...รักนี้...อยู่ในใจ… บทที่2.

1524 คำ
“อะไรกัน คุณเห็นแม่นั่นดีกว่าผมหรือบรูโน่” ฉันเม้มปาก เริ่มลังเล ฉันควรเดินหน้าต่อ หรือยอมเสียมารยาทเดินกลับไปตอนนี้เสียเลย “มีเหตุผลหน่อยสิ...มาสิธาร ผมกับคุณนัดกันไว้แล้ว ส่วนหมอนี่ เสนอหน้ามาเอง ผมไม่ได้เชิญ” น้ำเสียงจริงจังของบรูโน่ ฉันเลยไม่กล้าหักหาญน้ำใจเขา ฉันเดินตัวลีบ ไปนั่งข้างๆ เขา พยายามไม่สนใจเสียงกระแหนะกระแหนที่ลอยตามลมมา “ไม่ยักรู้ว่ารสนิยมของคุณเป็นแบบนี้” “ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกเติร์ก หากผมกับคุณชอบเหมือนกัน โลกนี้คงไม่น่าอยู่” เสียงตอบโต้ดังอยู่ในหูฉัน แต่ฉันก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาตรงๆ ฉันชินกับการแอบมองเขามาตลอดสามปีแล้วสินะ “ดีแล้วล่ะ ผมก็ไม่อยากสู้กับคุณเท่าไหร่หรอก” “อารมณ์เสียอะไรมาล่ะ หรือเดตไม่สนุก” ฉันกลายเป็นอากาศเสียละมั้ง ในสายตาหนุ่มๆ ทั้งสองคน เขาเลยคุยกันโดยไม่สนใจว่าฉันนั่งฟังอยู่ด้วย “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ผมก็แค่เบื่อ” ฉันขมวดคิ้ว เริ่มเป็นห่วงปุณิกาขึ้นมาจับใจ ผู้ชายคนนี้เนื้อหอมและฮอตไม่เบาเลย ฉันยังแปลกใจเลย เพราะอะไรผู้หญิงเรียบร้อยอย่างปุณิกาถึงตกลงปลงใจกับเขาได้ ในเมื่อมันมีความเสี่ยงสูง เขาเปลี่ยนคู่ควงแทบนับไม่ถ้วนตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบอิตาลี ใช้ชีวิตเป็นหนุ่มเสเพลเต็มที่ด้วย “อย่าเบื่อเร็วนักสิ สงสารผู้หญิงบ้าง” “สงสารทำไมล่ะ พวกหล่อนก็รู้จุดจบดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ผมไม่เคยโกหกใครเลยนะ” ฉันพยายามทำความเข้าใจ แต่ฉันไม่รู้ไงว่าระหว่างเขากับเพื่อนของฉันตกลงอะไรกันก่อน “ระวังกรรมตามทันนะเติร์ก คุณล้อเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงมากเกินไปแล้ว” ข้อนี้ฉันเห็นด้วยกับบรูโน่ และเริ่มเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาตงิดๆ ฉันอยากเตือนปุณิกานะ แต่ฉันไม่ได้สนิทกับเธอถึงขั้นตักเตือนกันได้ เราสองคนเป็นแค่คนที่มาจากถิ่นเดียวกัน พูดภาษาเดียวกันเท่านั้น คงเป็นเพราะฉันหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองมากเกินไป ตอนที่บรูโน่ส่งแก้วเครื่องดื่มให้ฉันเลยไม่ได้ดูให้ดีก่อน ฉันยกแก้วจ่อปากและดื่มเครื่องดื่มในแก้วนั้นรวดเดียว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เครื่องดื่มนั่นไหลผ่านลำคอฉันไปแล้วนั่นแหละ ช่องท้องฉันร้อนวาบ รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ฉันสะบัดหน้าแรงๆ ไล่อาการมึนๆ ในหัวให้หลุด แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เลย ฉันนั่งคอตก รู้สึกเหมือนมีอะไรกดทับอยู่บนบ่า จนไม่สามารถผงกศีรษะให้ตั้งตรงได้... จุดหักเห “ตายล่ะ ผมลืม คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมธาร” เสียงของบรูโน่เหมือนอยู่ไกลเสียเหลือเกิน ฉันพยายามยกศีรษะขึ้น และพยายามเผยอปาก เพื่อพูดบางอย่างให้เขาคลายความกังวล ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย ฉันคงเหนื่อยเกินไปและใกล้หมดแรง ฉันยกศีรษะตัวเองไม่ขึ้นเลยสักนิด “เกิดอะไรขึ้น” ฉันเอียงหน้ามองด้านข้าง ใครบางคนชะโงกหน้ามาใกล้ฉัน ใครคนนั้นที่ฉันแอบเก็บไว้ลึกแสนลึก ฉันเผยอปากพยายามคลี่ยิ้ม และมองเขาด้วยดวงแววตาที่ฉันซ่อนเอาไว้ตลอด “ยัยนี่เมาเหรอไง อะไร... กินไปแค่แก้วเดียวนี่นะ” เสียงเขาพึมพำบางอย่างที่ฉันจับใจความไม่ได้เลย “ธารไม่ใช่ผู้หญิงเหลวไหลนะเติร์ก จะได้ดื่มเก่ง” “มันก็ไม่น่าอาการหนักแบบนี้สิ แค่แก้วเดียวเองนะ” “หากเทียบกับคุณที่ดื่มทุกวันแล้ว จะเอาอะไรไปเทียบได้ล่ะ” บรูโน่บ่นพึมพำ มองหาผ้าสักผืนเพื่อชุบน้ำเช็ดหน้าธาริกา เขาไม่น่าลืมตัวเลย คนที่ไม่เคยดื่มแบบธาริกาเลยสติหลุด “ไม่เคยคิดว่าบนโลกนี้จะมีคนที่ดื่มแค่แก้วเดียวก็สติหลุดไปเลย” ผมเปรยๆ เงยหน้าหัวเราะร่วน แต่แล้ว ผมก็ต้องเหลียวกลับมามองหล่อนซ้ำ อะไรบางอย่างในแววตาของหล่อนที่มองมายังผมสะกิดใจพิกล ผมไม่ใคร่ชอบหน้าเธอนั่นเป็นเรื่องจริง ผมหงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่หญิงผู้นี้ยอมหงอให้คนอื่น หล่อนไม่ใคร่มีปากเสียง และทำตัวเหมือนอากาศธาตุ ผมเห็นหล่อนวิ่งวุ่น ทั้งทำงานทั้งเรียน แต่ผลการเรียนไม่เคยตก ผมเสียอีกที่ไม่ใคร่ตั้งใจเรียน ใช้ชีวิตอิสระเต็มที่ เพราะทันทีที่กลับถึงบ้าน ผมคงถูกจับใส่กรงขัง ถูกกฎเกณฑ์ที่พ่อแม่ประเคนใส่กดทับไว้อีก เปลือกตาผมหรี่ลง หัวใจเต้นเป็นจังหวะเอื่อยๆ แล้วก็เริ่มถี่ขึ้น ทันทีที่ผมแปลความหมายในแววตานั่นได้ ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกนะ… แววตาแบบนี้ผมเห็นจนชิน แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับคนตรงหน้าไง นั่นเลยอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ชอบหน้าเธอ ผมมั่นใจในเสน่ห์ตัวเอง และใช้ได้ผลมาตลอด ผมเลยเสียเซลฟ์ตอนที่ผมพยายามหว่าน...แต่ไม่สำเร็จ ผมสูดลมหายใจแรงๆ ปรามตัวเองในใจ ผมเพ้อเจ้อไปเองหรือเปล่า ผมคิดเข้าข้างตัวเองมากไปใช่ไหม ผมเพ่งมองเธอตรงๆ ซ้ำอีกครั้ง “ต้องฝันอยู่แน่ๆ” หล่อนพึมพำออกมา ผมเอนตัวลง และพยายามจับคำพูดของหล่อนให้ได้ หล่อนไม่ได้สื่อสารด้วยภาษากลางที่ผมกับบรูโน่หรือคนอื่นๆ ที่นี่ใช้สื่อสารกันนะ หล่อนคงเผลอตัวนั่นแหละ เลยพูดภาษาถิ่นเกิด ซึ่งมีแค่ผมคนเดียวที่ฟังเข้าใจ “ขนาดในฝันยังตามมากวนใจธารอีกเหรอคะ ปล่อยให้ธารเป็นอิสระมั้งไม่ได้หรือไง” หล่อนต่อว่าผมใช่ไหม หล่อนคงฝันแบบนี้หลายครั้งแล้วสินะ สีหน้าหล่อนยุ่งยากพิกล “ธารพูดอะไรเหรอเติร์ก” บรูโน่ถามผม ผมส่ายหน้าตอบ เสหยิบแก้วบรั่นดีมาจิบ แต่ก็ยังตะแคงหูฟังเสียงหงุงหงิงนั้นไปด้วย ครั้งนี้ผมกลับไม่รู้สึกหงุดหงิดแฮะ “ทำไงดีล่ะ จะให้นอนตรงนี้จริงๆ เหรอ” บรูโน่มีท่าทางร้อนใจ “หล่อนเช่าห้องคุณอยู่ไม่ใช่เหรอไง” ผมถาม “อืม...ชั้นใต้ดินนั่นล่ะ” บรูโน่ตอบ “นอนเข้าไปได้ไง เหม็นอับจะตาย” ผมบ่น “ปล่อยไว้แบบนี้แหละ หล่อนฟื้นก็คงเดินกลับไปนอนเอง” “จะดีเหรอ...ผมมีธุระเสียด้วย คุณเองก็อยากกลับแล้วไม่ใช่เหรอ” บรูโน่บ่น “ไม่แล้ว...เดี๋ยวเฝ้าให้เอง ไม่อยากกลับไปตอนนี้ กลัวจะเลยเถิด” ผมหนีคู่ควงคนล่าสุดมาดื้อๆ เพราะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของผมกับเธอไม่ใช่แบบที่ตัวเองต้องการ ความเข้าใจเดิมของผมคลาดเคลื่อน ผมคิดว่าผมคอนโทรลปุณิกาได้ หล่อนคือผู้หญิงคนสุดท้ายที่ผมคิดจะคบด้วย คงเพราะมาจากที่เดียวกันและเข้าใจอะไรง่ายๆ มั้ง ที่ไหนได้...ปุณิกาพูดยากกว่าที่คิดไว้ หล่อนโวยวายหลังผมยื่นข้อเสนอให้ ผมไม่ต้องการจริงจังกับใครทั้งนั้นในเวลานี้ หากอยากสนุกผมเต็มใจอ้าแขนรับ แต่หากคิดไกลกว่านั้น ควรจบแค่ตอนนี้ดีกว่า และเธอไม่ยอม... ผมเลยรีบชิ่งมา ปล่อยปุณิกาอยู่ที่อาพาร์ทเม้นท์ หล่อนไม่ใช่เด็กสาวแล้วนะ เวลาน่าจะทำให้ปุณิกาคิดได้ “เอางั้นเหรอ...ขอเตือนนะเติร์ก ธารไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณเคยเจอ อย่ายุ่งกับเธอเลย” “เห้...คุณคิดว่าผมจะทำอะไรบรูโน่” ผมถามเสียงแกว่ง หมอนี่รู้ความคิดผมได้ยังไง ผมคิดผมเก็บอาการดีแล้วนะ “ผมแค่เตือน ไม่คิดก็ดีแล้ว...” บรูโน่ยิ้มมุมปาก เดินเลยเข้าไปในห้องตอนที่เดินกลับมามีผ้าห่มผืนใหญ่ติดมือมาด้วย “ธารไม่ใช่ผู้หญิงในสเปกคุณใช่ไหม?” ผมจิปาก หมอนี่ชักจะรู้มากเกินไปแล้วนะ ผมพยายามวางเฉย “หล่อนไม่เคยอยู่ในสายตาผมอยู่แล้ว” ผมกัดฟันตอบ ใช่...ธาริกาไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่ผมชอบ หล่อนสกปรกและดูน่ารำคาญ หล่อนจริงจังกับชีวิตไปทั้งหมด ผมรู้สึกอึดอัดทุกครั้ง เวลาที่รู้ว่าหล่อนแอบมอง “ดีแล้ว....ผมไปล่ะ จะรีบกลับมา อาจจะสักสองชั่วโมง” หล่อนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ที่ค่อนไปทางผอม แต่หนุ่มสำรวยจัด ไม่ใคร่ชอบออกกำลังกายอย่างบรูโน่ก็คงแบกน้ำหนักหล่อนไม่ไหว หมอนี่เลยทิ้งให้หล่อนกองเหมือนขยะอยู่บนเก้าอี้ หล่อนพึมพำด้วยภาษาถิ่น และผมได้ยินเต็มสองหู แต่พยายามเก็บอาการไว้สุดฤทธิ์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม