ตอนที่ 5
ทางด้านพระชายาเอก กำลังนั่งดีดพิณเจ็ดสายอยู่ที่สวน นางมิได้สนใจสามีสักเล็กน้อย ยามเมื่อเขาเดินแล้วยกไหสุรามานั่งข้าง ๆ นาง
“ท่านจะมาหาข้าทำไมกัน มิอยู่ที่จวนของนางเล่า
เพคะ” นางเอ่ยประชดประชันเล็กน้อย ก่อนจะวางมือจากสายของพิณที่ดีดเมื่อครู่ เพียงแค่เห็นสามีมา นางก็อดที่จะรู้สึกน้อยใจไม่ได้
“ข้าอยู่ไม่ได้หรืองั้นข้าไปนะ” องค์ชายสามรู้ว่านางประชดเขาจึงแกล้งตามน้ำอยากรู้ว่านางจะโมโหเขาหรือไม่
“เพคะ เชิญเสด็จ” ดวงตาของคนช่างประชดเริ่มแดงก่ำแล้ว นางเสียใจยิ่งนักที่เขาทิ้งนางแล้วไปอยู่ที่แดนใต้ เพื่อดูแลท่านแม่ทัพ
“นางตั้งครรภ์ลูกของพระองค์ หม่อมฉันไม่ดีเองไม่ตั้งครรภ์สักที” นางไม่รู้ว่าเหตุใดจึงไม่ตั้งครรภ์เสียที แต่งงานกับเขามาก็หลายปี ก็ยังไร้วี่แวว
“เอาละหยุดประชดกันเสียที เข้าตำหนักเถิดเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้” องค์ชายสามระอาใจไม่น้อย บรรดาพระชายาแต่ละคนของเขาก็มักจะมีหน้ากากสวมใส่อยู่เสมอ ไม่มีใครอยู่ด้วยแล้วสบายใจอย่างเช่นหลิวชิง
เพียงแค่นี้เขาก็คิดถึงนางขึ้นมาจับใจ เขาชื่นชอบที่นางห้าวหาญเก่งกล้ามากความสามารถ นำทัพออกศึกมิหวั่นว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะร้ายเพียงใดก็ตาม นางก็เอาชนะมาได้เสมอ
สตรีเช่นนี้สมควรจะเป็นพระชายาของเขา หาใช่พวกสตรีสวมหน้ากากไม่ ยามนี้เขาคิดถึงเพียงใบหน้าที่เฉยชาเย็นชาไร้ความรู้สึกอีกทั้งยังไร้ใจ
“เพคะ หม่อมฉันมิได้ประชด เพียงแค่น้อยใจ หากองค์ชายไม่สบายใจ เช่นนั้น” พระชายาเอกอยากจะบอกให้เขา เข้าไปในตำหนักนางจะบีบนวดปรนนิบัติเขาเอง
แต่ไม่นึกว่านางยังพูดไม่จบเขาก็ตัดบทสนทนา และยังเอ่ยว่าจะไปพบท่านแม่ทัพนั่นอีก
“อืม ข้าไปหาชิงเอ๋อร์ดีกว่า อยู่แล้วก็มีแต่เรื่อง”
..................................................
แคว้นฉู่
พระตำหนักอันกว้างใหญ่ของไท่จื่อ ข้าวของเครื่องใช้นั้นดูหรูหราราคาแพงไม่น้อย ภายในตำหนักของเขานั้นไม่มีไท่จื่อเฟย เพราะตัวเขาเองมิคิดจะแต่งงานอภิเษกกับสตรีนางใด ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ถูกใจ
ยามยกทัพออกศึกนั้นได้พบกับสตรีที่เป็นแม่ทัพ นางมิใช่ฝ่ายศัตรู แต่เป็นมิตรไมตรีกันมาช้านาน บิดาของเขาหรือฮ่องเต้แคว้นฉู่
ดื่มเลือดสาบานเป็นพี่น้องกับฮ่องเต้แคว้นโจว พยานในนั้นคือท่านแม่ทัพหยาง บิดาของหยางหลิวชิง
เขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่านางท้อง เขาจึงให้องครักษ์ไปสืบให้แน่ชัด ว่านางท้องจริงหรือไม่เท็จหรือลวงกันแน่
“รู้หรือไม่ว่าใครเป็นบิดาของเด็กในท้องของนาง” คืนนั้นเขาจำได้ดี
แต่นางหนีเขาออกจากห้องไปโดยไม่ร่ำลา พอรุ่งเช้าเขาจะกลับแล้ว แต่ก็พบว่านางนอนกอดก่ายกับท่านอ๋องโจว ยังมีกุนซือ องค์ชายสาม แล้วรองแม่ทัพ
จะให้เขาคิดอย่างไร พวกนั้นอยู่บนเตียงกับนาง สภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย หากไม่ใช่ว่าทำอะไรกัน เหตุใดเสื้อผ้าของนาง และพวกเขาจึงได้ไม่เรียบร้อยเล่า
