ตอนที่หนึ่ง ผู้หญิงหน้าเงิน 4

1988 คำ
“กำหนดการของงานที่จะเกิดขึ้นทุกอย่างหลังจากนี้ไป จะอยู่ในการดูแลของรอสทั้งหมด... แกจะทำงานโดยมีนาเดียเป็นผู้ช่วย รวมทั้งงานแต่งงานของแกกับนาเดียจะถูกจัดขึ้นในทันทีหลังจากที่แกและพี่ๆ มาเซ็นรับการโอนหุ้นส่วนของคลากสันกรุปไป” เมื่อบรรยากาศภายในรถเงียบลง คาร์ลก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน เควินที่ทำหน้าเฉยก็ชักสีหน้าขึ้นมาทันที... เขาหันไปมองนาถลดาที่เอาแต่ก้มหน้า ไม่คัดค้านเรื่องแต่งงานอย่างที่หล่อนควรจะทำ... แล้วเขาก็เป็นฝ่ายโกรธ สายตาของตาเฒ่าทอดมองนาถลดาอย่างเป็นห่วง สิ่งนั้นทำให้เควินลอบยิ้ม การที่เขาได้รู้ว่านาถลดาคือคนที่คาร์ลรักและไว้ใจราวกับว่าเป็นลูกเป็นหลานทำให้เขาพึงใจเป็นอย่างมาก... เพราะหากเขาจะลงมือเอาคืนใคร เขาก็ตั้งใจที่จะเริ่มที่หัวใจคนนั้น... ดังนั้นคาร์ลจึงไม่ได้ยินคำปฏิเสธเรื่องการแต่งงานจากเควิน เพราะเขาไม่อาจปฏิเสธเนื่องจากมันเป็นหนทางเดียวที่เขาจะได้มีโอกาสแก้แค้น... รถเข้ามาจอดในบริเวณกว้างขวางของคฤหาสน์ประจำตระกูลคลากสัน บริเวณห้องโถงหรูหราสมฐานะของคาร์ลเป็นห้องรับแขกแสนอลังการ เดินลึกเข้าไปคือโต๊ะอาหารขนาดใหญ่สำหรับจุคนได้ยี่สิบคนมีอาหารนานาชนิดจัดแจงอยู่ เหมือนว่าอาหารมื้อนี้จะถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับเควินเพราะทั้งโต๊ะอาหารคืออาหารไทยที่เควินคุ้นเคย นับว่าคาร์ลทำการบ้านได้ได้ดี เพราะหากว่าคาร์ลทำอาหารยุโรปรอต้อนรับเขา เควินรับรองได้แน่ว่าเขาจะเดินหนีไปพร้อมบอกว่าเขายังไม่อยากทานอาหารพวกนี้... หากแต่นี่คืออาหารไทยรวมทั้งอาหารบนเครื่องในช่วงสิบกว่าชั่วโมงที่เดินทางมาทำให้เขาเอียนอาหารมันนมเนยเขาจึงบอกกับตัวเองว่าเขาจะทานอาหารที่คาร์ลจัดเตรียมไว้ต้อนรับเขา.... ในคฤหาสน์ไม่ได้มีเพียงแต่คาร์ล กับนาถลดาอยู่เท่านั้น นอกจากรอสที่มีห้องหับที่นี่แล้ว เควินยังค่อนข้างแปลกใจที่รู้ว่าในคฤหาสน์ยังมีลูกๆ หลานๆ ซึ่งเป็นญาติห่างๆของคาร์ลอยู่ด้วยหลายคน... รวมหมอประจำตระกูลที่ได้รับอภิสิทธิ์พิเศษให้อยู่ที่คฤหาสน์นี้อีกคนก็เป็นสี่คนเข้าไปแล้ว... แอลลี่ กิลเบร์ต คือคนแรกที่คาร์ลแนะนำให้เควินรู้จัก หญิงสาววัยไม่เกินสามสิบมีเค้าว่าเป็นลูกผสมเอเชียและยุโรปใบหน้าสวยจัดบวกกับการแต่งกายสวยฉูดฉาดเต็มไปด้วยรสนิยมเข้ากับดวงหน้าโฉบเฉี่ยวของหล่อนทำให้หล่อนดูโดดเด่นร้อนแรงจนสัมผัสได้ คนแนะนำบอกว่าหล่อนเป็นน้องสาวของลูกสะใภ้คาร์ลที่เสียไปแล้ว อีกคนที่นั่งคาร์ลแนะนำให้รู้จักคือโซเฟีย ไวท์ และเด็กชายเจคอบ ไวท์ หรือเจค สงแม่ลูกที่ดูท่าทางเรียบร้อยค่อยทำให้พอโล่งใจที่ไม่ต้องเจอสายตาชวนอึดอัด โซเฟียเป็นญาติห่างๆ ของคาร์ลและเป็นซิงเกิลมอม คาร์ลสงสารจึงเลี้ยงดูทั้งแม่ทั้งลูก เจ้าเด็กเจคอบ อายุราวๆ สี่ห้าขวบ ท่าทางฉลาดและเป็นมิตรอยู่พอควร เควินไม่ชอบเด็กที่สุด แต่คิดว่าน่าจะอยู่ร่วมบ้านกันได้ไม่ยาก.... นอกนั้นยังมีคนนอกครอบครัวอีกหนึ่งคนที่คาร์ลแนะนำให้รู้จักว่าอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้... นายแพทย์ โรเบิร์ต วัตสัน หมอหนุ่มวัยสามสิบสองปีที่เควินไม่เข้าใจว่าเหตุใดไอ้หมอนี่ถึงได้เข้ามาอยู่ที่นี่ แต่เมื่อเขามองสายตาที่ที่โรเบิร์ตมองไปยังนาถลดาแล้ว หัวคิ้วเขาก็ย่นขึ้นมาอย่างกังขา... เควินคงต้องคุยกับคาร์ลบ้างแล้วว่า ในเมื่อสองคนนี้ดูเหมือนมีอะไรต่อกันมากกว่าเพื่อนร่วมบ้าน หากเขาต้องงานกับนาถลดาจริง ไอ้หมอหน้าหล่อนี่ไม่หึงจนฆ่าหั่นศพเขาหรือไร... มื้อเย็นเริ่มขึ้นโดยเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก... เควินทานอาหารได้ถูกปากและคิดว่ารสชาติของอาหารค่อนข้างดี แม้บางอย่างอาจจะไม่ได้วัตถุดิบตรงกับสูตรต้นตำรับเลยเพราะว่าที่นี่อาจจะไม่ได้หาของมาทำง่ายนัก หากแต่มันก็อร่อยจนทำให้เขารู้สึกว่าวันนี้เขาไม่ได้อยู่ไกลบ้าน... “แกงกะทิสีเขียวนี่ของโปรดแกหรือเปล่าล่ะเควิน” คาร์ล พยายามผูกมิตรกับเควินเมื่อเห็นว่าหลานชายคู่อาฆาตกำลังตักแกงเขียวหวานไก่ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เขาตักบ่อยกว่าเมนูอื่นอย่างเห็นได้ชัด “ครับ ผมชอบทานเมนูนี้” เขาพยักหน้ารับคำง่ายๆ ตั้งใจว่าจะรีบทานอาหารแล้วขึ้นไปข้างบนเพื่อติดต่อกับคนที่บ้าน เพราะเวลานี้ยังไม่ดึกนักสำหรับเมืองไทย หากชักช้าคนที่เมืองไทยจะนอนเสียก่อน “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เดี๋ยวฉันจะให้นาเดียทำให้แกทานบ่อยๆ แกงนี้นาเดียทำไว้ตั้งแต่ก่อนออกไปรับแกแล้ว... อาหารหลายอย่างบนโต๊ะนาเดียเป็นคนทำโรสเป็นลูกมือ” คำพูดของผู้เป็นตาทำให้ช้อนที่ตักแกงเขียวหวานรสชาติอร่อยชะงัก เขานึกว่าอาหารทุกอย่างจะเป็นฝีมือของแม่บ้านใหญ่ทำครัวบ้างบางวันคนอย่างป้าโรสที่ตาเพิ่งแนะนำไปเสียอีก... ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ทำคือนาถลดาและแน่นอนว่าการรู้ว่าหล่อนทำมันทำให้เขาอิ่มขึ้นมาทันที นาถลดาก้มหน้าเม้มปากนิ่งเมื่อเห็นเขาวางช้อนและรวบไว้บ่งชัดว่าอิ่ม... มีเพียงหล่อนกับคาร์ลที่สังเกตเห็นอาการต่อต้านจากเควินที่มีต่อนาถลดาชัด... คนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของการเข้ามารับช่วงต่อกิจการมีเพียงแค่ คาร์ล นาถลดา รอสเท่านั้น คนอื่นที่รู้เพียงแค่ว่าคาร์ลมีทายาทที่เพิ่งเปิดตัวจากเมืองไทยมารับช่วงต่อกิจการ และกำลังจะแต่งงานกับนาถลดาเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยงดู ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านั้นจึงไม่ได้กังวลสงสัยกับท่าทางของเขาเท่าใดนัก “ขอบคุณสำหรับมื้ออาหารที่เยี่ยมยอดจากนาเดีย และก็รู้สึกว่ายินดีที่ได้รู้จักกับทุกท่าน... แต่ผมต้องเสียมารยาทขึ้นไปบนห้องพักก่อนเพราะรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางอยากพักผ่อน...” ดวงตาคมวาว หันไปมองทุกคนบนโต๊ะอาหาร... เขาพยายามรักษามารยาทเพราะรู้ว่าคนอื่นก็พยายามรักษามันกับเขาเหมือนกัน... “นาเดียทานอิ่มแล้วใช่ไหม ฉันรบกวนไปส่งเควินที่ห้องพักหน่อย” คำสั่งของคาร์ล ทำให้นาถลดาคอแข็ง... หันไปเห็นสายจ้องเอาเรื่องจากเควินแล้วหล่อนก็ฮึดสู้ขึ้นมา หล่อนมีเรื่องมากมายจะพูดกับเขาเหมือนกัน... ถึงจะไม่พอใจแต่เควินไม่พูดให้มากความ เขายอมลุกเดินไปพร้อมๆ กับนาถลดา โดยมีสายตาครุ่นคิดของหมอโรเบิร์ตมองตามไปติดๆ “สองคนนั้นดูไม่สนิทกันเลย เขาจะแต่งงานกันจริงๆ หรือคะคุณตา” โซเฟียมองตามนาถลดากับเควินแล้วก็หันมาถามคาร์ล เฒ่าผู้ทรงอำนาจและบงการทุกอย่างในตระกูล... “ต้องแต่งสิ หลังจากการโอนหุ้น รวมทั้งประชุมผู้บริหารเรียบร้อย งานแต่งงานของทั้งคู่จะจัดขึ้นเล็กๆ ในหมู่ญาติ” คาร์ลเป็นคนไม่ชอบเปิดเผยตัวตนกับสื่อและค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัว หลายๆ คนจึงได้รู้จักแค่ชื่อของเขาและแนวทางในการทำงานหรือบริหารงานอันน่าทึ่งของเขา หลายคนแทบไม่เคยรู้จักเขา ไม่เหมือนนักธุรกิจระดับโลกหลายๆ คนที่ชอบทำตัวเป็นข่าวจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่นั่นไม่ใช่คาร์ลผู้ชอบความสันโดษและเชื่อมั่นในตนเองสูง และผลแห่งความคิดของเขานั้นก็มีผลยังลูกหลานในตระกูลอีกด้วย... การแต่งงานของเควินกับนาถลดาจึงเป็นงานระดับครอบครัวเพียงเท่านั้น “รอส... นายติดต่อพี่สาวทั้งสองคนของเควินหรือยัง... พวกเขาจะต้องมาที่ลอนดอนในวันประชุมผู้ถือหุ้นและผู้บริหารด้วย...” จากที่ตกลงกับเควิน เขากับพี่สาวทั้งสองคนจะได้ทรัพย์สมบัติเท่าๆ กันคือคนละสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกสิบเปอร์เซ็นต์ยังอยู่ในมือของคาร์ลเช่นเดิม หลานสาวทั้งสองก็ไม่ได้สนิทกับคาร์ลพอๆ กับเควิน แต่ก็เป็นทายาทสายตรงเท่าๆ เควิน คาร์ลไม่ได้สนใจหลานสาวเลยในตอนแรกเพราะความเสียใจที่ลูกสาวไปรักและแต่งงานกับคนอื่นจนต้องพลัดพรากทำให้เขาไม่ต้องการหลานสาวมาอยู่ด้วยเพราะคิดว่าสักวันหนึ่งหลานสาวจะต้องแต่งงานออกเรือนไปอยู่กับคนรักอยู่ดี เขาจึงต้องการเพียงแค่เควินเท่านั้นแต่เควินขอพ่วงพี่สาวตบเท้ามารับสืบทอดกิจการด้วยถึงสองคนซึ่ง ณ ตอนนี้คาร์ลก็ไม่มีปัญหาอะไรอีกต่อไป เพราะเขาเพียงแค่ต้องการรู้ว่าสิ่งที่เขาก่อสร้างต่อยอดจากกิจการของบรรพบุรุษมาหลากหลายกิจการจะตกทอดสู่ลูกหลานที่แท้จริงของเขาเร็วที่สุดก่อนที่อะไรๆ มันจะสายไป... “คุณหนูมิเรียมกับคุณหนูมิราจะเดินทางมาที่ลอนดอนก่อนถึงวันประชุมผู้บริหารคลากสันกรุปสองวัน... คุณมิราเธอจะมาพร้อมพันเอกนาคินสามีเธอ ส่วนคุณหนูมิเรียมมาคนเดียว ทั้งหมดยื่นความประสงค์จะอยู่ที่โรงแรมครับ” “อวดดีจริงๆ เลยนะคะหลานสาวคุณตา บ้านนี้ก็ออกใหญ่โต มารับมรดกจากเราแท้ๆ แต่ทำมารังเกียจ” แอลลี่ออกความคิดเห็น คาร์ลและรอสที่คาร์ลนับเป็นหนึ่งในครอบครัวร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันเงียบกริบ ไม่พูดอะไรเพราะต่างรู้ดีว่าหลานทุกคนที่มานั้นไม่ได้เต็มใจและไม่อยากได้อะไรจากเขาสักคน... เพียงแค่พวกหล่อนมาตามที่คาร์ลต้องการก็นับว่าดีแล้ว.... “จริงๆ แล้วน้องชายของพวกเธอทั้งสองก็อยู่นี่.. ห้องหับที่นี่ก็สะดวกสบายเพียงพอ ดีกว่าโรงแรมหรูหลายๆ แห่งด้วยซ้ำไป... คุณรอสลองไปคุยกับเธออีกทีดีไหมคะ” โซเฟียละมือจากการป้อนอาหารลูกชายมาถามรอส... “คุณๆ เขามาพร้อมบอดี้การ์ดอีก เคยบอกว่าไม่สะดวกจะมาพักที่เรา” รอสเองก็เคยบอกสองสาวฝาแฝดเอาไว้แล้วเช่นกัน แต่เคียงเดือนและนับพันดาวไม่ยอมมาพักที่บ้านนี้ อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งพวกหล่อนไม่ได้สนิทกับตาพอที่จะอยู่ร่วมบ้านกันก็เป็นได้... “ช่างเขาเถอะ แค่มาก็พอแล้ว ฉันจะได้ทำอะไร อะไรให้มันเสร็จอย่างที่ต้องการสักที” แอลลี่และโซเฟียมองหน้าคาร์ล แล้วก็ครุ่นคิด เพราะความไม่รู้จึงอยากรู้ว่าอะไรทำให้คาร์ลอยากแบ่งทรัพย์สมบัติให้หลานๆ ยิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเองก็ยังไม่ได้ปลดเกษียณตัวเองออกจากงานเลย สาวๆ บนโต๊ะอาหารได้แต่คาดเดาว่า กิจการของคลากสันกรุปยิ่งใหญ่และขยายออกไปทั่วโลกจนเกินกว่าที่คาร์ลจะควบคุมคนเดียวแล้ว เขาจึงอยากแบ่งงานให้หลานๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม