ตอนที่ 2
“ท่านจะพูดว่าท่านเมา แต่ข้า...” เขาจะบอกว่า เขาเองกระมังที่ปีนขึ้นเตียงนอนนางในวันนั้น เขาพอจะจำได้เป็นบางช่วง
“ก็บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่เจ้า เจ้าจะเดือดร้อนทำไมกัน ข้ามิเห็นจะต้องเดือดร้อนโวยวาย เอ่ยขอร้องให้เจ้ารับผิดชอบสักนิด หยุดวุ่นวายเสียที” คนท้องโมโหไม่น้อย ที่ปากก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่ไยไม่เชื่อนางบ้าง แต่ละคนนางก็เอ่ยจนปากจะฉีกถึงรูหูก็มิมีใครเชื่อสักนิด
“หรือว่า เป็นท่านอ๋อง กับองค์ชายสาม” เขายังไม่ลดละความพยายามที่จะอยากรู้ แม้ว่าไอสังหารของนางจะปล่อยออกมาจนเขาแทบจะยืนไม่อยู่ก็ตามที
“ไม่ใช่ ใครทั้งนั้นแหละ” นางเริ่มจะทนไม่ไหว อยากจะซัดเจ้ากุนซือจอมเจ้าเล่ห์นี้เหลือเกิน อีกทั้งยังมีพวกที่ยืนแอบฟังบทสนทนาของนางและกุนซืออีก
คิดหรือว่านางจะไม่รู้เท่าทัน เจ้ากุนซือนี่เป็นหนังหน้าไฟให้พวกเขาชัด ๆ เห็น ๆ ว่านางโปรดปรานกุนซือไม่น้อย ช่างเจ้าเล่ห์กันนัก
“ลูกของข้าใครก็ห้ามมายุ่ง พวกเจ้าไม่ใช่บิดาของเขาก็หยุดวุ่นวายข้าเสียที แล้วที่ยืนแอบฟังอยู่นั่น อยากจะให้ข้าโมโหจนตายหรือไร หากมาวุ่นวายกับข้าอีก จะไม่มีใครเห็นหน้าข้าสักคนเดียว”
ระยะเวลาเดินทางนั้น หลิวชิงทำได้แต่เพียงนั่งอยู่ในรถม้าที่แสนจะอุดอู้ยิ่งนัก นางอยากจะออกไปควบม้าชื่นชมบรรยากาศทิวทัศน์สองข้างทาง อีกทั้งยังอยากจะชมความงามของสตรีอีกด้วย
นางเติบโตท่ามกลางเหล่าบุรุษทั้งหลาย ดังนั้นนิสัยของนางมิได้อ่อนหวานสักนิด ติดแต่จะห้วนห้าวเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งคำพูดของนางก็ช่างไร้เล่ห์มารยาอย่างสตรีในเมืองหลวง
บางครั้งองค์ชายสามกลับคิดว่าหากนางแต่งเป็นหนึ่งในชายาของเขา จวนของเขาคงจะลุกเป็นไฟแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงได้พยายามเอ่ยกับนางว่าให้เรียบร้อยอ่อนหวานเพื่อเป็นสตรีที่ดีของเขา
แต่คำตอบกลับได้แต่เพียง ‘ท่านฝันเฟื่องหรือไม่ ข้าก็บอกกี่ครั้งแล้วว่า มิใช่ท่าน ทำไมไม่เชื่อข้าบ้าง’ องค์ชายสามก็อดจะท้อแท้มิได้ จึงได้ล้มเลิกความหวังที่จะครอบครองนาง
รอเพียงยามนางคลอดเด็กออกมา ยามนั้นจะได้พิสูจน์กันไปเลย ว่าใครกันแน่ที่เป็นบิดาของเจ้าก้อนแป้งกัน
กว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงก็ใช้เวลาล่วงเลยเดือนกว่า เพราะว่าอาการแพ้ท้องของนางนั้นรุนแรงไม่เบา แม้ว่าจะพยายามเพียงใดก็ยังอาเจียนอยู่ทุกครั้ง
เมืองหลวง
ท้องพระโรงที่ใช้สำหรับประชุมบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ วันนี้ท่านแม่ทัพกลับถึงเมืองหลวง นางจึงได้เข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลรายงานต่อฝ่าบาท
เพื่อให้ทราบว่า ยามที่นางอยู่ประจำที่แดนใต้นั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง มิได้เกี่ยวกับท้องของนางที่ใหญ่โตผิดปกติ
เก้าอี้ไม้เนื้อดีมีเบาะรองนั่งทำขึ้นเพื่อให้สตรีเพียงหนึ่งเดียว ในราชสำนักตอนนี้ได้กล่าวรายงาน บรรดาขุนนางที่หัวโบราณคร่ำครึนั่น เอ่ยปากขอให้ฮ่องเต้ทรงปลดท่านแม่ทัพออกจากตำแหน่งเสีย
ปัง!! เสียงพระหัตถ์ของฮ่องเต้ตบลงที่โต๊ะทรงงานอย่างรุนแรง เนื่องด้วยว่าเจ้าของบัลลังก์มังกรนั้นมีโทสะไม่น้อย ที่เห็นเหล่าขุนนางแก่ชราเอ่ยปากต่อว่าสตรีที่เสียสละตนเอง
เพื่อบ้านเมืองให้อยู่อย่างสงบสุข อีกทั้งนางยังเป็นหลานรักของพระองค์อีกด้วย ดังนั้นพระองค์จึงยอมไม่ได้
“หากพวกเจ้าอยากจะปลดท่านแม่ทัพหยางออกจากตำแหน่ง เจิ้นยินดี เพียงแต่ส่งบุตรี และบุตรชายของพวกท่านไปแทนนางก็แล้วกัน
ดูสิว่าจะทำได้อย่างที่ปากพล่อย ๆ ของพวกเจ้าเอ่ยต่อว่านางหรือไม่!!” สุรเสียงที่เคร่งเครียด พร้อมกับดวงพระเนตรนั้นหาได้โอบอ้อมอารีกับบรรดาขุนนางแก่ชราไม่
“กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ท่านแม่ทัพกระทำตัวผิดจารีตประเพณีอันดีงาม หากสตรีเห็นว่านางเป็นตัวอย่าง แล้วเกิดทำตามขึ้นมาจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทหม่อมฉันขอกราบทูลว่าการที่ หม่อมฉันตั้งครรภ์นั้นผิดประการใดเพคะ” นางกราบทูลท่านลุงฮ่องเต้ แต่ทว่าสายตาของนางจดจ้องกับบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ ราวกับจะฉีกร่างพวกนั้นออกเป็นชิ้น ๆ
“เจ้าก้อนแป้งในท้องของข้าก็มิได้เกี่ยวกับบิดาฝ่ายไหน ของพวกท่านไม่ อีกอย่างนี่มันท้องของข้าหาได้หนักหัวใครไม่” น้ำเสียงของนางดูจะไม่พอใจ แต่ทว่าดวงตาของนางยากจะคาดเดานัก
นางอยากจะต่อว่าให้รุนแรงกว่านี้เกรงว่าท่านลุงฮ่องเต้ของนางจะรับไม่ได้ที่นางพูดจาขวานผ่าซากเกรงว่าจะปวดศีรษะกับนาง
จะให้นางพูดจาอ่อนหวานได้อย่างไร ก็นางอยู่ในสนามรบมีแต่บุรุษ อีกทั้งยังมีแต่ความจริงใจ
แต่ขุนนางเหล่านี้กลับพูดด้วยถ้อยคำที่หวานหอมแต่น้ำใจของพวกเขานั้นกลับเชือดอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น
เรียกได้ว่าฆ่ากันทางอ้อมก็ได้หากมีโอกาส ขุนนางพวกนี้ย่อมจะหันดาบใส่กันและกัน เจ้าพวกขุนนางจอมเจ้าเล่ห์เพทุบาย คงจะต้องมีสักวันที่นางจะได้ตัดหัวของพวกมันเป็นแน่
“อีกอย่างท่านขุนนางเกา ข้าก็มิได้ไปเลี้ยงลูกบนหัวบิดาใคร พวกท่านจะยุ่งเรื่องของข้าไปทำไมกัน ลูกก็ลูกของข้า หาใช่ลูกของบิดาพวกท่านไม่” หลิวชิงมิได้แยแสสักนิด
ตำแหน่งของนางก็มีใช่กระจอกให้ใครดูถูกดูแคลนนาง
“สามหาวนัก เจ้า เจ้า นังเด็กเมื่อวานซืนไม่รู้ที่สูงที่ต่ำบังอาจยิ่ง” ขุนนางชราผู้นี้ถูกนางถอนหงอกเข้าให้แล้ว
ใบหน้าชรากลับหน้าแดงหน้าดำไปด้วยความโกรธ ที่ถูกสตรีรุ่นลูกถอนหงอกกลางห้องประชุมเช่นนี้
บางคนก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกุนซือ ท่านรอง รวมถึงท่านอ๋อง และองค์ชาย ต่างพากันกลั้นหัวเราะแทบจะไม่ไหว
พวกเขาก็ถูกนางก่นด่าเช่นนี้ทุกวันที่ไปยุ่งกับท้องของนาง ขุนนางเกาช่างไม่รู้อะไรเสียเลย มีหวังโดนเล่นงานแน่ ๆ ที่กล้าไปยุ่งหลานรักของฮ่องเต้แห่งแคว้น
“บังอาจ!! อยู่ต่อหน้าเจิ้น เจ้ากระทำตัวมิรู้ที่ต่ำ ที่สูงหรืออย่างไร ท่านขุนนางเกา!!” สุรเสียงนั้นดูท่าจะไม่พอใจยิ่งที่เห็นว่าขุนนางผู้นี้มิล้มเลิกต่อว่านางเสียที
“นั่นไง เอาแล้ว” ท่านอ๋องเอ่ยขึ้นกับองค์ชายสาม พวกเขารู้ดี ว่านางสำคัญเช่นไร เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับหลานสาวของบิดาเขา