เจิ้งเหมยดิ้นรนฮัดฮัดในอ้อมกอด จินเฉิงอู่กดคางลงบนไหล่บางจงใจให้เจิ้งเหมยรู้สึกเจ็บ
"อย่าดิ้น"
ยังแกะมือข้างที่กอดออกจากเอวไม่ยอมฟังคำเตือน
"ท่านอ๋อง ปล่อย"
"เจ้า มันก็แค่สาวใช้ เช่นไรกล้าออกคำสั่งกับข้า"
ใบหน้าเศร้าสร้อยกับคำกล่าวนั้น แต่ยังไม่อยู่นิ่ง
ดึงบังเ**ยนให้ม้าหยุดวิ่งปล่อยให้ม้าเหยาะย่างตามใจดึงรั้งเอวบางชิดเอวหนา
"อย่างไร อยู่กับข้าสองต่อสองกล้าดีอย่างไรถึงกล้าไม่ฟังคำสั่ง"
เกยคางลงบนไหล่บางปล่อยให้สันจมูกโด่งเลาะเล็มอยู่ข้างแก้ม
"เจิ้งเหมยเป็นเพียงสาวใช้ท่านอ๋องได้โปรด…."
พูดได้เพียงแค่นั้นจินเฉิงอู่เอี้ยวตัวใช้ปากอุ่นประกบปากบาง บดขยี้อย่างที่ไม่อาจหักห้ามใจมือใหญ่ช้อนรับที่ต้นคอระหงตรึงไว้กับที่ไม่ให้ขยับบรรจงจูบจนหนำใจ จึงปล่อยเจิ้งเหมยเป็นอิสระทั้งที่เสียดายรสจูบหอมหวานนั้นเหลือเกิน แต่เจิ้งเหมยกลับอ่อนระทวยในอ้อมแขน ทั้งเขินอายและตกใจ
"คราวนี้คงอยู่นิ่งได้เสียที"
จินเฉิ้งอู๋ยิ้มอย่างผู้ชนะ สวมกอดแนบแน่นกระตุกบังเ**ยนม้าให้ทะยานไปข้างหน้า
…..บ้านตระกูลเจิ้ง…..
ฮูหยินตะกูลเจิ้ง และเจิ้งหมิงพี่สาวร่วมบิดากับเจิ้งเหมย ออกมารับจินเฉิงอู่หน้าบ้าน แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเจิ้งเหมย อยู่บนหลังม้ากับท่านอ๋องห้า
"ข้าฮูหยินตระกูลเจิ้ง คารวะท่านอ๋องห้า"
ลงจากหลังม้าเจิ้งเหมยก็กำลังจะหย่อนตัวลง จินเฉิงอู่กลับใช้แขนแข็งแรงช้อนอุ้มเจิ้งเหมยไว้ในอ้อมแขน แล้ววางลงข้างๆ
เจิ้งเหมยหลบตาฮูหยินใหญ่ที่มองอย่างไม่พอใจนัก
"ท่านแม่ ไหนท่านพ่อบอกว่านางเป็นเพียงสาวใช้ในจวนอ๋อง"
เจิ้งหมิงกระซิบมารดาเบาๆ ฮูหยินใหญ่ใช้ศอกกระทุ้งที่สีข้างเจ้งหมิงเบาๆ
"ท่านอ๋อง ใต้เท้าเจิ้งหารือกับฝ่าบาทยังไม่กลับจากวังหลวง เชิญท่านอ๋องในห้องรับรอง"
เจิ้งเหมยหยุดนิ่งตั้งใจให้จินเฉิงอู่เข้าไปก่อนแต่จินเฉิงอู่คว้าแขนพาเดินเคียงข้าง
โอบรอบไหล่บางพาไปนั่งในที่สูงสุดเคียงข้างเขา
มีหรือเขาจะไม่เคยรู้เรื่องของนาง ในเมื่อเขาเพิ่งให้คนสืบค้นความเป็นไปของเจิ้งเหมยก่อนเข้าวัง
"ข้าแค่แวะมา พา...เสี่ยวเหมยกลับบ้านสักครั้งตั้งแต่เข้าวัง นางยังไม่เคยกลับมาเยี่ยมตระกูลเจิ้ง"
"ท่านอ๋องช่างใส่ใจ รู้ความต้องการของนาง"
ฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
"ชายาเอกของท่านอ๋องก็เป็นบุตรีของใต้เท้าตู้หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่มีความสำคัญไม่น้อยในการกุมกำลังทหาร แต่เสี่ยวเหมยของเราเพียงแค่ลูกของอนุของท่านเจิ้ง ชึ่งมีหน้าที่ดูแลเพียงงบประมาณในคลังหลวง ท่านอ๋องก็ยังปราณีใส่ใจนางอย่างดีเช่นกัน นับว่าที่ได้ยินเสียงร่ำลือเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเสี่ยวเหมยหากไม่เห็นด้วยตาตัวเองยากจะเชื่อได้ทีเดียว"
จินเฉิงอู่ยิ้มที่มุมปาก
"ตอนนี้นางอาจเป็นเพียงสาวใช้ แต่ต่อไปภายหน้าใครจะหยั่งรู้"
ฮูหยินเหมือนจะยอมจำนน
"เสี่ยวเหมย แม่ใหญ่ให้เจ้าอยู่ที่นั่นคอยปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดี จึงจะถือว่าช่วยเหลือตระกูลเจิ้งได้มากทีเดียว"
แสร้งพูดดีทั้งที่ใจจริงริษยาเจิ้งเหมยไม่น้อยเมื่อเห็นว่าจินเฉิงอู่มีท่าทีรักใคร่ห่วงใยเจิ้งเหมยถึงเพียงนั้น
"เจิ้งเหมยจะจำใส่ใจ ฮูหยินใหญ่อย่าได้กังวล"
กล่าวรับคำพูดในสิ่งที่ฮูหยินใหญ่อยากได้ยิน
ส่งเจิ้งเหมยขึ้นบนหลังม้ากระโดดขึ้นคร่อมกระตุกบังเ**ยนออกมาจากบ้านตระกูลเจิ้ง เมื่อเข้าสู่ชายป่า แทนที่จะเร่งฝีเท้าม้ากลับปล่อยให้ม้าเหยาะย่างไปตามทางอย่างช้าๆ เหมือนจะหยุดเวลาไว้ เจิ้งเหมยขยับตัวออกห่างมือใหญ่กับรั้งเอวกิ่วเข้าหาลำตัว
"เจ้ายังไม่เข็ดหรือว่าติดใจรสจูบกันแน่"ยิ้มยียวน
"ท่านอ๋อง ในเมื่อแสดงละครจบแล้วก็อย่าทำแบบนี้อีกเลย"
เจิ้งเหมยเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นเพียงหนึ่งในแผนการที่มีเจิ้งเหมยอยู่ในแผนการนั้น จินเฉิงอู่อดขำกับความคิดของเจิ้งเหมยไม่ได้
"เจ้าเล่า... รอยยิ้มของเจ้าในวังหลวงในวันนั้นเป็นการแสดงละครหรือไม่ หรือว่าดีใจที่ได้เข้ามาอยู่....ในจวนอ๋อง..มีโอกาสได้ใกล้ชิดข้า อย่างที่เจ้าต้องการแต่แรก"