โคตรเลว #4​ -​ หนี

1337 คำ
เพลิงยังคงกระชากผมลากร่างเธอถูไถขึ้นบันไดมายังชั้นบนอย่างต่อเนื่อง​ ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องและสาปแช่งของอีกฝ่ายเลย แม้ว่าเธอจะพยายามจิกเล็บคมลงบนหลังมือจนเลือดไหลเกิดเป็นแผลเหวอะหวะก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บ ‘ตัดมาที่เหตุสะเทือนขวัญคนไทยสดๆร้อนๆกันค่ะ หลังกลุ่มโจรบุกเข้าปล้นร้านทองมินิเกอร์ หน้าชุมชนสลัมเถื่อน จ.กรุงเทพมหานคร’ ในระหว่างที่เดินผ่านหน้าห้องทำงานของตัวเองและเพื่อนๆเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสาม สองขาแกร่งก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรทัศน์ที่มีพิธีกรกำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุปล้นร้านทองดังลอดออกมา 'เมื่อเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีของเย็นวันนี้ ประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเศษๆ จากกล้องวงจรปิดในร้านบริเวรรอบๆ คนร้ายสี่คนสวมหมวกไอ้โม่งใช้จังหวะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายที่ประจำการรักษาความปลอดภัยออกไปนั่งกินข้าวกันร้านข้างๆ เปิดประตูสาวเท้าเข้ามาข่มขู่แล้วกวาดทรัพย์สินพร้อมกับเงินสดจำนวนหนึ่งใส่กระเป๋าเป้ ก่อนจะใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงพนักงานในร้านและประชาชนที่ขวางหูขวางตาเสียชีวิตหลายราย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบวิ่งกลับมาพร้อมเรียกกำลังเสริมก่อนสั่งให้ผู้คนวิ่งหาที่หลบ แล้วยิงปะทะกับคนร้ายที่ยังยิงกราดอยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงไม่กี่นาทีเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดปฏิบัติการพิเศษก็มาสมทบหวังระงับเหตุให้เร็วที่สุด ต่างฝ่ายต่างปะทะกันไปมาอยู่พักใหญ่จนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บาดเจ็บและเสียชีวิตกันไปหลา​ยนาย​ คนร้ายจึงใช้จังหวะนั้นหลบหนีไปได้​พร้อมของกลาง เป็นทองรูปพรรณและทองคำแท่งรวมทั้งเงินสดอีกหลายแสนบาท ขณะนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้ คาดว่าน่าจะเป็นแก๊งเดียวกันกับที่ชอบก่อเหตุในพื้นที่นั้นมาแล้วหลายครั้ง ครั้งนี้ครั้งนั้นผู้กำกับการตำรวจในพื้นที่จะระดมกำลังออกติดตามอย่างเต็มที่และในเช้าวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม เพื่อวางแผนในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด’ ทันทีที่การรายงานสิ้นสุดลงเจ้าของใบหน้าคมคายได้ปรากฏรอยยิ้มร้ายๆขึ้นตรงมุมปาก​ มันไม่ได้ทำให้เขากลัวหรือสะทกสะท้านเพราะรู้สึกชินกับข่าวของตนเองไปเสียแล้ว เดี๋ยวไม่นานก็เงียบลง ตำรวจพวกนั้นตามสืบหาตัวคนอย่างพวกเขาไม่ได้หรอก เนื่องจากมีมาเฟียแก๊งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่​ แค่ยัดเงินปิดคดีทุกอย่างก็จบ "ปล่อยกู..ฮึก..ไอ้ชิงหมาเกิด..มะ..มึงมันไม่ใช่คน" รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้สาดคำด่าออกไปกี่พันครั้งยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ แถมยิ่งเป็นการยั่วโมโหให้อีกฝ่ายหงุดหงิด แต่สัญชาตญาณบังคับให้เธอพูดและต้องสู้จนตัวตายดีกว่ายอมให้สารเลวมันรังแกเฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลย เนเน่พยายามกระเถิบตัวเข้าไปตามแรงกระชากเพราะสู้เรี่ยวแรงของเพลิงไม่ได้​ ทั้งจิกทั้งต่อยทั้งทุบก็แล้วไม่ได้ทำให้เขารู้สึกใดๆ คนอะไรตายด้านยิ่งกว่าสัตว์ "....." โจรหนุ่มเอี้ยวหน้ากลับไปเหลือบตาลงมองสภาพของคนข้างหลังที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการกระทำของตน พร้อมทั้งใบหน้าสวยและเสื้อนักศึกษาเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบน้ำตาและเลือดสีแดงสดของเขากระเซ็นใส่ ในตอนลากขึ้นมาแล้วเธอพยายามต่อสู้เอาตัวรอดด้วยแววตาไม่ต่างไปจากเดิม​ ​ท่ามกลางกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เขาตวัดสายตาหันกลับมามองทางด้านหน้า แล้วลากเธอเดินต่อไปยังบันได​ แกร๊ก| ยังไม่ทันที่เพลิงจะได้ลากเนเน่เดินต่อประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดขึ้นเสียก่อน​ ทำให้เขาละสายตาจากทางด้านหน้า หันไปมองคนที่เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "เอ้ามึงยังอยู่อีกเหรอวะ กูนึกว่าโดนวิสามัญตายห่าไปแล้ว" เสียงทุ้มของคนหน้าประตูดังขึ้น พร้อมกับใครอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังโผล่หน้าออกมามอง​ "คนอย่างกูไม่ตายง่ายๆ" เพลิงเหยียดยิ้มเยาะตอกกลับคำทักทายของเพื่อนรักที่ครั้งนี้ดันกลับมาถึงก่อนเขา ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายหนีมาก่อนแท้ๆ​ จังหวะนี้ทำให้เนเน่ปัดมือเขาออกจากการกุมเต็มแรง จนหลุดจากพันธนาการอย่างง่ายดาย​ "หึ" เสือแค่นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน​ ดวงตาคมดุร้ายราวกับสัตว์ป่าเหลือบลงมองหญิงสาวข้างหลังเพลิงที่กำลังพยุงตัวเองลุกขึ้น​ แต่เนเน่ไม่ได้สนใจสายตาคู่นั้น รีบสาวเท้าเดินกลับไปทางบันไดที่เขาพาขึ้นมาเพื่อจะหนีออกจากที่นี่ หมับ! แต่ด้วยความว่องไวของเพลิงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปเพียงนิด เขาก็รีบหมุนตัวเดินไปคว้ากระชากผมเธออีกครั้งไว้ได้ทัน ​ทำให้ตัวเธอเซถลามาชนเข้ากับแผงอกแกร่ง​ "โอ๊ยยยยยยย! อึก..ไอ้เหี้ย..ปะ..ปล่อยกู" การกระทำของเขาสร้างความแปลกใจให้แก่เพื่อนที่มองอยู่ไม่น้อย​ ปกติเพลิงจะไม่ยุ่งหรือทำร้ายผู้หญิงแบบนี้มีแต่ยิงทิ้งอย่างเดียว ส่วนมากจะเป็นพวกเพื่อนเขามากกว่าที่ทำอย่างนั้น มันก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะแปลกใจ "คิดว่าจะหนีกูพ้นเหรอ" มือหนากระชากผมคนตรงหน้าแรงกว่าเดิมให้เงยขึ้นกลับมามองหน้าเขา "อึก! ถึงไม่พ้นกูก็จะหนี" เนเน่ขบกรามแน่นข่มความเจ็บปวด​ ขณะที่มือกำเสื้อยืดของเจ้าของการกระทำโหดเหี้ยมแน่นตามๆกัน​ ไม่วายจ้องหน้าอันหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายอย่างเคียดแค้น​ อยากมีกระบอกปืนอยู่ในมือ เธอจะลั่นไกใส่เขารัวๆอย่างไม่คิด "หึ.." ลำคอหนาแค่นหัวเราะเบาๆให้กับความอวดดีของเธอ​ “งั้นก็หนีต่อให้ได้และกัน” โจรหนุ่มตวัดแขนรัดลำคอระหง กระชากหญิงสาวหมุนตัวกลับเข้ามา ก่อนใช้เข่าดันขาเธอให้เดินนำมาหยุดหน้าประตูโดยไม่พูดอะไรต่อ "ทนฟังพวกกูทำเรื่องอย่างว่ากันไม่ไหว​ ถึงกับหาสาวมาทารุณเองเลยเหรอวะ" เสือว่า "ไม่ได้หาว่ะ พอดีมันฟลุค" เพลิงปรายตามองเจ้าของคำพูดกระแนะกระแหนเพียงนิด​ ถือว่าวันนี้วันดีของเขาได้ทั้งเงินทองและผู้หญิง "ไอ้เวร! ทีพวกกูชวนไม่เอา" เป็นเล้งสบถคำเสริมขึ้นมองเพื่อนตัวเองด้วยสีหน้าเย็นชา​ ทุกครั้งที่พวกเขาลักพาตัวผู้หญิงมาข่มขืนเพลิงจะปฏิเสธทุกครั้ง ไม่เคยมารวมด้วยเลย "ไอ้ห่านี้มันเลือกเยอะ​" ตี๋พูดบ้างหลังจากยืนเงียบอยู่นาน ตาคมตวัดมองคนในอ้อมแขนของเพื่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างกำลังคุกคาม พลางแสยะยิ้มมุมปาก "ว่าแต่คนนี้แจ่มดีว่ะ" รูปร่างอรชรบวกกับผิวพรรณเปล่งปลั่งของเธอ ทำเขาอดที่จะชื่นชมออกมาไม่ได้ "....." เพลิงไม่ได้สนใจคำพูดกระแนะกระแหนของเพื่อนรักทั้งสาม​คน รีบดันตัวเนเน่ที่พยายามดิ้นทุบตีตนอยู่ในอ้อมแขนเดินต่อไปยังบันไดด้านหน้า "เฮ้ย! เดี๋ยวจะไปไหน​ นี่มึงกะจะเอาคนเดียวไม่แบ่งเพื่อนเลยรึไง" "จะเอาก็ตามมา​ แต่ต้องรอต่อจากกู" เมื่อได้ยินเสียงเสือตะโกนตามหลังมาใบหน้าคมคายก็เอี้ยวกลับไปพูดทิ้งท้าย แล้วก้าวขาขึ้นบันไดทันที​ --------------------------------------- เดี๋ยวๆมึงจะทำอะไรน้องอีพี่เพลิง (อ่านจบแล้วถูกใจ​และคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม