เวลาผ่านไปนานราวๆ เกือบหนึ่งชั่วยาม ม่านซือซือก็เริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ของตน รถม้าที่นางนั่งมาจอดนิ่งระหว่างทาง เป็นจุดพักม้าที่เงียบสงบซึ่งเกือบร้าง
รออยู่ไม่นานก็มีสตรีอีกสามนางถูกจับโยนเข้ามาข้างในรถพวกนางต่างมีสีหน้ามึนงง บางคนถูกจับตัวมาจากสกุลใหญ่ เสื้อผ้ากับเครื่องประดับของพวกนางบ่งบอกว่าเป็นลูกของคนมีอันจะกิน
“คนเลว พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้” หลิวฟ่านเอ่ยแล้วก็ร้องห่มร้องไห้ ดูเหมือนเสื้อผ้านางทั้งเปื้อนโคลนและมีบางส่วนฉีกขาด
ม่านซือซือจำนางได้ นางเคยไปซื้อของที่ร้านของอีกฝ่าย ทั้งสมุนไพรหายากรวมถึงผงหอมต่างๆ จึงเอ่ยถามเพื่อให้คลายความสงสัย
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับคุณหนูหลิว!”
เมื่อหลิวฟ่านได้ยินคนเรียกตนจึงหันมาทางม่านซือซือ และเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “เป็นข้าที่ถูกจับตัวมา แล้วเจ้าเล่า...มาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”
“ถูกจับตัว! ใครกันบังอาจถึงขั้นจับตัวลูกสาวเจ้าบ้านหลิว” ม่านซือซือเอ่ยจบจึงสังหรณ์ใจในทางร้ายมากกว่าดี
“ฮึ! เกรงว่าคนที่กระทำเช่นนี้กับข้าคงมีแต่ท่านย่า... นางคงอยากลบชื่อข้าออกจากสกุลหลิว เพื่อข้าจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสมบัติที่จงใจให้ลูกชายคนรองนางเอาไปผลาญเล่น”
ม่านซือซือไม่กระจ่างใจสิ่งใดนัก แต่ข่าวของหลิวฟ่านดังไปทั่วเมืองมิน้อย สกุลนางมีทรัพย์สมบัติมหาศาล และนั่นทำให้หลิวฟ่านมีชื่อเสียงเสียหายอยู่เสมอ นางเป็นหญิงที่รักสนุก นิยมการร้องรำ ชอบจัดงานเลี้ยงที่เรือนของตน มีทั้งชายงามและหญิงงามเข้าออกเรือนตลอด หลายครั้งเรื่องของนางมีคนใส่ไข่เติมสีว่า หลิวฟ่านเป็นหญิงที่ชอบอุ่นเตียงกับทั้งชายและหญิง ซึ่งไม่ใช่คราวละคน แต่นางนิยมเล่นพิเรนทร์ทั้งข้างหน้าข้างหลังและริมฝีปาก แน่นอนว่าเมื่อชอบความสนุกเช่นนี้ นางย่อมไม่อาจใช้บุรุษหรือสตรีเพียงคนเดียวในการระเริงรัก
หลิวฟ่านหรี่ตามองม่านซือซือ ท่าทางนางเหมือนกำลังประเมินว่า อีกฝ่ายถูกจับขึ้นรถม้าคันนี้ได้อย่างไร
“ตัวเจ้าเล่า เหตุใดถึงถูกจับตัวมา” หลิวฟ่านถาม
“ขะ ข้า...มาเอาจดหมายให้ท่านพ่อที่หอดอกเหมย” ม่านซือซือเอ่ยจบ ก็เหมือนพึ่งพบความผิดปกติบางอย่าง ก่อนมองจดหมายในมือตน
“ซือซือ เจ้าคงถูกบิดาหลอกอย่างมิต้องสงสัย ในมือเจ้าคงไม่ใช่จดหมายอันใด แต่เป็นสัญญาขายตัวเสียมากกว่า โถ... เด็กโง่เอ๋ย”
“เอ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านพ่อจะขายข้าให้ใคร!?”
หลิวฟ่านไม่ได้ตอบ และนางปิดปากเงียบคล้ายถูกดึงเข้าสู่เรื่องดำมืด เป็นตอนนั้นที่ม่านซือซือคิดไม่ตก นางทบทวนหลายสิ่งตามลำพัง ก่อนค่อยๆ เปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ข้างใน
สิ่งที่นางรับรู้ด้วยสองตาของตนมันคือความจริงเยี่ยงนั้นรึ สวรรค์ไยเล่นตลกกับนางถึงเพียงนี้
ม่านเจิ้นขายนางให้กับคนอื่น เรื่องบัดซบเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
“ทะ ท่านพ่อ ขายข้าให้กับคฤหาสน์สัตตบงกช!”
ม่านซือซือเอ่ยจบ นางก็เป็นลมหมดสติ
ม่านซือซือสลบไปนานเท่าไหร่นางไม่แน่ใจนัก แต่ที่สะดุ้งตื่นเพราะถูกทาสหญิงตัวอ้วนกำลังป้อนยาเม็ดกลมๆ สีดำเหมือนถ่านเข้าปากนาง ทั้งที่พยายามขัดขืน แต่นางกลับสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว
“กลืนลงไป ไม่อย่างนั้น เจ้าได้ตายคามือข้าแน่”
เสียงนางทาสตวาดใส่และทำตาเหลือกถลน ม่านซือซือจึงพยักหน้ายอมให้นางทาสส่งยาเหม็นๆ เข้าปาก แต่นางเรียนรู้เรื่องสมุนไพรและยามามิน้อย ไฉนจะยอมกลืนมันลงท้องเล่า ม่านซือซือเลยดันยาไปที่กระพุ้งแก้ม พร้อมทำท่ากลืนยาอย่างสมจริง
“อยู่กันให้เงียบๆ อีกไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้ก็ถึงจุดหมาย”
หลิวฟ่านที่ยามนี้มีสีหน้าไม่สู้ดี มองนางทาสและเอ่ยถาม
“นายของเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้ให้พวกข้ากินย***าบออะไรเช่นนี้”
“ข้าไม่รู้ แม่นางทั้งหลายเพียงแค่ทำตัวให้ดี และอย่าตายก่อนถึงคฤหาสน์สัตตบงกชก็พอ อีกอย่าง อย่าถามสิ่งใดให้มากความ นอนพักเก็บแรงเอาไว้เสียเถิด เพราะหลังจากลงรถม้า คุณหนูทั้งหลายคงต้องเสียเหงื่อและส่งเสียงร้องเสียงครางระงมทั้งวันทั้งคืนอย่างแน่นอน”
คำข่มขู่ของนางทาสมาพร้อมสีหน้านางที่ดูโหดเหี้ยม และชวนให้ใจฝ่อเหลือเกิน
ม่านซือซือขยับไปอยู่อีกมุมของรถม้า นางไม่พูดกับใคร และพยายามหาทางคายยาเม็ดลูกกลอน ในยามนั้นทั้งปากรู้สึกขมจัด มีกลิ่นเหม็นเอียนๆ ลอยอบอวล นางจึงตัดสินใจที่จะอาเจียนเพื่อให้ตนไม่ถูกมอมยา
“ขะ ข้าไม่ไหวแล้ว ได้โปรดหยุดรถ!” เสียงของนางเหมือนไม่ได้ลอดออกไปข้างนอก แต่นางไม่ยอมแพ้ นางใช้สองมือเอื้อมไปเปิดผ้าม่านด้านหน้า ตั้งใจบอกคนควบคุมรถม้าที่สวมหน้ากากขาว
“หยุดรถได้หรือไม่พี่ชาย”
เป็นตอนนั้นที่นางต้องเอะใจ ยามนี้คนบังคับรถม้ากลับเป็นผู้ชายร่างผอม และมีอีกคนที่สูงชะลูดหน้าแป้น ทั้งคู่ไม่ได้สวมหน้ากาก และหาใช่ชายผิวขาวดุจหิมะคนเดิมที่นางเห็นครั้งแรก
“อย่าก่อเรื่อง ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้าโยนลงไปข้างล่าง”
เมื่อถูกตวาดใส่ ม่านซือซือจึงกลั้นใจแล้วโก่งคออาเจียนออกมา กองใหญ่ นางถูกสตรีคนอื่นในรถม้าตำหนิอยู่บ้าง แต่ไม่นานทุกคนก็เงียบดังเดิม ด้วยพวกนางต่างคิดไม่ตกว่า ต่อจากนี้ชีวิตต้องพบเรื่องเลวร้ายใดบ้าง
ม่านซือซือกอดตัวเองแน่น พลางคิดถึงเรื่องเมื่อสองคืนก่อน ซึ่งมันอาจเป็นสาเหตุที่ม่านเจิ้นขายนางให้แก่คฤหาสน์สัตตบงกช