นายอธิชา เศรษฐ์ถิรคุณ
อายุ 56 ปี
อธิชา หมายถึง เกิดมายิ่งใหญ่
เศรษฐ์ถิรคุณ หมายถึง มีคุณธรรมมั่นคงและประเสริฐยิ่ง
นางสุภาพิชญ์ เศรษฐ์ถิรคุณ
อายุ 52 ปี
สุภาพิชญ์ หมายถึง นักปราชญ์ผู้มีความงาม
เศรษฐ์ถิรคุณ หมายถึง มีคุณธรรมมั่นคงและประเสริฐยิ่ง
อาหารสองอย่างถูกแบ่งกินเพราะคีรินทร์คนเดียวคงกินไม่หมด ข้าวผัดห่อไข่เป็นอาหารที่ทำใหม่ ผัด ๆ ครู่เดียวก็เสร็จแล้ว แถมยังเติมซอสมะเขือเทศเป็นใบหน้าคนให้พี่ภูอีกด้วยเผื่อจะกินข้าวอร่อยมากขึ้นซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิด ภูผากินข้าวจนหมด แก้มกลมเคี้ยวตุ้ย ๆ จนอยากหยิกสักทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“พี่รินทร์จะทำอะไรหรอครับ” ภูผาเอ่ยถามขณะยกแก้วน้ำกิน ส่วนพี่รินทร์หลังเก็บของเสร็จก็เอาเสื่อมาปูที่พื้นข้างล่าง
“เอาคุกกี้ใส่ขวดครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยตอบพลางยกถาดคุกกี้ที่อบเสร็จแล้วมาวางเรียงกันบนเสื่อ เขาซื้อมาแม้กระทั่งริบบิ้นผูกปากขวดเพื่อความสวยงาม ทำกินเองก็แล้วไป แต่ถ้าเอาไปให้คนอื่นจะได้ไม่ดูเรียบธรรมดาเกินไป ได้ยินแบบนั้นภูผาก็ลงจากเก้าอี้เดินมาหาพี่รินทร์ด้วยความสนอกสนใจ
“พี่ภูช่วย”
“ขอบคุณครับ” คีรินทร์ขยับให้ภูผามานั่งข้าง ๆ คุกกี้สามถาดเล็ก ๆ คงทำไม่นาน ตอนนี้เหลือเพียงขั้นตอนนำใส่ขวดโหลที่ซื้อมาห้าขวดเท่านั้น ภูผารับหน้าที่หยิบคุกกี้ใส่โหล ส่วนคนพี่รับหน้าที่ปิดฝาและผูกริบบิ้น ไม่นานคุ้กกี้ห้าขวดโหลก็เสร็จ คีรินทร์เอาไปตั้งไว้บนโต๊ะกินข้าว กลับมาก็เห็นเด็กน้อยตาปรือแทบจะหลับอยู่รอมร่อจึวพาน้องเข้าไปนอนในห้อง หากแต่พอห่มผ้าให้เสร็จสรรพปิดไฟเดินออกมานอกห้องกลับมีเด็กหอบผ้าวิ่งตามออกมาเช่นกัน
“พี่ภูนอนข้างนอกครับ”
“” เอาแบบนั้นก็ได้ครับ” คีรินทร์ตามใจเด็กน้อยไม่ได้ว่าอะไร ทั้งสองช่วยกันปูที่นอนบนโซฟาตัวใหญ่ ไม่ลืมตุ๊กตาเน่าข้างกายก่อนภูผาจะนอนลงไปทั้งมือยังกำเสื้อพี่รินทร์เอาไว้
“พี่รินทร์เล่านิยายก่อนครับ ไม่นั้นตาจะไม่ยอมปิด” มือเล็ก ๆ ไม่ยอมปล่อยจนกว่าพี่รินทร์จะนอนลงข้าง ๆ ร่างบางยิ้มเอ็นดูนอนลงไปอย่างเต็มใจ ก่อนจะเล่านิทานเรื่องงที่ภูผายังไม่เคยฟังสักเรื่องให้เด็กน้อยฟัง ภูผากำตุ๊กตาไปก็ฟังนิทานไปไม่นานก็หลับก่อนนิยายจะจบเสียด้วยซ้ำ
พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นขยับออกหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่มให้น้องอีกผืน ปรับแอร์และปิดม่านเข้ามาเล็กน้อยจากนั้นก็เดินออกมา หลังตัวแสบหลับไปแล้วก็ได้เวลาทำอย่างอื่น อย่างแรกคือจัดการครัวที่เราสองคนพังเอาไว้ นำของที่ต้องล้างมาล้าง คีรินทร์พยายามทำให้เบาที่สุดกลัวคนหลับจะตื่นขึ้นมาได้ เด็กหากนอนไม่พอกลัวจะงอแง ทำเสร็จก็เข้ามาในห้องนอน ห้องนี้เป็นห้องที่ใช้งานเยอะที่สุดไม่ทำคงไม่ได้
ร่างบางเก็บเสื้อผ้าใส่ตะกร้ารวมกันเองไว้ก่อนจัดที่นอนให้เป็นระเบียบ โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงานก็จัดเล็กน้อยก่อนจะนำเครื่องดูดไรฝุ่นมาใช้ ดูดตามที่นอน หมอน ผ้าห่มจนครบก็ทำอย่างอื่นต่อ เงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังก็พบว่าบ่ายสามเข้าแล้ว ต้องรีบไปทำอาหาร
15:30 น.
ภูผาลืมตาตื่นหลังจากนอนเต็มอิ่มแล้ว หันมองรอบข้างก็ไม่มีพี่รินทร์อยู่แต่เขาได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในครัว ไวเท่าความคิดจึงดีดตัวลุกขึ้นมอง ไม่นานก็เห็นพี่รินทร์กำลังทำอาหารอยู่จริง ๆ จังหวะเดียวกับพี่รินทร์หันมามองเขาพอดิบพอดี ภูผาเลยยิ้มโชว์ฟันเล็กๆ ไปหนึ่งที
“ตื่นแล้วหรอครับ งั้นพี่รินทร์พาไปล้างหน้า” ใบหน้าเหมือนยังไม่ตื่นดีของภูผาพยักหน้าหงึกหงักลงจากโซฟาเดินไปหาพี่รินทร์ มือเล็กถูกจับเอาไว้แล้วพาไปเข้าห้องน้ำด้านนอกเพื่อล้างหน้าล้างตา ทาแป้งจนหอมฉุยจากนั้นก็เดินตามพี่รินทร์มาที่ครัว
//กึก กึก//
ตอนนี้ผักทั้งหลายกำลังถูกมือเล็ก ๆ ขยำล้างให้สะอาดโดยมีพี่รินทร์ยิ้มกว้างน้ำตาคลอมองอยู่ด้วยความภูมิใจ ภูผายืดอกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวขยำผักแรงกว่าเดิมจนแทบแหลกคามือ คีรินทร์มองทั้งน้ำตาแต่ก็ไม่อยากขัดศรัทธา ผักที่หั่นอย่างสวยงามสภาพร่อแร่จนน่าสงสาร
“พี่ภูต้องทำเบากว่านี้ครับ มาพี่รินทร์ทำให้ดู” ถึงแม้จะทำกินเองสามคนแต่เขาก็อยากให้ภูผาทำถูกวิธีมากกว่า สุดท้ายทั้งสองจึงต้องล้างผักใหม่ช้า ๆ โดยมีคีรินทร์เป็นคนสอนและภูผาเป็นนักเรียน ในที่สุดผักก็เป็นผักที่รอดชีวิตจนถึงขั้นตอนการนำไปผัด
หลังจากนั้นพี่รินทร์ต้องอยู่หน้าเตาแล้วเด็กน้อยจึงไม่มีอะไรทำ ภูผาวิ่งกลับไปหยิบสมุดระบายสีมานั่งระบายอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ให้พี่รินทร์ปรับเก้าอี้ขึ้นก็ได้แล้ว ระบายสีไปก็ดูพี่รินทร์ทำอาหารไป บางครั้งก็พูดคุยกันจนติดลมไส้กรอกทอดของพี่ภูแทบไหม้
คีรินทร์ทำอาหารสี่อย่างเพราะเฮียขุนบอกให้ทำมากหน่อย เมื่อเช้ากินได้ไม่ค่อยเยอะ เขาจึงทำปลาราดพริก ไก่ตุ๋นสมุนไพร ต้มยำกุ้ง ผัดเปรี้ยวหวานและอาหารของพี่ภูแยกต่างหาก เป็นไส้กรอกทอด ข้าวผัดทูน่าใส่สาหร่าย และน้ำไก่ตุ๋นสมุนไพรกินคู่
ภูผาระบายสีเสร็จหนึ่งตัวก็เงยหน้าขึ้นมองพี่รินทร์ที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่รินทร์บอกว่ารักการทำอาหารมากใบหน้าจึงดูมีความสุข
“พี่รินทร์อายุกี่ขวบแล้วครับ”
“ยี่สิบสองขวบแล้วครับ” คีรินทร์ลดระดับไฟหันกลับมาหาเด็กน้อยด้านหลังด้วยรอยยิ้ม
“โห พี่ภูพึ่งจะสามขวบเอง แล้วอาขุนล่ะครับ” ภูผาถามต่อเป็นเจ้าหนูจำไม
“อืม อาขุนน่าจะสามสิบห้าขวบครับ” ร่างบางตอบออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจเพราะตอนอ่านนิยายตัวร้ายอายุสามสิบห้า แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงหรืออายุสามสิบหกแล้วก็ได้
“อาขุนแก่จัง” พูดเสร็จก็ก้มลงระบายสีต่อ แต่คนฟังอย่างคีรินทร์แทบสำลักอากาศ จากนั้นก็รีบหันกลับมาทำอาหารต่อไม่ได้พูดอะไรเพราะเวลาค่อนข้างจำกัด ตอนนี้สี่โมงเย็นแล้วเขาต้องรีบทำอาหารให้เสร็จ
เกือบห้าโมงเย็นอาหารทุกอย่างก็ถูกครอบปิดเอาไว้อย่างดี จากนั้นคีรินทร์ก็นำกระทะ หม้อไปล้าง หลังกินข้าวเสร็จจะได้ล้างแค่จานชามเท่านั้น ส่วนภูผาตอนนี้นั่งกินนมอยู่หน้าทีวีดูการ์ตูนเหมือนเดิมแล้ว
“พี่รินทร์ขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
“ครับ” ใบหน้าเล็กๆ พยักหน้ารับก่อนหันกลับไปสนใจทีวีต่อ
คีรินทร์ปล่อยเด็กน้อยนั่งดูทีวีอยู่ข้างนอกส่วนตัวเองเข้ามาอาบน้ำรอบที่สองของวันเพราะเหงื่อเยอะจนทนไม่ไหว ตอนดึกค่อยอาบอีกก็ได้แต่ตอนนี้ขออาบก่อนรอบนึง วันนี้รู้สึกจะเหนื่อยกว่าเมื่อวานอีกแต่กลับไม่ได้รู้สึกแย่อาจเพราะภูผาเป็นเด็กดีช่างพูด มีน้องพูดเจื้อยแจ้วอยู่ด้วยก็ไม่เหงาเช่นที่ผ่านมา
ร่างบางออกมาด้วยเสื้อตัวใหญ่กางเกงขาสั้นอีกเหมือนเดิมเพราะความเคยชิน ใส่อยู่ห้องไม่ได้ออกไปไหนจึงเลือกใส่ชุดนี้ หวีถูกหยิบมาหวีผมที่เหมือนจะยาวมากขึ้นแล้วหรือเขาพึ่งสังเกตก็ไม่รู้
