ซายน์....
ตอนนี้ฉันนอนอยู่บนเตียงกับพอสไม่ใช่แค่นอนอย่างเดียวตอนนี้เรานอนกอดกันด้วย แต่เป็นเพราะฉันขอร้องแกมบังคับเขาเองนั่นแล่ะทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่ดูจากสีหน้าและคำพูดของเขาก็รู้แล้ว แต่การที่เราได้นอนกอดกันแบบนี้มันทำให้ฉันคิดถึงสมัยก่อนตอนที่ฉันไม่สบายแล้วเขาก็ขึ้นมานอนกอดฉันแบบนี้เลยมันทำให้ฉันหายไข้เร็วมากไม่รู้เกี่ยวกับการที่ได้นอนกอดกันหรือเปล่า
ทุกคนจะว่าฉันหน้าด้านหน้าไม่อายก็ได้นะที่ไปเรียกร้องขอให้ผู้ชายนอนกอดแบบนี้แต่ฉันรักเขานี่นาฉันรักพอส ขอแค่ฉันได้นอนกอดเขาแค่ได้นอนกอดกันแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน เพราะฉันมั่นใจว่ามันคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วที่เราจะได้อยู่ใกล้ชิดกัน ยังไงก็ขอให้ฉันได้เก็บเกี่ยวความสุขเล็กๆน้อยๆนี้เอาไว้เพราะฉันรู้ดีว่าความรักของฉันกับเขามันคงไม่มีทางเป็นไปได้ พอสไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันฉันรู้ดีที่เขาจูบฉันเมื่อกี้ก็แค่อารมณ์มันพาไปเท่านั้นไม่มีอะไรมากกว่านี้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าพอสจะจูบฉันก่อนก็ตาม อยากจะบอกว่าเขาคือจูบแรกของฉันเลยนะฉันไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเพราะฉันไม่เคยมีคนรักหรือมีแฟนเพราะใจของฉันมีแต่พอสมาตลอดเขาคือรักแรกของฉัน
เรื่องจูบมันยังไม่เท่าไหร่แต่ฉันดันใจกล้าหน้าด้านขึ้นคร่อมเขาแล้วดูดคอของเขา คือดูดจนรอยเต็มคอไม่รู้ว่าอะไรมาสิงฉันถึงทำให้ฉันใจกล้า ทำแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะท่าทางของเขาที่ทำท่ารังเกียจฉันฉันก็เลยอยากแกล้งเขาดูสุดท้ายก็ถูกเขาตะคอกใส่สั่งให้หยุด ถามว่าอายไหมที่ไปดูดคอของพอสก็อายนะแต่ทำไปแล้วให้ทำไงได้ล่ะและอีกอย่างฉันก็ทำแค่กับเขาคนเดียวไม่ได้เคยไปทำกับคนอื่น
"มองหน้าทำไมทำไมไม่นอนสักที" พอสถามฉันทำให้ฉันถึงกับสะดุ้งเพราะฉันคงนอนมองหน้าเขานานไปหน่อย
"มองแค่นี้ไม่ได้เหรอ"
"แล้วจะมองทำไมมีอะไรให้มอง"
"ก็อยากมองเพราะอีกหน่อยพี่อาจจะไม่ได้อยู่มองพอสแบบนี้"
"ทำไม" เขาขมวดคิ้วถามฉันทำได้แค่ยิ้มบางๆส่งไปให้
"ไม่มีอะไรหรอกช่างมันเถอะ^^" ฉันบอกกับพอสที่ทำหน้าสงสัยในคำพูดของฉัน
"มีอะไรหรือเปล่า" เหมือนเขาจะยังไม่ได้คำตอบที่พอใจเขาถึงถามฉันแบบนี้
"ถ้าวันนึง""""พี่ไม่อยู่หรือพี่หายไปพอสจะคิดถึงพี่มั้ย"
"หมายความว่าไง"
"พี่ถามก็ตอบก่อนสิ"
"ก็...ไม่รู้สิคงไม่รู้สึกอะไร..มั้งเพราะเราก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดว่าถ้าไม่เจอแล้วจะต้องรู้สึกอะไร"
"อื้มมมม ขอบคุณนะสำหรับคำตอบ" ฉันยิ้มให้พอสเล็กน้อยก่อนจะซุกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาให้ได้มากที่สุดเพื่อซ่อนน้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่ให้เขาเห็น
"พี่ง่วงจังเลยขอนอนสักงีบนะ" ฉันบอกเขาก่อนจะหลับตาลงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียเพราะเหมือนกับว่าตอนนี้อาการของฉันที่คิดว่าหายไปนานแล้วมันกำลังจะกลับมา
"อืมนอนเถอะ"
เวลาต่อมา....
"ตาพอส นี่มันอะไรขึ้นลูก!!!" ฉันกับพอสถึงกับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงของอาแพรวเรารีบขยับตัวออกจากกันอย่างรวดเร็วพอฉันหันไปก็เจออาแพรวกับแม่ของฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องท่านทั้งสองมองมาที่เราด้วยสายตาตื่นตระหนก
"ทำไมทั้งสองคนถึงนอนกอดกันบนเตียงแบบนี้ล่ะ" แม่ฉันเองค่ะที่เป็นคนถามคำถามนี้
"เอ่อคือว่าซายน์ไม่สบายครับผมก็เลย.." พอสพูดไม่ทันจบประโยคอาแพรวก็พูดขัดขึ้นมาทันที
"ไม่สบายก็เลยขึ้นไปนอนกอดพี่เค้าน่ะเหรอตาพอสห๊ะ"
"ม๊าครับคือว่าผม..." ฉันมองหน้าของพอสที่ดูไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ที่โดนแม่ของตัวเองว่า
"หนูขอให้พอสขึ้นมานอนกับหนูเองค่ะอาแพรว"
"ห๊ะ!!!" อาแพรว
"ว่าไงนะคะลูก" แม่
"หนูไม่ค่อยสบายก็เลยขอให้พอสขึ้นมานอนกับหนูเองค่ะ แค่กอดกันไม่ได้มีอะไรเกินเลย"
"จริงเหรอจ๊ะ" อาแพรวถามย้ำเหมือนท่านกำลังเสียดายที่ฉันกับพอสเราแค่นอนกอดกัน
"จริงค่ะ" ฉันยืนยันหนักแน่น
"พอสไม่ได้ทำอะไรลูกสาวป้าจริงเหรอลูก"
"แม่คะ"
"เอ่อ ก็...." พอสดูอ้ำอึ้งเพราะจริงๆแล้วเราไม่ได้แค่นอนกอดกัน เราจูบกันแล้วฉันก็ยังไปดูดคอเขาอีกด้วย
"บอกม๊ามาตามตรงนะตาพอส เราเป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ"
"ผมจูบซายน์ครับ"
"แค่จูบเหรอ"
"ครับ"
"ว๊าาาา" เสียงอาแพรวค่ะเหมือนเสียดายที่เราแค่จูบกัน
"แต่ถึงจะแค่จูบพี่เค้าก็เสียหายอยู่ดีเพราะฉะนั้นพอสต้องรับผิดชอบพี่เค้าด้วยการแต่งงาน"
"แต่งงาน??"
"แต่งงานเหรอเลยเหรอคะ??"
"ใช่จ๊ะแต่งงานเพราะน้องซายน์เป็นผู้หญิงน้องซายน์เสียหาย เอ่อพี่ฝนคะแพรวว่าเราคงต้องไปขอฤกษ์จากหลวงตาที่วัดแล้วล่ะค่ะ"
"นั่นสิ พี่ว่าเราไปกันเลยดีมั้ยคะน้องแพรว"
"ดีค่ะ"
"งั้นเราไปกันเลยละกันนะ"
"โอเคค่ะ" พูดจบทั้งแม่ฉันทั้งอาแพรวก็พากันเดินออกไปจากห้องทิ้งฉันกับพอสนั่งเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออกกันอยู่บนเตียง ฉันหันไปมองหน้าพอสอย่างรู้สึกผิดเพราะถ้าฉันไม่ขอให้เขาขึ้นมานอนบนเตียงเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้
"พี่ขอโทษนะ พี่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้"
"ผมไม่น่าเข้ามาในห้องนี้เลย" พูดจบพอสก็ลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปทิ้งฉันให้จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เขาต้องแต่งงานกับฉันด้วยความไม่เต็มใจ
หลายวันต่อมา...
ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปทำงานเพราะอาแพรวบอกว่าไม่ต้องไปแล้วให้ฉันอยู่บ้านเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวซึ่งงานในวันนั้นจะเป็นทั้งงานหมั้นและงานแต่งช่วงเช้าหมั้นช่วงเย็นแต่ง งานจะมีในอีกสองเดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่แม่ของฉันกับอาแพรวไปขอจากหลวงตาที่วัด
"น้องซายน์รู้มั้ยลูกว่าหลวงตาท่านบอกกับอาว่ายังไง หลวงตาท่านบอกว่าน้องซายน์กับพอสน่ะเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติก่อนและจะเป็นเนื้อคู่กันทุกภพทุกชาติอานะอยากจะกรี๊ดลั่นวัดเลยแต่ก็อายคนที่มาทำบุญ" นี่คือคำพูดที่อาแพรวบอกกับฉันในวันที่กลับมาจากวัด ส่วนแม่ของฉันน่ะเหรอดีใจยิ่งกว่าอะไรตอนนี้คงรู้กันหมดทั้งอำเภอแล้ว เพราะแม่บอกว่าพ่อของฉันท่านไปเชิญทั้งนายอำเภอทั้งปลัดอำเภอซึ่งท่านก็ตกลงที่จะมาร่วมงาน แม่บอกว่างานนี้จะต้องเป็นงานใหญ่ระดับจังหวัดแม่บอกด้วยความภูมิใจทำเอาฉันถึงกับพูดไม่ออก ตอนแรกฉันกะจะบอกกับแม่ว่าฉันไม่อยากแต่งงานเพราะฉันไม่อยากฝืนใจพอสเขาไม่ได้รักฉันแต่งงานกันไปก็คงไม่มีความสุขทั้งฉันทั้งเขาแต่ฉันก็พูดไม่ออกเพราะทุกอย่างถูกจัดเตรียมไปบ้างแล้วภายในวันเดียวไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดงานหรือแม้แต่ร้านตัดชุดร้านของชำร่วยการ์ดเชิญแขก ส่วนแหวนแต่งงานอาแพรวบอกว่าท่านเตรียมไว้นานแล้วตั้งแต่วันที่ฉันบอกว่าฉันชอบพอสและของจองเขาเอาไว้ฉันไม่คิดว่าคำพูดไร้เดียงสาของเด็กสองขวบจะมีความหมายขนาดนี้
ส่วนพอสไม่ต้องเดาว่าเขาจะรู้สึกยังไงจะยินดีหรือไม่กับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นพอเขารู้ว่าฤกษ์แต่งเขาก็เงียบหายไปเลย อาแพรวบอกว่าเขาเข้ากรุงเทพเพื่อไปฉลองงานวันเกิดของตะวัน หึ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือตะวันอยู่ดี
"โอ๊ย ปวดหัวจัง" ฉันเอามือกุมหัวที่ปวดจนแทบจะระเบิดฉันรีบเดินไปหยิบยาที่เก็บเอาไว้ในเก๊ะหัวเตียงเพราะช่วงนี้ฉันเครียดบ่อย