Chapter 4 สังเวยพรหมจรรย์ [2]
แค่เธอแอ่นสะโพกเข้ามา กอดก่ายรัดรอบร่างของเขาด้วยสองมือและสองขานวลเนียน เขาก็ถึงกับหอบหายใจแรงด้วยเพลิงตัณหาที่ลุกโชนแผดเผา
“เร็วขึ้นอีกได้มั้ยคะ ดะ...ได้โปรด” หญิงสาวร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เธอแอ่นสะโพกขึ้นสูงรับแรงกระแทกของอีกฝ่ายอย่างคนใจร้อน
หมาป่าหนุ่มไม่ตอบเขาก้มลงจูบเบาๆ ที่ปลายจมูกรั้น ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์กระตุกหัวใจของหญิงสาวให้หลุดลอย “ข้าจะส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ไปพร้อมๆ กับข้า” พูดจบกาแอลก็ขยับเอวสอบอย่างรวดเร็ว แรง บดขยี้กุหลาบสีสวยจนน้ำหวานชุ่มฉ่ำไหลเยิ้ม
มนรดากรีดร้องเมื่อร่างของเธอกระตุกแรงจนตัวงอ สองมือจิกทึ้งผมสีเงินยวงจนมวยผมหลุดลุ่ยทิ้งตัวลงเต็มแผ่นหลังแข็งแกร่ง เธอกำเส้นผมสีเงินเอาไว้แน่นในขณะที่หมาป่าหนุ่มยังคงเร่งจังหวะเร็วแรงไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ก่อนที่เขาจะนิ่วหน้าเหยเกปลดปล่อยสายธารสิเน่หาเข้าสู่ร่างกายเธอ
มนรดาเขินอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา กอปรกับความเหนื่อยล้าและสุขสมตีกันจนยุ่งเหยิง ทำให้เธอเผลอหลับไปในที่สุด
จังหวะการหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของหญิงสาวร่างบอบบางทำให้หมาป่าหนุ่มค่อยๆ ขยับร่างกายออกจากการกอดรัดเธอเอาไว้อย่างเชื่องช้า เขาลุกจากเตียงเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ยามนี้แสงจันทราส่องประกายสีทองอาบไล้ร่างเปลือยเปล่าส่งให้เขาดูราวกับรูปปั้นเทพบุตรจากสรวงสวรรค์ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่สัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันตาย!
ดวงตาสีแดงเพลิงหม่นเศร้า เขาก้มลงมองมือทั้งสองข้างที่ค่อยๆ แปรสภาพจากมือของมนุษย์เป็นอุ้งเท้าของอสุรกายหมาป่า ร่างกายงดงามราวกับรูปสลักค่อยๆ ค้อมคู้ยืนสี่ขา กลายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์สีเงินยวงน่าเกรงขาม
พรหมจรรย์ของผู้หญิงคนนี้ไม่อาจลบล้างคำสาปได้!
หัวใจของหมาป่าหนุ่มเจ็บปวด เขากระโจนพรวดออกไปนอกหน้าต่าง วิ่งเข้าไปในป่าด้วยความเร็วสุดฝีเท้าจนไปหยุดยืนอยู่บนชะง่อนผาสูงชัน ก่อนจะส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดแสน
บรู๊ว!
ทุกสรรพชีวิตเงียบสงัด แม้แต่เสียงหรีดหริ่งเรไรก็มิกล้าจำนรรจาเช่นทุกครั้ง ด้วยล่วงรู้ดีว่าผู้เป็นเจ้าแห่งป่ามานับร้อยปีกำลังเจ็บปวดอย่างสุดแสน จะมีสิ่งใดเจ็บปวดไปมากกว่าการมีชีวิตเป็นนิรันดร์โดยปราศจากคนรอบกาย ใช่! พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่คนรักล้วนล้มหายตายจาก เขายืนดูการจากลาของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความอิจฉา
เพราะเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เวียนว่ายตายเกิด ไม่มี!
ภาพแห่งความทรงจำฉายชัดแม้จะผ่านมานับร้อยปีแล้วก็ตาม...
ท่านเคานต์กาแอล ยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น เขาได้ครอบครองคฤหาสน์และที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ มีบริวารมากมายรายล้อมคอยดูแลประหนึ่งราชา ทว่าเขากลับเดินทางผิดหลงมัวเมาในกามตัณหา นำมาซึ่งโทษและคำสาปแช่งที่มิอาจลบล้างตราบนานเท่านาน
‘ท่านเคานต์เกิดเรื่องแล้วขอรับ ชาวบ้านลือกันว่ามีนางแม่มดร้ายมาอาศัยอยู่ชายป่าไม่ไกลจากคฤหาสน์ขอรับ’
ท่านเคานต์กาแอลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากหน้าอกทรงโตของผู้หญิง ก่อนจะยกแก้วสุราสีอำพันขึ้นดื่มแล้วหัวเราะชอบใจด้วยฤทธิ์น้ำเมา เขาเป็นชายหนุ่มผิวขาว รูปร่างสูง ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลสดใส ผมสีบรอนด์ทองรับกับโครงหน้าแข็งแกร่งสมชายชาตรี กาแอลเป็นท่านเคานต์ที่ถูกเล่าลือไปไกลว่ามีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรลงมาจุติ
ครั้งหนึ่งพระราชินีถึงกับเรียกตัวเข้าเฝ้า เพราะทรงอยากรู้ว่าเคานต์กาแอลมีหน้าตาหล่อเหลาสมดั่งคำร่ำลือจริงหรือไม่ ซึ่งเคานต์กาแอลก็ไม่ได้ทำให้พระราชินีทรงผิดหวัง มิหนำซ้ำพระราชินียังทรงมีพระกรุณาพระราชทานเงินทองและสาวสวยให้แก่เคานต์กาแอลอีกด้วย
แล้วหญิงข้างกายที่เขากำลังกกกอดพลอดรักอยู่ในขณะนี้ ก็คือหนึ่งในของพระราชทานนั่นเอง เธอมีนามว่าวาเนสซา...
“ข้าจะทำอย่างไรกับนังแม่มดร้ายดี”
เคานต์กาแอลพูดพลางเอนตัวไปมาขณะที่มือซ้ายโอบตระกองกอดแม่สาวทรงโต ล้วงลึกเข้าไปเคล้นคลึงหน้าอกอย่างมันมือ ส่วนมือขวาถือแก้วสุราไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับว่ามันคืออาหารเลิศรสที่ช่วยต่อลมหายใจเสียกระนั้น
“เผามันทิ้งเลยดีมั้ยคะท่านเคานต์ นางแม่มดร้ายน่ากลัวจะตายไป ปล่อยเอาไว้ก็เกรงว่าจะนำภัยมาสู่ท่าน”
หญิงสาวกระซิบกระซาบก่อนจะบดเบียดหน้าอกชูชันเข้าหาเคานต์หนุ่มอย่างยั่วเย้า ขยิบตาเชิญชวนให้ร่วมหลับนอนกับเจ้าหล่อน เริงสวาทกันให้ถึงพริกถึงขิงเฉกเช่นทุกค่ำคืนที่ผ่านมาแทนที่จะมานั่งรับฟังเรื่องไร้สาระ
“เผามันทิ้งซะ!”
สติที่ขาดหายเพราะฤทธิ์สุราทำให้ท่านเคานต์กาแอลประกาศคำสั่งที่แสนโหดร้ายออกไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะกวาดอาหารเลิศรสบนโต๊ะทิ้งแล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นวางแทนอาหาร
“ข้าจะดื่มกินเจ้าทั้งคืน”
ชายหนุ่มถลกกระโปรงขึ้นไปกองบนหน้าขาแล้วแทรกแก่นกายเข้าไปกระแทกกระทั้นจนหญิงสาวครางเสียงดังลั่น
“ท่านเคานต์ที่รัก กระแทกเข้ามาแรงๆ เลยค่ะ อาห์...รู้สึกดีจัง”
วาเนสซาอ้าขากว้างโอบรัดรอบเอวสอบด้วยความยินดี เธอรักการเริงสวาท เรียกได้ว่าเสพติดมันเลยก็ว่าได้ ครั้งที่เธอยังเป็นสาวรับใช้อยู่ในวังเธอก็เริงสังวาสกับเหล่าทหารกลัดมันไม่เว้นหน้า เมื่อต้องมาเป็นของกำนัลแด่เคานต์กาแอลก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เพราะนอกจากหน้าตาเขาจะหล่อเหลาชวนหลงใหล ลีลาเขายังร้อนแรงสมกับเป็นนักรักชั้นเลิศ
เธอจึงผูกขาดเขาไว้กับเธอด้วยสารพัดวิธี ไม่คิดแบ่งปันเขาให้กับหญิงคนอื่นๆ ในคฤหาสน์เป็นอันขาด!
“อาห์”
วาเนสซ่าหยัดกายลุกขึ้นแล้วผลักให้เคานต์กาแอลนอนหงาย เธอขึ้นนั่งคร่อมแก่นกายแข็งแรงของเขา แล้วควบขี่ด้วยจังหวะเร็วแรง สองมือบีบหน้าอกอิ่มของตนเองจนแดงเป็นปื้น กระแทกสะโพกลงบนแก่นกายแข็งแกร่งแล้วบดขยี้หมุนวนรัวเร็ว
“วาเนสซา วาเนสซา...” เคานต์กาแอลแอ่นสะโพกรับแรงกระแทกของหญิงสาว
เสียงโต๊ะดังเอี๊ยดอ๊าด พร้อมกับเสียงครางและเสียงหอบหายใจแรงยังความคุ้นชินให้กับสาวใช้จนเห็นเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่ทหารออกไปทำตามคำสั่ง ท่านเคานต์กาแอลก็เริงสวาทอยู่กับหญิงสาวโดยไม่รู้เลยว่ามีสาวใช้คนหนึ่งแอบยืนมองอยู่ข้างหน้าต่างด้วยดวงตาปวดร้าว