เขาคิดว่านางและคนพวกนั้นลักลอบมีความสัมพันธ์แบบไม่ธรรมดา เขารู้สึกเจ็บปวดไปหมด
ไม่คิดว่า เขาจะเป็นชายคนแรกของนาง แต่นางกลับทิ้งขว้างเขาอย่างไม่ไยดีแถมยังไปหาชายอื่นชื่นชมอีก
แม้มิใช่คนเดียวแต่หลายคนนัก เขาจะทำใจได้อย่างไรกัน ถึงจะรู้ว่านางมีนิสัยกอดคอร่ำสุรากับสหายอยู่บ่อยครั้ง มิได้ถือตัวว่าเป็นสตรี
มีความห้าวหาญราวกับบุรุษเพศ แต่เขารับไม่ได้จริง ๆ ที่นางทำให้เขาเหมือนคนด้อยค่า ไร้ตัวตนสำหรับนาง
“ทูลไท่จื่อ นางบอกว่า นางเมาจำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“หึ!!!” เขาหัวเราะอยู่ในลำคอ “นางเมา ใช่นางเมา เมามาก”
จวนตระกูลหยางกำลังครึกครื้นไม่น้อย ความเป็นส่วนตัวนั้นเงียบหายไปหมด เพราะบรรดาเหล่าสี่สหายพากันกอดคอร่ำสุราตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะมืด
คาดว่าหากมืดค่ำแล้วก็คงจะพักที่จวนของนางกระมังคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีคือองค์ชายสาม เขาหนีพระชายามาที่จวนของสตรีที่เขาแอบรัก แอบรักฝ่ายเดียว
ผู้ตามมาอีกคนก็คือ พี่รองหรือท่านอ๋องโจว อีกสองคนนั้นปักหลักอยู่ที่จวนของนางอยู่แล้ว คือท่านรอง และท่านกุนซือ
“เอ้า ดื่ม ดื่ม ไม่เมาไม่เลิก” องค์ชายสามยกจอกสุราขึ้น สีหน้าของเขาแดงก่ำเพราะเริ่มมึนเมา สุราดีย่อมคู่กับสาวงาม
แต่สาวงามดันตั้งท้องมองดูพวกเขาดื่มกินจนนางเผลออยากจะยกขึ้นดื่มสักอึกบ้าง
“ภรรยารัก เจ้าดื่มไม่ได้นะ” ท่านอ๋องรีบห้ามปรามคนท้องทันที แต่ปากเขาช่างหวานนักอีกทั้งสีหน้าและท่าทางนั่นดูเป็นห่วงนางไม่น้อย ช่างเป็นบุรุษที่ละมุนละไมนักอ่อนโยนทีเดียว
หากเขามีภรรยา คงจะรักนางและเอาใจใส่นางไม่น้อยแน่ ๆ หลิวชิงคิดเช่นนี้ แต่ทว่าพี่ชายผู้นี้ยังไม่มีสตรีใดถูกใจ และมักจะอยู่ตัวติดกันกับนางเสมอ
“ข้าเคยพูดกับท่านไปกี่ครั้งแล้วว่า ข้ามิใช่ภรรยาท่าน” แม้ว่าอายุจะห่างกันสองสามปี ท่านอ๋องอายุมากกว่านาง
แต่..นางเติบโตมาพร้อมกับพวกเขา ท่านอ๋องเคยอุ้มนางและแอบหอมแก้มของนางอยู่บ่อยครั้ง ส่วนองค์ชายสามนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
ก็มีทะเลาะกันบ้าง ผู้ที่คอยห้ามปรามจะเป็นพี่ใหญ่หรือก็คือไท่จื่อโจวจิ้นหรง
“ก็เจ้าไม่บอกสามีสักที ใครทำเจ้าท้องกันแน่” ท่านอ๋องแอบอ้างตนเสียแล้ว เมื่อเขามึนเมาก็มักจะพูดจาเพ้อเจ้อเช่นนี้อยู่ร่ำไป อีกทั้งเขายังเป็นพี่ชายที่แสนดีด้วย
ผิดกับองค์ชายสามที่มักจะสร้างเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ก็เหมือนกัน หนีพระชายายามมาที่จวนของนาง
เกรงว่าวันพรุ่งนี้บรรดาพระชายาของเขาคงจะมาฉีกอกนางเป็นแน่ แล้วท้องของนางก็ใหญ่และอึดอัดนัก จะลุกเดินและนั่งก็ลำบากยิ่ง
“ก็ข้าบอกท่านไปแล้วพี่ชาย” หลิวชิงวางจอกสุราลง พลางเปรี้ยวปากไม่น้อย เห็นพวกเขาดื่มกินสรวลเสเฮฮา
คนท้องก็อดที่จะร่วมวงไม่ได้ ด้วยความที่นิสัยมักจะคล้ายกับบุรุษมากกว่าสตรี
“ข้ายังไม่เคยได้ยินจากปากเจ้า หากเจ้าไม่บอกว่าใครข้าจะทึกทักแล้วกันว่าเขาเป็นลูกของข้า” ท่านอ๋องไม่ละความพยายาม น้องสาวตัวน้อยของเขาเติบโตช่างกล้าหาญ