คีรินพนักงานเงินเดือนในชีวิตก่อนไม่ได้ไว้ยาวขนาดนี้ หลายครั้งผิงมันเชียร์ให้ไว้ยาวก็ไม่เคยทำเพราะเปลืองน้ำยาสระผม แต่น้องคนนี้เหมือนจะไว้ทรงเกาหลีเทือกนั้น เหมือนพระเอกอนิเมะ แต่ก็น่ารักเข้ากับรูปหน้าเขาเลยไม่ได้ไปตัด กลัวน้องเข้าฝันมาหักคอ
หวีผมเสร็จก็บีบครีมทาหน้า ทาผิวตามร่างกายเท่านี้ก็จบแล้ว นี่คงเป็นเคล็ดลับผิวเนียนนุ่มของน้องรินทร์ มีอะไรให้ใช่ไอ้รินทร์ก็ทา ๆ ตามอย่างไม่อิดออด ปกติไม่ค่อยทาผิวก็ใช่ว่าจะไม่อยากทา แต่ครีมทาผิวซื้อรองเท้าให้เด็ก ๆ ได้หนึ่งคู่ถึงไม่ซื้อต่างหาก
“พี่รินทร์ครับมีคนเคาะประตู”
“พี่รินทร์เปิดเองครับ” คีรินทร์วิ่งออกมาจากห้องให้ภูผาเข้าไปอยู่ในห้องเพื่อความปลอดภัย เพราะปกติไม่ยักจะเห็นเฮียขุนเคาะประตูเลยจึงรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย ทว่าพอเปิดประตูก็เป็นเฮียขุนไม่ใช่ใครอื่น ขุนเขามองคนน้องที่มีสีหน้าแปลกใจมองเขาอยู่อย่างนั้น
“ปกติไม่เห็นเฮียเคาะประตูนี่ครับ”
“กลัวตกใจ กอดหน่อย” ขุนเขาไม่ได้ว่าอะไร แต่ขยับเข้าไปสวมกอดคนน้องจนจมอก ใบหน้าคีรินทร์ฝังอยู่บนแผ่นอกจนได้กลิ่นน้ำหอมที่ตัวร้ายชอบใช้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ขุนเขาเองก็ก้มหน้ามองคนน้องจนใบหน้าแทบจะชนกันอยู่แล้ว
“ทุกอย่างเรียบร้อยจริงๆ ใช่มั้ยครับ” เสียงหวานถามอย่างเป็นห่วง
“เรียบร้อยแล้ว ระบบในรถค่อนข้างดี มีแขนหนักหัวแตกบ้างแต่ไม่ถึงกับพิการ ตอนนั้นเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นก็เลยเข้าขั้นวิกฤต เฮียจำไม่ค่อยได้” ปากหยักเอ่ยตอบออกไปในขณะที่ท่อนแขนยังคงโอบเอวบางเอาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย คีรินทร์ได้ฟังก็ยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ
“ดีใจด้วยนะครับที่ทุกคนปลอดภัย”
“ไม่ให้รางวัลเฮียหรอ จูบหน่อย” มือหนายกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมที่ไม่ได้เซ็ทก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแก้มใสเบา ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากครีมอาบน้ำของเจ้าตัวไม่รู้ทำไมพอดมแล้วกลับรู้สึกผ่อนคลายชอบกล แขนอีกข้างโอบเอวบางเอาไว้โดยมีคีรินทร์ยืนหน้าแดงอยู่นิ่ง ๆ ตาคมจดจ้องริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า เมื่อไม่เห็นคนน้องว่าอะไรมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเตรียมก้มลงไปรับรางวัล
หากไม่มีมารมาขัดเสียก่อน
“อะแฮ่ม แฮ่ม แค่ก ๆ ๆ”
“คุณตาอะไรติดคอคุณตาครับ มาครับพี่ภูรินน้ำให้ดีกว่า คุณตานี่น้าไม่ระวังเลย” ภูผาวิ่งออกมาจากห้องกระโดดโลดเต้นไปมาเมื่อเห็นคุณตาคุณยายกลับมาหา แต่พอคุณตาไอคอกแคกก็ตื่นตระหนกวิ่งกลับไปหยิบแก้วน้ำรินน้ำให้คุณตาอย่างเป็นห่วง
คีรินทร์ผลักเฮียขุนออกยืนถูมือมองผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ มองคนมีอายุทั้งสองคนยืนอยู่หลังเฮียขุนก็ตาเบิกโพลง มากับตัวร้ายย่อมต้องเป็นพ่อแม่อีกฝ่ายอย่างไม่ต้องเดา ไหนจะภูผาที่เรียกคุณผู้ชายว่าคุณตาอีก ยิ่งทำให้ใบหน้ายิ่งแดงก่ำอยากมุดลงดินในขณะที่ทั้งสองส่งยิ้มหวานมาหาเขาและเฮียขุน
ภูผาไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่ถือแก้วน้ำวิ่งผ่านพี่รินทร์กับอาขุนออกมาหาคุณตาคุณยายด้านนอก ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าสัวได้ปฏิเสธแก้วน้ำก็ถูกยัดใส่มือแล้วจากหลานชายด้วยใบหน้าสดใส สุดท้ายมือหนาก็ต้องจำใจรับแก้วน้ำมาดื่มเหมือนกรรมตามสนองโดยมีภรรยายิ้มชอบใจมองอยู่
จะมีก็แต่ขุนเขาที่ยืนกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย กำลังจะได้รางวัลจากคีรินทร์อยู่แล้วเชียวหากไม่มีคนมาขัดซะก่อน ไหนป๊าม้าบอกจะตามมาทีหลังกัน นี่มันตามมาติด ๆ เลยชัด ๆ ไหนจะเรื่องขัดจังหวะเราสองคนอีก มือหนาโอบไหล่คนข้างกายเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“รินทร์ นี่ป๊ากับม้าเฮียเอง นี่คีรินทร์ครับ”
“สวัสดีครับ” คีรินทร์ไหว้ทั้งสองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ใครจะไม่กลัวเล่า เขาเป็นคู่นอนตัวร้ายไหนเลยจะรู้สึกดีเวลาเจอครอบครัวอีกฝ่าย ทั้งกลัวจะถูกมองไม่ดีหรือเจอคนที่มีอคติเรื่องเพศที่สามเหมือนกับลุงป้าของเจ้าของร่างนี้ แต่คีรินทร์คิดผิด ทั้งสองไม่ได้มีสีหน้าอื่นใดเลยนอกจากใบหน้ายิ้มแย้ม ขนาดคุณผู้ชายยังพยักหน้าให้เขาพร้อมเผยยิ้มเล็กน้อยส่งมาให้
“สวัสดีค่ะพี่รินทร์” สุทักทายน้องรินทร์ด้วยรอยยิ้มจนร่างบางทำตัวไม่ถูก ยังไม่ได้พูดคุยกันมากภูผาก็ลูบท้องให้ดูแล้วว่ากำลังหิว ทุกคนจึงย้ายกันเข้ามาในห้องเพื่อกินข้าวก่อนเป็นอย่างแรก หลังจากนี้ค่อยพูดคุยกันอีกรอบก็ยังไม่สาย
คุณหญิงยื่นถุงขนมและของฝากเล็กน้อยให้พี่รินทร์เอาไปเก็บไว้ เธอให้สามีพาไปซื้อตั้งแต่วันที่นาราส่งคลิปมาให้ดู ไม่ว่าจะเป็นขนมหรือเสื้อผ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นของขวัญที่มีน้องรินทร์เข้ามาในชีวิตลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ แม้ว่าสายลืบจะรายงานว่าคีรินทร์เป็นคู่นอนของลูกชายแต่ใครจะเชื่อ เกิดมาตาขุนไม่เคยมีคู่นอนเลย ยังไงก็แฟนแน่นอนแต่อยากปิดบังครอบครัวต่างหาก เธอคิดแบบนั้น
คีรินทร์เอาของไปเก็บก็ออกมาจัดโต๊ะอาหารด้วยความเกร็ง ทั้งกังวลเรื่องอาหาร ยังดีที่ทำอาหารหลายอย่าง ข้าวก็หุงเอาไว้เยอะ แต่ก็กลัวว่าอาหารจะไม่อร่อยเพราะเขาแทบไม่ค่อยได้ทำอาหารให้คนอื่นกินเลยยกเว้นเฮียขุนกับภูผา
“ป๊าม้าดูหลานเถอะเดี๋ยวขุนช่วยน้องเอง” ร่างสูงพาทั้งสองคนไปนั่งรอที่โซฟาก่อน ส่วนตัวเองกำลังถอดเสื้อตัวนอกแล้วจะไปช่วยคนน้องจัดโต๊ะ
“ลูกชายแม่เก่งมาก” คุณหญิงอดชื่มชมลูกชายไม่ได้ที่ไม่ปล่อยให้แฟนทำคนเดียว ก่อนจะเดินยิ้มไปนั่งลงข้างสามี วันนี้นอกจากลูกสาวและลูกเขยจะไม่เป็นอะไรมากทั้งยังอาการดีขึ้นแล้ว เรื่องคนทำก็คงจัดการไม่ยาก ทั้งวันนี้ยังได้เจอแฟนลูกชายอีก จะไม่ให้เธอยิ้มจนหน้าบานได้ยังไง
ระหว่างที่ขุนเขาและคีรินทร์ช่วยกันยกจานอาหารไปที่โต๊ะกินข้าว คุณตาก็กำลังถูกหลานคะยั้นคะยอให้กินน้ำลูกเดียวแม้จะบอกว่าไม่มีอะไรติดคอแล้วก็ตาม หันมาขอความช่วยเหลือจากลูกชายอีกฝ่ายก็ส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้เหมือนกำลังสมน้ำหน้าเขาอยู่ สุดท้ายเจ้าสัวอธิชาก็รับน้ำจากหลานชายมาดื่มอีกแก้ว ข้าวยังไม่กินแต่กินน้ำไปสองแก้วแล้ว
“คุณตาเก่งมาก” ภูผาตบมือแปะ ๆ ชื่นชมคุณตาด้วยความไร้เดียงสา รับแก้วน้ำคืนมาก็วิ่งเอาไปเก็บด้วยตัวเองไม่ต้องให้พี่รินทร์ช่วย จัดโต๊ะอาหารเสร็จแล้วทุกคนก็มานั่งประจำที่ แน่นอนว่าผู้อาวุโสนั่งหัวโต๊ะ คุณหญิงนั่งฝั่งขวามือของสามี ส่วนทั้งสามคนนั้นไปกองกันอยู่ฝั่งซ้ายหมดโดยมีน้องรินทร์นั่งอยู่ตรงกลาง
มื้อเย็นร่วมกับครอบครัวตัวร้ายรอบที่สองไม่เหมือนครั้งแรกเลย คีรินทร์เหมือนระแวงสายตาทั้งสองอยู่ตลอดกลัวจะทำอะไรให้พวกเขาดูแคลนเข้า แต่หลังจากพูดคุยกันประโยคสองประโยคก็ช่วยให้จิตใจเขาสงบมากขึ้นกินข้าวต่อได้จนอิ่ม