ตอนที่ 9
แม้ว่าเธอจะอยู่ในห้องนอนที่หรูหรา บนเตียงนอนแสนนุ่ม แต่พลอยนภัสก็ยังคงหลับไม่ลง ทุกครั้งที่หลับตา เธอสามารถรับรู้ได้ถึงปลายนิ้วของปรเมศวร์ที่สัมผัสเข้าตรงหลังมือ สัมผัสที่ทำให้ผิวของเธอยังคงรู้สึกอยู่ แต่มันไม่ใช่สัมผัสของเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่กับเธอ แต่เป็นน้ำเสียงต่ำ ๆ น้ำเสียงที่ยังคงก้องอยู่ในหัวของเธออีกด้วย
ท่ามกลางความมืดภายในห้อง พลอยนภัสรับรู้ได้ถึงเวลาที่ผ่าน รับรู้ได้ว่าทั้งสองยังคงอยู่ร่วมกัน และยังคงรักกันอยู่หลังจากหลับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อตอนเช้ามืด หญิงสาวนั่งตรงขอบเตียงครู่ใหญ่ แล้วพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น เธอกำลังอยู่ในห้องของโรงแรมที่เขาจัดให้
พลอยนภัสเกือบจะคลานกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มเพื่อซ่อนตัว แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงลากตัวเองไปอาบน้ำ เปิดก๊อกน้ำให้แรงที่สุดเมื่อซับผมให้แห้ง เธอก็ปล่อยผมสยายให้เป็นธรรมชาติ วันนี้เป็นวันแรกเธอต้องเริ่มฝึกสอนแล้ว เธอจะต้องเตรียมรีดชุดนักศึกษาที่เตรียมมา
หญิงสาวกำลังสวมรองเท้าคัชชูสีดำ ปรเมศวร์จะมารับไปโรงเรียนที่ฝึกสอนของเธอ ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับที่ทำงานของบริษัทของเขา เขาช่างเลือกและจัดสรรได้จริง ๆ นี่จะไม่ยอมให้เธอได้อยู่นอกสายตาเลยหรือไง ภรรยาก็ยังมีอยู่โทนโท่ เธอคงรับไม่ได้ที่จะต้องไปไหนต่อไหนกับเขาโดยที่ผู้หญิงคนนั้นยังถือทะเบียนสมรสอยู่
“วันนี้คุณปรเมศวร์มีประชุมด่วนเลยให้ผมมารับคุณไปโรงเรียนแทนครับ” ชายคนหนึ่งกล่าวพลางเปิดประตูรถให้เธอ พลอยนภัสไม่แปลกใจที่ปรเมศวร์จะมีประชุมด่วน และเธอก็ไม่แปลกใจด้วยที่ต้องเดินทางไปกับคนขับรถของเขา เขาได้ไลน์บอกเธอแล้วว่าวันนี้ไม่สามารถมารับด้วยตัวเองได้ เธอดีใจที่เขาไม่ต้องมาคอยรับส่งเธอทุกวัน จะให้เป็นหน้าที่ของคนขับรถเลยก็ได้
ถึงกระนั้น หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวังอยู่ลึกๆ ความรู้สึกผิดหวังนั้นทำให้เธอกลัว ความรู้สึกนั้น...หมายความว่าเธอยังคงมีความรู้สึกให้กับเขาเป็นอย่างมาก ความรู้สึกนั้น...หมายถึงเธอยังคงแคร์ต่อความคิดของเขา หญิงสาวกลัวว่ามันจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เธอรับงานนี้ เธอไม่พยายามปฏิเสธที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับปรเมศวร์ เมื่อยังคงมีความหลังของทั้งสองคนอยู่มากมาย ความจริงก็คือ เธออยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่มีการปฏิเสธการรับงานจนถึงบัดนี้ หลังจากที่ปรเมศวร์ได้ช่วยเพชรน้องชายของเธอแล้ว เพชรไม่ต้องติดคุก
การฝึกสอนวันแรกที่โรงเรียนจบลงไป เธอมาสอนหนูหนาในช่วงเย็นอีกสองชั่วโมงที่บ้านขอปรเมศวร์ เธอไม่ใช่คนรักของเขา ไม่มีอะไรที่เท่าเทียมกับเขาแม้แต่น้อย เธอไม่ใช่เพื่อนร่วมงานของเขา เธอเป็นแค่ครูสอนพิเศษตัวเล็กๆที่ปรเมศวร์จ้างมาเพื่อหลานสาว ของเขาเพียงเท่านั้น เธอต้องสำนึกและไม่เผลอคิดไปเป็นอื่น
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจ ตั้งแต่ที่เขาเข้าประตูมาแล้ว เขาไม่ได้มองหรือพยายามมองหาเธอ หญิงสาวรู้สึกคล้ายกับตัวเองเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเท่านนั้น แต่เมื่อเขาหันมาทางประตูกระจก แล้วถอดแว่นกันแดดออก เขาก็ทำให้เธอต้องแปลกใจกับดวงตาที่เป็นประกาย นั่นทำให้หญิงสาวหายใจไม่ออก หัวใจของเธอเหมือนจะเต้นผิดจังหวะ เป็นการผิดจังหวะด้วยอาการเขินอาย นัยน์ตาของเขายังคงเต้นระยับต่อไป ริมฝีปากเผยยิ้มมากขึ้น และใช้สองนิ้วมือกวักเรียกเธอ บอกว่า
“พลอยนภัส มาทางนี้” ถ้าเพียงแต่เขาทำอย่างนี้ในวันที่เธอบอกเลิก ถ้าเพียงแต่เขาจะโทรศัพท์หาเธอหรือมาหาเธอ แล้วขอให้เธอกลับไปทุกอย่างคงไม่ลงเอยแบบนั้น
“ฝึกสอนวันแรกเป็นยังไงบ้าง” เขาถาม ขณะพาเธอเดินขึ้นบันได
“ก็ดีค่ะ” หญิงสาวตอบ เขาเหลือบมอบเธอนิดหนึ่ง จับน้ำเสียงบางอย่างของเธอได้
“วันนี้ยังไม่ต้องสอนหรอก วันนี้ฉันจะพาเธอมารู้จักกับ หนูนาเสียก่อน”
เสียงฝีเท้าดังมาตรงประตูทางเดินทำให้พลอยนภัสชะงักฝีเท้าและหันกลับไปมอง เธอเห็นเด็กสาวในเอี๊ยมลายสก็อตติช เธอเดินลงบันไดพร้อมกับแบกถาดหนักอึ้งในมือ
“มีของสำหรับคุณครูค่ะ” เด็กสาวพยายามพูดภาษาอังกฤษตะกุกตะกัก ขณะที่เธอถือถาดที่ใส่ขนมหลากหลาย พลอยนภัสรู้สึกเหมือนกับความเครียดในตัวคลายไป
“ขอบคุณค่ะ น่ารักจัง” เด็กหญิงผู้นั้นยิ้มอย่างเอียงอาย ขณะที่วางถาดลงบนมุมโต๊ะตัวเตี้ย ข้างโซฟาสีครีมตัวอ้วน มีบางอย่างในตัวเด็กหญิงคนนี้ที่น่ารัก พลอยนภัสเดินไปนั่งที่โซฟา
“หนูชื่ออะไรคะ”
“หนูเด็กหญิงพิมรภัส ชื่อเล่นหนูนาค่ะ” เธอตอบ คุกเข่าลงแล้วยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มอีกครั้ง คราวนี้ อวดลักยิ้มแก้มบุ๋มทั้งสองข้าง พลอยนภัสอดยิ้มตอบไม่ได้
“หนูนา คุณครูชื่อ พลอยนภัสนะ เราชื่อคล้าย ๆ กันเลยน้า..” เด็กสาวพยักหน้าหงึก ๆ
“คุณครูพลอยนภัส” เธอพยักหน้าอีกครั้งอย่างกระตือรือร้น พลอยนภัสนึกขัน
“เรียกว่าครูพลอยก็ได้ค่ะ”
“ค่ะ ครูพลอย ครูพลอยจะมาสอนหนูทุกวันใช่ไหมคะ” เด็กสาวชะโงกหน้ามาข้างหน้าเล็กน้อย
“ถูกต้องแล้วค่ะ เราจะเจอกันทุกเย็นนะคะ”
“เย้!..” เด็กน้อยยิ้มดีใจที่จะได้มีเพื่อนเล่น
หลังจากที่สอนหนูนาเสร็จแล้ว ปรเมศวร์ก็พาไปรู้จักกันคุณแม่ของเขาที่กลับมาจากทำธุระข้างนอกพอดี หลังจากนั้นปรเมศวร์ก็เตรียมจะพาพลอยนภัสไปส่ง แต่คุณหญิงประภาศรีชวนทานข้าวด้วยพลอยนภัสเลยจำเป็นต้องอยู่ต่อ
“หนูนา ออกจะดื้อสักหน่อยนะ หนูพลอย”
“ก็ตามประสาเด็ก ๆ ค่ะ หนูนาแกอยากมีเพื่อนเล่น”
“เธอพักข้างนอกใช่มั้ย” พลอยนภัสหันมองหน้าปรเมศวร์จากนั้นจึงตัดสินใจตอบ
“ค่ะ..คุณท่าน”
“ทำไมไม่พักซะที่นี่เลยล่ะ หนูนาจะได้มีเพื่อน”
“หนูต้องมีฝึกสอนช่วงกลางวันค่ะ เกรงว่าจะไม่สะดวก”
“อ๋อ..ถ้าเสาร์ อาทิตย์ ว่าง ๆ ก็แวะมาได้นะ ฉันอยากให้ยัยหนูนาได้มีเพื่อน”
“ได้ค่ะ ถ้าอาทิตย์ไหนหนูไม่ได้กลับบ้านจะแวะมานะคะ”
“คุณแม่ครับ ถ้ายังไง ผมขอตัวไปส่งพลอยนภัสก่อนนะครับ”
“แล้ววันนี้แกจะกลับมานอนที่บ้านหรือโรงแรมล่ะ”
“นอนโรงแรมครับ ผมเบื่อรถติด ยังไงฝากแม่พาหนูนาเข้านอนด้วยนะครับ”
“คงงั้นแหละยะ” เฮ่อ! คุณหญิงประภาศรีถอนหายใจเพราะรู้ว่าวันนี้ลูกชายคงไม่กลับบ้าน จากหน้าตาที่เคยอมทุกข์ไว้ทุกวัน มาวันนี้คุณหญิงไม่เห็นอีกเลย หวังว่าลูกชายคงจะมีความสุข เพราะเธอเองอยากให้ปรเมศวร์หายโศกเศร้าเสียที เพราะสามปีที่ผ่านมา เธอมัวแต่โทษตัวเองที่ไม่เชื่อลูกชาย เรื่องของนิรนาท
ขับรถมาได้สักพัก ปรเมศวร์ก็เอ่ยขึ้นกับหญิงสาวที่นั่งมาด้วยข้าง ๆ เพื่อทำลายความเงียบ
“หนูนากับเธอเข้ากันได้ดีมั้ย”
“ก็ได้นะคะ หนูนาน่ารักออก ฉันว่าเธออยากได้เพื่อนเล่นมากกว่าคุณครู”
“ถ้าอย่างคุณก็มาเล่นกับหนูนาในวันหยุดสิ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น จริง ๆ แล้ว คุณอยากให้ฉันทำอะไรกันแน่คะคุณเมศวร์ สอนหนังสือหลานคุณหรือเป็นเพื่อนเธอ คอยสังเกตนิสัยของเธอ...อะไรกันแน่?”
เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายด้วยสีเงินสว่าง แต่ถึงกระนั้น ตอนนี้ก็ไม่มีแสงอยู่ในดวงตาคู่นั้น “ทุกอย่างที่คุณพูดมา”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็จะต้องหาพี่เลี้ยง”
“ไม่ เคยมีแล้ว หนูนาไม่ต้องการ...” น้ำเสียงของเขาขาดหายไป พร้อมกับย่นหน้าผาก
“แต่ฉันต้องการเธอ..พลอยนภัส”
เธอไม่แน่ใจว่าเขาหมายความถึงอะไร แต่มีบางอย่างในดวงตาคู่สวย มีบางอย่างที่แสดงออกมานั้นทำให้เธอปวดหัวใจ พลอยนภัสเอื้อมมือออกไปแตะเขาโดยสัญชาตญาณ
หญิงสาวคิดว่านี่คือการสัมผัสที่อบอุ่นและให้ความมั่นใจแบบเพื่อน แต่เมื่อสัมผัสกับแขนเสื้อของชุดหลวม ๆ ที่เขาสวม นิ้วของเธอก็แตะเข้าที่กล้ามของเขา ผิวของชายหนุ่มอบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์ พลอยนภัสตัวสั่น นิ่งงันไปกับความร้อนที่เหมือนกับมีไฟฟ้าวิ่งอยู่ เธอรีบดึงมือออก แล้วกุมมือทั้งสองข้างไว้ที่หน้าอก หญิงสาวนึกไปถึงเปลวไฟ เธอบอกกับตัวเองอย่างนั้น และนึกไปถึงความรู้สึกร้อนแรงที่วิ่งจากปลายแขนไปยังไหล่ถึงหน้าอก แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของปรเมศวร์ เธอก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมา
“ถึงห้องฉันแล้วค่ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“ฉันยังไม่อยากกลับ อย่าเพิ่งไล่สิ”
“จำเรื่องที่เราคุยกันได้หรือเปล่าคะ ฉันเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่เมียของคุณ” ชายหนุ่มสบตาเธอ แล้วยิ้มออกมาช้าๆ หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับถูกยั่วโทสะ เขากำลังเล่นเกม เกมที่เธอไม่เข้าใจ เกมที่เขาเป็นคนสร้างกฎ ส่วนเธอเป็นเพียงผู้ตามเท่านั้น