กลับมาแล้วครับแม่

1209 คำ
ตอนที่ 2 และดูเหมือนว่าคุณพิณพยายามที่จะตัดขาดจากฝ่ายทางนั้นหากแต่มีบ้างที่ฝ่ายของกัลย์กฤษณ์ลูกชายนั้นต้องแวะเข้าไปและอยู่พักผ่อนอาศัยกับทางฝ่ายบิดานั่นเพราะว่าผู้เป็นย่านั้นท่านรักหลานชายคนนี้อย่างมาก และจวบเวลาผ่านไปจนกระทั่งกัลย์กฤษณ์นั้นเขาได้เรียนในมหาวิทยาลัย ชีวิตของหนุ่มน้อยจึงห่างจากตระกูลของบิดาไปโดยปริยาย ซึ่งเมื่อหลังจากที่ทำภารกิจเสร็จแล้วกัลย์กฤษณ์เขาก็ได้กลับมาทานข้าวตามที่มารดาบอกกล่าวซึ่งนางนั้นได้จัดเตรียมไว้ให้และเมื่อเขาอิ่มจากรสอาหารเช้ามื้อเช้านั้นแล้ว เบื้องนอกที่เห็นคือแสงแดดที่กำลังแผดกล้าจัด ร่างของเขานั้นกำลังจะสาวเท้าตรงไปยังฟาร์มเลี้ยงแกะ และเมื่อพบเจอกับคนงานประจำที่ดายหญ้าหมักปุ๋ยขุดดินในไร่ชายหนุ่มก็ทักทายตามปกติตามประสาคนรู้จักกัน รวมทั้งนาย สัตวแพทย์หนุ่มเพื่อนรักคือจามิกร ที่อยู่ตรงนั้นด้วยซึ่งมาช่วยทำงานให้ที่ไร่แห่งนี้แบบชั่วคราว หลังจากเรียนจบ เป็นเพราะเขาไม่อยากทำงานในที่อื่นห่างไกล ที่นี่ซึ่งถือว่า บ้านของเขาอยู่ไม่ห่างจากไร่แห่งนี้ แค่เพียงการเดินทางไปกลับสี่กิโลกว่าๆเท่านั้นไปกลับสะดวกจามิกรขับรถมาเองส่วนเงินเดือนนั่นตามแต่ตกลงกับนางพิณมารดาของกัลย์กฤษณ์ซึ่งเขาก็ยอมรับในตรงนี้ และถือว่าเป็นการช่วยครอบครัวเพื่อนด้วยมากกว่า อีกอย่างประการแรกเหตุที่เขาเลือกที่นี่ และไม่ยอมจากไกลไปไหน เพราะมีคนรัก ซึ่งอยู่ ในหมู่บ้านเดียวกันด้วยนั่นเอง “เฮ้ กร” กัลย์กฤษณ์หนุ่มร่างสูงทักเพื่อนและส่งรอยยิ้มให้ และฝ่ายของจามิกรหันขวับมามองเพื่อนรักหลังจากที่เขานั้นเพิ่งเสร็จจากการฉีดยาให้ เจ้าลูกแกะไปสามสี่ตัว แต่ครั้นเมื่อเสร็จแล้วนายสัตวแพทย์หนุ่มจึงจัดเก็บเครื่องมือแพทย์เข้าไปเก็บในช่องกระเป๋าหนังตามเดิม และเขาคิดว่าช่วงนี้เกิดโรคระบาดหนักกำลังจะลุกลาม เป็นข่าวคราวจากทางสาธารณะสุข จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกัน เอาไว้ก่อน คิ้วเรียวเข้มดกดำของผู้ร่างสูงกว่าอย่างกัลย์กฤษ์ เขาชักขมวดขึ้นมาอย่างแปลกใจสักหน่อย “นี่มีอะไรหรือเปล่าวะกรดูนายทำหน้าเหมือนจะกังวลตกใจเกี่ยวกับอะไร”กัลย์กฤษณ์ถามเพื่อนรักขึ้นมาเพราะนึกสงสัย “ใช่” เขาก็พยักหน้าให้เพื่อนรักและเอ่ย “เอ้อก็กลัวเรื่องเชื้อแบคทีเรียเชื้อโรคระบาดไงเพราะช่วงนี้อากาศ มันหนาวจัด อีกอย่างฉันเข้าไปสำรวจดูลูกแกะบางตัวแล้ว พบว่าที่กีบเท้าของมันคล้ายกับมีแผลช้ำอักเสบขึ้นมาด้วยมันเกิดจากสารเคมีบางอย่าง..และเมื่อเอาไปพิสูจน์ในกล้องนั่นก็ก็รู้ว่าเป็นปุ๋ยเคมี เพราะมีสารยูเรียปะปนอยู่ด้วย” และฝ่ายของจามิกรนั้นก็หันไปตอบเพื่อนตามความรู้ของสัตวแพทย์ที่ได้รับการเรียนรู้มาเกี่ยวกับการรักษาเชื้อโรคของสัตว์สี่เท้าเมื่อตำราบอกอย่างนั้นเขาจึงเชื่อตำรา “โอยังงั้นหรือมันน่ากลัวมากเลยนะกรกันขอบใจนายมากเพื่อน รีบจัดการเร็วทีเถอะ เพราะฉันไม่อยากให้ลุกลามไปยังคอกอื่น” “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง” เมื่อสัตวแพทย์หนุ่มได้หันมาบอกเพื่อนหลังจากตอบคำถาม เพื่อให้กัลย์กฤษณ์คลายความกังวลใจลงมาหน่อย ต่อมาจากนั้นจามิกรก็เป็นฝ่ายเดินนำหน้าเพื่อนเพื่อตรงไปที่คอกสี่เหลี่ยมเบื้องหน้าซึ่งจะใช้เป็นสถานที่กักกันและขังสัตว์สี่เท้า ขนปุกปุยหนานุ่มเพราะได้เห็นถึงอาการซึมเซื่องเหงาหงอยของมันมาหลายวัน โดยแทบที่จะไม่กินอาหารที่เขาป้อน ซึ่งโดยปกตินั้นเจ้าตัวนี้มักจะร่าเริงและวิ่งเล่นกับเพื่อนๆอย่างคึกคะนอง และจนว่าเขามาทราบสาเหตุในวันหนึ่งเมื่อเห็นมันถ่ายมูลออกมาเป็นของเหลว เมื่อสำรวจดูบาดแผลอีกครั้งรอบๆตัว เลยมาพบที่กีบเท้า เหมือนมันมีอาการเจ็บปวด ก้าวขาไม่ค่อยออก ก็รู้ว่าเป็นสีเขียวจ้ำคล้ายอักเสบ และแผลที่กีบของเท้าอีกข้างก็บวมแดงแสดงว่าต้องบาดเจ็บจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง อาจจะหกล้ม และดังนั้นกัลย์กฤษณ์เองก็ยิ่งให้ความสนใจมากกว่าเดิม และความสูญเสียที่จะตามมามารดาของเขาท่านลงทุนไปมากพอสมควร หากสัตว์เหล่านี้ล้มหายตายจาก ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ ถ้าจะเจ๊งหรือขาดทุน และรู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย แต่เมื่อจามิกร เพื่อนรักนายสัตวแพทย์หนุ่มก้าวไปหาเจ้าแกะน้อยซึ่งมีท่าทางเซื่องซึมลงอย่างมาก ซึ่งมันก็ยอมให้จับแต่โดยดีเลยทีเดียว และก็ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแกะน้อยของเขา ที่ปกติมันไม่ยอมให้จับตัวง่ายๆ มันชอบโลดแล่นกระโดดและวิ่งเร็ว แต่บัดนี้มันเหมือนไร้เรี่ยวแรงจึงขมวดคิ้วเรียว แล้วถามเพื่อนสนิท “เอ้อ กรทำไม ล่ะเจ้าตัวนี้ มันขาถึงได้บวมเบ่งไปอย่างนี้ ดูแล้วมันคงเจ็บมากเลยนะกร ฉันสงสารมัน” “ก็ใช่ มันเจ็บมากขนาดที่เดินไม่ได้เลยล่ะกิ้น” ฝ่ายเพื่อนรักของเขาเลยหันมาตอบ “และนี่กันเลยตัดสินใจว่า ขะต้องกักตัวมันไว้ดูและเป็นกรณีพิเศษด้วย อย่างใกล้ชิด ตรวจดูอาการของมันเอ้อ ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะตอนนี้ กิ้น แต่ฉันก็คิดว่านายเองก็ไม่ควรตกใจมากเกินไปนะกิ้น และฉันคิดว่ามันมีทางแก้แน่นอน แต่หากว่า นี่ถ้าฉันพบเจอมันช้ากว่านี้นี่สิ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันจะอยู่รอดหรือเปล่า” และสัตวแพทย์หนุ่มผู้มีใจเมตตาและสงสารสัตว์ตอบเพื่อนรัก และฝ่ายของ กัลย์กฤษณ์เขายิ้มให้ เมื่อได้รับคำตอบอย่างแข็งขัน และความมั่นใจจากเพื่อนรัก แล้วเขาจึงบอกเพื่อน “อือม ขอบใจนายมากนะเพื่อน ที่ช่วยระวังระไวให้ฉันเป็นอย่างมาก อย่างนี้ ก็ถือว่า ฉันเลือกคนไม่ผิดเลยนะ ที่ได้ให้นายมาช่วยเหลืองานในฟาร์มของฉัน” “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกน่า กันเอง ฉันเพื่อนนายนะ แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของฉันด้วย” สัตวแพทย์หนุ่มตอบอย่างเข้าใจเพื่อนรักดีถึงแม้ว่าเงินเดือนที่เขาได้รับจากไร่อัมพุนาวินก็ไม่ได้มากมายนักหรอกก็ถือเสียว่าช่วยเหลือเพื่อนฝูงนั่นเอง แต่งานพิเศษของจามิกรก็ยังมีอยู่ทั่ว เพราะละแวกนี้มีแต่เขตไร่ฟาร์มล้วน และพวกเขาก็ต้องการหมอสัตว์ที่มีฝีมือและเชี่ยวชาญในการตรวจรักษาโดยเฉพาะ เป็นแบบหมอสัตว์ฟรีแลนซ์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม