"ข้าไม่เป็นไรแล้ว เชิญใต้เท้ากลับเถอะ"
ลุกขึ้นตั้งใจจะเดินเข้าห้องแต่กลับกะเผลก คังซื่อฮั่นไม่รีรออุ้มเจิ้งเหมยเข้าห้องไปวางไว้ที่เก้าอี้
"ร่างกายเจ็บปวดกับใช้งานไม่หยุดหย่อน หากเจ้าไม่ฝืนก็ไม่เจ็บ"
"ขอบคุณใต้เท้า เจิ้งเหมยจะจำใส่ใจ"
คำพูดห่างเหินอย่างที่คังซื่อฮั่นไม่อยากได้ยิน
"เจ้าคราวหลังก็อยู่ห่างท่านอ๋องไว้ บางอย่างในใจท่านอ๋องไม่มีผู้ใดล่วงรู้นับว่าเป็นคนผู้หนึ่งที่ไม่เปิดเผยตัวตน"
เสี่ยวป๋อกับคังซื่อฮั่นนั่งอยู่ด้วยกันบนโต๊ะมี ไหสุรา
"นาง มักยุ่งเกี่ยววนเวียนอยู่กับท่านอ๋องแม้จะเรื่องบังเอิญก็เหมือนจงใจอีกทั้งนางยังสาวและสวยจนชายใดที่ประสบพบนางไม่ชายตาเป็นไม่ได้ ใต้เท้าคังคิดหรือไรว่าท่านอ๋องจะ ...เพียงแค่ต้องการนางเป็นแค่สาวใช้ในจวนอย่างที่พูด"
เสี่ยวป๋อหารือกับคังซื่อฮั่น ที่ยกจอกสุรากระดกลงคอถี่ๆ ด้วยความคิดหลากหลาย
"ท่านอ๋อง หลายครั้งที่ปฏิเสธเรื่องชายารองจากฝ่าบาท ครั้งนี้หากยอมเป็นหมากเดินตามทางที่ฝ่าบาทตั้งใจวางไว้ นับว่าแผนหญิงงามที่เคยกล่าวไว้ตั้งแต่โบราณกาลกลับใช้ได้ผล"
"หากคิดในด้านดีฝ่าบาทอาจจะเห็นว่าท่านอ๋องตรากตรำทำงานเพื่อราชสำนักอีกทั้งพระชายายังร่างกายอ่อนแอไร้คนปรนนิบัติผ่อนคลาย"
รู้ดีว่าไม่เป็นเช่นนั้น
"ฮะแฮ่ม…"
จินเฉิงอู่เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เสี่ยวป๋อทำหน้าตาเหลอหลา คังซื่อฮั่นประสานมือคารวะ
"นานแล้วที่ข้าไม่ได้เมามาย"
นั่งลงข้างๆคังซื่อฮั่น เสี่ยวป๋อรินสุราใส่ในจอกให้อย่างรู้ใจ
"เชิญท่านอ๋อง"
ยกจอกสุราส่งให้ คนมาใหม่ยกจอกสุราเทลงคอหายวับไปกับตาแล้วยื่นจอกสุราให้เสี่ยวป๋อรินเติม
"ฝ่าบาท ระแวงว่าข้าจะชิงบัลลังก์ตั้งใจส่งนางสอดแนม หากไม่รับเท่ากับขัดบัญชาอย่างที่เคยบอก แต่เมื่อรับนางมาแล้วจะอยู่ในฐานะอะไรก็คือคนของข้า"
คังซื่อฮั่นสำลักสุราที่กำลังเทลงคอ
เสี่ยวป๋ออมยิ้ม ท่านอ๋องมักเป็นคนปากแข็งเช่นนี้หรือว่าสร้างเกราะขึ้นมาเพื่อให้ผู้อื่นมองตัวเองว่าแข็งแกร่งดุดันทั้งๆ ที่ภายใน ..เหน็บหนาวเดียวดาย…
การร่ำสุรา ในค่ำคืนที่ยาวนานภายใต้แสงจันทร์สุกสว่าง คังซื่อฮั่นฟุบลงกับโต๊ะเสี่ยวป๋อไปต้มน้ำชงชาสร่างเมา
จินเฉิงอู่ลุกขึ้นเดินลัดเลาะไปตามทาง สมองที่ซื่อตรงยามเมามาย สั่งการให้เท้าก้าวเดินไปยังที่พักของเจิ้งเหมย หยุดยืนมองประตูที่ปิดสนิทบางอย่างที่ยังค้างคาใจ กับรอยยิ้มที่เขาเห็นในวันนั้นที่ฝ่าบาทยกนางให้กับเขารอยยิ้มพิสุทธิ์เหมือนกับดีใจผุดขึ้นที่ปากบางสวยสีชมพูระเรื่อนั้น เพียงพริบตาเมื่อเขาเหลือบตามองแล้วมันก็หายไป สื่อความหมายใดกันแน่
ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นบางอย่างบอกเขาว่าเขาคืออ๋องห้า
"ท่านอ๋อง ท่านเมามากแล้วโยวเสวียนพาท่านกลับห้องเอง"
โยวเสียนกอดแขนแน่นดึงจินเฉิงอู่ออกห่างจากตรงนั้น เขาหลับตาส่ายศีรษะไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั้น ยอมเดินตามโยวเสวียนไปโดยดี
เข่าที่ปวดหายเป็นปลิดทิ้ง อาจจะเป็นเพราะคังซื่อฮั่นนวดให้หรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ เจิ้งเหมยกับย่าหนานชวนกันไปตัดดอกไม้ในสวน
ดอกมู่หลานสีชมพูอ่อนงดงามเจิ้งเหมยอดไม่ได้ที่จะดอมดมมันและเผลอยิ้ม ท่านอ๋องยืนเอามือไพล่หลังมองจากระเบียงห้อง เขารีบหันหน้าหนีจากภาพตรงหน้า คังซื่อฮั่นนำบางอย่างมายื่นให้เจิ้งเหมย
"ข้าไปที่ตลาดเห็นว่า...เสี่ยวเหมยไม่ค่อยมีเสื้อผ้าสีสันสดใสจึงไปที่ร้านผ้าในเมือง"
เจิ้งเหมยยิ้ม เป็นยิ้มที่จินเฉิงอู่ไม่อยากเห็น
"ท่านอ๋องใต้เท้าเจิ้งขอพบแม่นางเจิ้งรออยู่ที่ศาลาด้านหน้า"
เสี่ยวป๋อวิ่งมารายงาน
"ตามนาง ...ให้ไปพบใต้เท้าเจิ้งพร้อมกับข้า"
เสี่ยวป๋อเกาหัวแกรกๆ สักพักก็เข้าใจ ท่านอ๋องให้เกียรติใต้เท้าเจิ้งไม่น้อย จึงออกไปพบพร้อมกับพี่สาวเจิ้งเหมย
...ศาลาด้านหน้าจวนอ๋อง...
"เสี่ยวเหมย"
ใต้เท้าเจิ้ง เดินเข้ามาเขย่ามือเจิ้งเหมยเบาๆ
เจิ้งเหมยย่อตัวใต้เท้าเจิ้งจับไหล่ดึงตัวให้ลุกขึ้น
"เจิ้งเหวย คารวะท่านอ๋อง"
เจิ้งเหมยย่อตัวคารวะจินเฉิงอู่เช่นกัน
"เชิญใต้เท้าเจิ้งด้านใน”
ใต้เท้าเจิ้งเดินตามเข้าไปในจวน นั่งลงบนเก้าอี้ต่ำลงมาจากที่จินเฉิงอู่นั่งตามธรรมเนียม
"นางสบายดี ใต้เท้าเจิ้งอย่าได้กังวล"
หันมองเจิ้งเหมยที่ยิ้มบางๆ
"ท่านพ่อเมตตามาเยี่ยมเสี่ยวเหมย เสี่ยวเหมยยินดีไม่น้อย"
ใต้เท้าเจิ้งรู้ดีว่าเจิ้งเหมยมักจะเป็นคนแแบบนี้แม้จะลำบากแค่ไหนหากไม่ถึงที่สุดนางจะไม่มีทางปริปากบอกใคร
"หน้าตาเจ้าแจ่มใสไม่น้อยข้าก็วางใจแล้ว ต่อไปตั้งใจรับใช้ท่านอ๋อง ข้าจะแวะมาเยี่ยมเจ้าบ่อยๆ "
"เกรงว่าจวนของข้า จะไม่อาจตอนรับใต้เท้าเจิ้งได้ดีอย่างที่ต้องการหากครั้งหน้าตั้งใจมาเยี่ยมนางใต้เท้าเจิ้งส่งคนบอกกล่าวข้าล่วงหน้าจะดีไม่น้อย"
"ครั้งนี้ฝ่าบาทประทานลูกสาวข้าเจิ้งเหมยให้ท่าน ข้าเจิ้งเหวยแม้ไม่ดีใจก็ไม่เสียใจ แต่หากท่านอ๋องจะเมตตานางอย่างที่เห็นสมควร ข้าจะถือว่าเป็นบุญคุณหากคราวหน้ามีสิ่งที่ต้องขอร้องพึ่งพิงเจิ้งเหวยไม่ลังเลแน่นอน"
น้ำเสียงเหมือนจะยอมอ่อนข้อให้ด้วยสงสารบุตรสาว
"เมตตา...คำนี้ท่านใช้กับฝ่าบาท เห็นว่าจะเหมาะสมกว่าหากฝ่าบาทเมตตาเห็นว่านางเป็นถึงบุตรสาวของท่านเจิ้ง หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่มิสู้แต่งตั้งนางเป็นสนม ไม่ดีกว่าหรือ"
ใต้เท้าเจิ้งหน้าชา คาดไม่ถึงว่ายอมบากหน้ามาขนาดนี้ยอมลดทิฐิขนาดนี้ แต่อ๋องห้ากับยังไม่ยอมเห็นแก่ความจริงใจ
"ท่านพ่อ เสี่ยวเหมยอยู่ที่นี่ไม่ได้สบายแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร หลายอย่างแม้จะฝืนใจแต่ก็ทนได้ ท่านพ่อเป็นถึงประมุขตระกูลเจิ้ง ฝ่าบาททราบถึงความภักดีของตระกูลเจิ้งเป็นอย่างดี ลูกเกิดมาเป็นของคนตระกูลเจิ้งก็ยังไม่อาจลืมเลือนว่าตัวเองเป็นใคร ยังจะภักดีกับราชสำนักและฮ่องเต้ต่อไปเรื่องไหนที่ทำเพื่อตระกูลเจิ้งตามบัญชาฝ่าบาทได้ย่อมไม่กลัวความลำบาก"
จินเฉิงอู่ยิ้มที่มุมปาก
"บุตรสาวท่านภักดีไม่แปรเปลี่ยนน่าเลื่อมใสเสียจริง แต่เกรงว่าอยู่ในจวนอ๋องเป็นคนของข้า จะพูดหรือคิดเรื่องใดต้องให้ข้าเป็นคนยินยอม"
สะบัดชายเสื้อเดินจากไปด้วยโทสะที่เกือบจะระงับไม่อยู่
เสี่ยวป๋อวิ่งตามไปติดๆ
เมื่ออยู่กันลำพังพ่อลูก
"เจ้าลำบากไหมเสี่ยวเหมย ไม่นานข้าตั้งใจหาคุณชายบ้านไหนที่ดีดีแต่งเจ้าเสียท่านอ๋องคงไม่กล้าขัดหากเป็น การพระราชทานงานแต่ง"
"ท่านพ่ออย่ากังวล เสี่ยวเหมยสบายดี"
"ตั้งแต่เล็กเจ้าก็ยังไม่เคยรู้จักคำว่าสบาย พอเข้าวังกลับต้องมาลำเค็ญอยู่ที่นี่"
"ข้าพอจะคุ้นเคยกับสถานที่และผู้คน และเข้าใจฐานะของตัวเองดี ท่านพ่อไม่ต้องห่วง"
"เช่นนั้นข้าก็วางใจ อ๋องห้านับว่าเป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอ การจะให้เขาวางใจในเจ้าที่เป็นลูกของข้านับว่ายากไม่น้อย นอกจาก...เจ้าจะยอมเอาตัวเองเข้าแลก"
เจิ้งเหมยยิ้มก่อนส่ายหน้าไปมา
"ข้าไม่อยากบีบบังคับเจ้า แต่เมื่อความภักดีของข้าถูกทดสอบ จึงจำเป็นต้องแสดงให้ฝ่าบาทเห็นว่าข้ายังภักดีไม่เปลี่ยนแปร"
จินเฉิงอู่ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรง เสี่ยวป๋อรีบคุกเข่า
"ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ"
"นางจงใจยั่วโทสะข้า"
เสี่ยวป๋อทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"นาง เพียงแค่พูดสิ่งที่นางคิดไว้... ดังๆ "เสียงอ่อยๆ
"ดี ถ้าหากภักดีเพียงนั้น ทำไมไม่ปฏิเสธฝ่าบาทเมื่อฝ่าบาทประทานนางแก่ข้า ในเมื่อเป็นคนของข้า ข้าก็จะทำให้นางรู้ว่าการเป็นคนของอ๋องห้าต้องทำตัวเช่นไร"