื่อนชวน จึงคว้าแก้วตรงไปยังน้องสาวร่วมบิดา ถึงแล้วก็ส่งพรวดไปข้างหน้า บอกเสียงอ้อแอ้นิดๆ “ดื่มหน่อยพลิน” พี่สาวออกปากและดูท่าคงดื่มมามากแล้ว เพราะสังเกตเห็นว่าใบหน้าสวยออกแดงเล็กน้อย พลินยิ้มส่ายหน้าบอกปัด “ไม่ค่ะ พลินไม่ชอบดื่ม แล้วก็ดื่มไม่เป็นด้วยค่ะพี่ดา” “ลองจิบดู ไม่เมาหรอกน่า ถ้าเมาก็จะเป็นไรไป นี่งานของพี่ มีแต่พวกเราทั้งนั้น ไม่มีใครที่ไหนหรอก รับประกันความปลอดภัยจ้ะ” ถ้าไม่ใช่ว่ามากับญาดา พลินไม่มีทางดื่มเครื่องดื่มเหล่านั้นเป็นอันขาด ด้วยความเชื่อใจ ไว้ใจในตัวพี่สาว พลินจึงรับมาจิบเพียงเท่านั้น ไม่นานเด็กสาวก็เริ่มยิ้มง่ายขึ้น หัวเราะกับมุกตลกของบรรดาเพื่อนๆ พี่ ถัดมาอีกเกือบสองชั่วโมงก็เห็นว่านั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไปแล้ว “พอเถอะ” เสียงทุ้มนั้นส่อแววไม่พอใจแฝงมาด้วย พร้อมแรงดึงแก้วออกจากมือของพลินที่ถูกชวนให้ดื่มจนนับไม่ถ้วนแล้วในตอนนั้น รู้แต่ว่าสนุก ใครคุยอะไรก็ตลกไปหมด พลินพยายามบังคับร่างกายให้ตั้งตรงด้วยความยากลำบาก รู้สึกว่าตัวเองยิ้มง่าย หัวเราะอะไรง่ายๆ อย่างกับคนสติไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น พอมีคนมาดึงแก้วออกจากมือ เลยแหงนหน้าไปมอง เห็นว่าเป็นใคร จึงยิ้มแย้มทักอย่างกับสนิทด้วย “อ้าว พี่เขย” “นั่งก่อนค่ะ” เสียงญาดาฟังดูอ้อแอ้ไม่แพ้กันบอกต่อจากนั้น พร้อมลุกไปดึงมือบารมีให้มาร่วมโต๊ะด้วย เพราะเขาเอาแต่คุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่อีกด้าน พอวางสายแล้วก็เห็นนั่งคุยอยู่แต่กับอีกโต๊ะที่เป็นพรรคพวกเพื่อนๆของเขา ไม่ยอมเฉียดกายมาทางนี้เลยสักวินาที พอเดินมาหาแทนที่จะมานั่งดื่มด้วย กลับมาห้ามไม่ให้ดื่ม “น้องสาวคุณดาเมาแล้วนะ” บารมีมองนิ่งๆ ที่เด็กสาว ท้วงเสียงขรึมจัด ทำเอาคนอื่นที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยมองสบตากัน เพราะญาดาเองก็เมาไม่แพ้น้องสาว แต่บารมีกลับเอ่ยปากท้วงคล้ายห่วงคนน้องมากกว่าคนพี่เสียนี่ “หัดเอาไว้สิคะ เดี๋ยวไปอยู่ไกลตา ใครมามอมเหล้าน้องสาวดาจะได้เอาตัวรอดได้ แต่แบบนี้เห็นท่าจะไม่รอดค่ะ” ญาดาบอกเสียงอ้อแอ้ ทิ้งท้ายก่อนลุกขึ้นยืน “นั่งดื่มด้วยกันก่อนค่ะ แล้วยังไงดาฝากน้องสักครู่ ดาขอไปห้องน้ำแล้วเดี๋ยวกลับมา จะพาน้องกลับห้องเองแหละค่ะ” เนื่องจากกินดื่มกันข้างสระน้ำ และส่วนของห้องนอนก็อยู่ชั้นสองและชั้นสามของบ้าน ญาดาบอกจบปลีกไปยังอีกทางทันที บารมีมองตามญาดา ผุดรอยยิ้มมุมปากขึ้น แล้วหันไปมองร่างผอมคล้ำที่นั่งคอตกด้วยสายตาที่ใครๆ ต่างก็อ่านไม่ออก รับแก้วจากอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะนี้ด้วย ถอนใจเบาๆ แล้วว่า “เราไม่เคยดื่ม อย่าดื่มเยอะสิ” “พลินดื่มไม่เยอะหรอกค่ะแค่แก้วเดียวเอง...แต่ใส่เหล้าไปแล้วห้ารอบ” ว่าจบยกมือกางนิ้วบอกเขาไปด้วย บารมีมองก่อนส่ายหน้าพร้อมเอ็ดเข้าให้ “เมาแล้วตลกนะเราน่ะ” บารมีจิบเครื่องดื่มในแก้วได้ครึ่งเดียวก็พอดีกับที่มีสายเรียกเข้ามาจึงฝากหญิงสาวคนที่ส่งแก้วเครื่องดื่มให้เขา ที่คาดว่าคงเป็นเพื่อนของญาดาช่วยดูพลินให้อีกทอด “ฝากดูหน่อยนะครับ” แล้วก้มลงบอกกับพลิน “นั่งรอพี่เราตรงนี้ก่อนนะพลิน อย่าลุกไปไหนคนเดียว”  แล้วผละไปอีกทางทันทีเพื่อรับสาย  คล้อยหลังบารมีแล้ว มีมือๆ หนึ่งหย่อนบางสิ่งบางอย่างลงในแก้วเครื่องดื่มสองใบ ใบแรกเป็นของพลินที่แทบทรงตัวไม่อยู่ อีกใบเป็นของบารมี พลินถูกใครบางคนส่งแก้วให้ดื่มต่ออีก เด็กสาวส่ายหน้าเพราะรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว แต่ก็คล้ายกับว่ามีคนประคองศีรษะ พยายามกรอกเหล้าเข้าปากเธอ พลินโงนเงนเต็มที หลังจากนั้นพลินก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย เหมือนครึ่งหนึ่งฝันอีกครึ่งยังตื่นอยู่ พลินคิดว่าตนเองกำลังลอยคว้างราวกับอยู่ในวังวนของทะเลที่เต็มไปด้วยอารมณ์แสนประหลาดล้ำ สัมผัสที่ไม่เคยรู้จัก ความเจ็บปวดที่แกนกลางกาย ความสุขสมที่เกิดจากการสอดประสานชนิดไม่เคยพานพบมาก่อน ในความมึนงง เมาเบลอนั้นเอง พลินหลับตาลงด้วยความอ่อนหวานซาบซ่านแกมอบอุ่นทั้งตัวและหัวใจ ได้แต่ส่งเสียง ‘ฮื่อ’ ก่อนเคลิ้มหลับไปในเวลาต่อมา เสียงเปิดปิดประตูปังดังจนสะดุ้งตื่น พลินหยีตาเมื่อแสงสว่างจ้าจากด้านนอกเสียดแทงเข้ามาหลังเสียงดังปังนั่นที่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงประตู พอปรับภาพได้แล้วถึงเห็นญาดายืนมองนิ่งอยู่ตรงปลายเตียง ได้ยินตัวเองเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงแหบๆ “พี่ดา” นึกแปลกใจว่าเหตุใดญาดาถึงทำหน้าเครียดขนาดนั้น พี่สาวของเธอทำไมไม่ยิ้มแย้มสดใสอย่างทุกที กลับตวาดถามเสียงดุดัน “ทำไมทำแบบนี้พลิน” “ทำอะไรคะ” ถามจบพร้อมความงงงัน รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวข้างกายเหมือนกับว่ามีอีกคนบนเตียงนอน พลินหันขวับไปมอง ถึงได้ประสานสายตาเข้ากับเจ้าของดวงตาคมคู่นั้น ใจหายวาบในทันที เขามองมาที่เธอด้วยความกังขาเช่นกัน ก่อนจะทันได้คิดอะไรต่อจากนั้น ญาดาผลุนผลันออกไปจากห้อง โดยมีชายที่กายเปลือยเปล่าเท่ากันกับเธอสบถหยาบคายอยู่ข้างๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าคนแบบเขาจะพ่นวาจาร้ายกาจออกมาได้ถึงขนาดนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น พลินจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิด แล้วพยายามลุกออกจากเตียงก็ลุกไม่ไหว รู้สึกเจ็บแปลบเสียดตึงไปหมด ทั้งแกนกายร้าวไปจนถึงหน้าขาและช่องท้อง ใจหายวาบอีกหนเมื่อเห็นคราบเลือดบนที่นอนนั่นด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การเข้าใจผิด เธอกับว่าที่พี่เขยมีความสัมพันธ์ทางกายกันเมื่อคืนนี้อย่างนั้นหรือ!  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม