“เฮ้ย มึงไม่เคยบอกเลยนะว่ามีพี่ชาย และเป็นแฝดคนละแม่คืออะไรวะ” ทำไมเรื่องราวมันดูซับซ้อนแบบนี้ แล้วเรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมมันไม่เคยบอกฉัน
“ไอ้โทกับกูหน้าตาเหมือนกันมาก ทั้งที่คนละแม่ ต่างกันตรงมันสูงกว่ากูสี่เซนฯ คนที่เห็นกูกับมัน คิดว่าเป็นฝาแฝด เพราะเราสองคนหน้าเหมือนพ่อด้วยกันทั้งคู่ และที่กูไม่เคยบอกมึง เพราะตอนนั้นกูเกลียดมันมาก ไม่เคยคิดว่ามันเป็นพี่ มันชอบแกล้งกูจนเกือบตายมาแล้ว”
“เกือบตายเลยเหรอวะ”
“มันเคยผลักกูตกสระว่ายน้ำในบ้านน่ะ”
“เฮ้ยที่มึงไม่กล้าฝึกว่ายน้ำตอนนั้น เพราะพี่มึงหรอกเหรอ ที่มึงเคยบอกว่ามีญาติแกล้งผลักลงสระน่ะ”
“อือ...” มันพยักหน้ารับ
“นิสัยมันแย่จริงๆ แกล้งน้องได้ขนาดนั้น แล้วทำไมมันถึงตายล่ะ ไม่ใช่มึงฆ่ามันนะ” ท้ายประโยคฉันแกล้งแหย่ แต่เห็นสีหน้าเศร้าๆ ของมัน ฉันก็รีบขอโทษ
“ขอโทษมึง กูล้อเล่น”
“ที่มันชอบแกล้งกูเพราะว่าหลังจากแม่มันตาย พ่อก็พากูกับแม่เข้าบ้าน และก่อนแม่จะเข้าบ้าน แม่กูเคยเป็นเมียน้อยพ่อมาก่อน”
นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่ไอ้ตรีไม่ค่อยอยากพูดเรื่องพ่อหรือครอบครัวของตนเองให้ใครฟัง รวมทั้งฉันด้วย
“ไอ้โท มันตายเพราะเกิดอุบัติเหตุรถชนเมื่อห้าปีก่อน”
“เฮ้ย น่าสงสารเหมือนกันนะ”
“ใช่ มันน่าสงสารมาก”
ไอ้ตรีพูดพร้อมกับทำตาแดง เหมือนกำลังจะปล่อยโฮ ฉันเลยเข้าไปกอดมัน
“ขอโทษว่ะ กูไม่น่าถามมึงเลย และกูเข้าใจแล้วว่าทำไมมึงถึงไม่เคยพูดถึงพี่มึงเลย แต่ที่ไอ้หมอนั่นพูดเรื่องลอนดอนคือยังไง”
“ตอนที่กูกับแม่กลับมาที่กรุงเทพฯ กูเรียนมอสี่แค่เทอมเดียว พ่อก็ส่งกูไปเรียนที่ลอนดอนกับไอ้โท แต่พอไอ้โทเสีย กูก็กลับมา แต่อย่างที่รู้นั่นแหละ กูไม่ได้กลับไปอยู่บ้าน เพราะที่นั่นกูก็ไม่มีแม่แล้ว และพ่อกูก็...ไม่ได้อยากให้กูอยู่ที่นั่นด้วย”
“โห พ่อมึงใจร้ายมากนะ รับลูกคนอื่นมาเป็นลูกบุญธรรมได้ แต่ไล่ลูกตัวเองออกจากบ้าน”
“กูเป็นลูกที่ไม่ดีเองแหละ”
“โห ไอ้เวรนั่นดีตายล่ะ กูล่ะงงพ่อมึงจริงๆ รับคนแบบนั้นเป็นลูกบุญธรรมได้ยังไง สักวันมันจะก่อเรื่องให้เดือดร้อน นิสัยเสียแบบนั้น แล้วตอนที่มันพูดถึงพี่มึงว่าลงนรกไปแล้ว คือมันพูดออกมาได้ไงวะ”
“มันเกลียดไอ้โท เพราะตอนมันมาอยู่บ้านแรกๆ โดนไอ้โทเล่นงานซะอ่วม”
“ไอ้พี่มึงคนนี้ก็นะ ชอบแกล้งคนจังเลย”
“ก็ไอ้แทนไทปากหมาใส่มันก่อน และไอ้โทมันเป็นไม่ยอมคนด้วยไง”
“ดูท่าว่ามึงจะเลิกเกลียดพี่มึงแล้วนะ”
“เลิกเกลียดตั้งแต่ตอนไปอยู่ลอนดอนด้วยกันแล้ว พอไปอยู่ด้วยกันก็เข้าใจกันมากขึ้น แถมเรายังรบรากับไอ้แทนไทอีก ยิ่งต้องสามัคคีกัน แต่สุดท้ายมันก็ทิ้งกูไป”
น้ำเสียงเศร้าๆ ของมัน ทำให้ฉันไม่อยากถามอะไรเกี่ยวกับพี่มันแล้ว แต่ก็ยังมีอีกเรื่อง
“แล้วที่ไอ้ปากหมานั่นพูดเรื่องที่มึงมาที่นี่ เพื่อระลึกความหลัง คืออะไรเหรอ”
“ครอบครัวเรามีบ้านพักที่นี่ ตอนเด็กๆ ก็มาอยู่ทุกครั้งช่วงปิดเทอม”
“งั้นที่มึงเลือกบ้านพักที่นี่ เพราะคิดถึงสมัยเด็กๆ และบ้านของครอบครัวใช่มั้ย”
“อือ...”
“มึงน่าสงสารจังเลยว่ะตรี กูเดาว่าครอบครัวมึงคงมีฐานะ เพราะมึงกับพี่มึงเรียนเมืองนอก มีบ้านพักที่หัวหินอีก แล้วมึงตอนนี้สิ ต้องร้องเพลงหาเลี้ยงตัวเองจนเรียนจบ พ่อมึงใจร้ายจังวะ”
“มึงก็รู้ว่ากูก็มีความสุขดีนะ แม้จะไม่ได้มีชีวิตสุขสบายเหมือนอยู่บ้าน แต่มีอิสระดี กูชอบนะ โดยเฉพาะที่ได้อยู่กับมึงและเพื่อนๆ”
“จ้า พ่อคุณหนูตกยาก แต่ตอนยังเด็ก มึงก็ไม่เคยบอกกูเลยนะว่าบ้านมึงรวย”
“ตอนนั้นพ่อแม่กูเลิกกัน แม่ก็ไม่อยากให้กูพูดเรื่องพ่อ และตอนนั้นกูกับแม่ก็ไม่ได้รวยไง”
“ตอนมึงไปเรียนลอนดอนก็ไม่ได้บอกนะ”
“ก็...นั่นแหละ ตอนนั้นมึงกับกูก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ ตอนนั้นมึงมีแฟนด้วยนี่ ใช่มั้ย มึงเองก็ไม่ได้สนใจกูเท่าไหร่”
“เออ ก็ตอนนั้นเพิ่งเคยมีแฟนก็เลยเห่อหน่อย มึงคงไม่น้อยใจหรอกใช่มั้ย”
“นิดหน่อย แต่ตอนนั้นชีวิตกูก็ยุ่งๆ กับการปรับตัวทั้งที่โรงเรียนและปรับตัวเพื่อจะอยู่กับไอ้โทแบบสงบสุข แถมต้องรับมือกับการหาเรื่องของไอ้แทนไท ซึ่งมันก็ดันเรียนที่นั่นเหมือนกัน ดีที่มีไอ้โทคอยจัดการมัน”
“ฟังมึงพูดแล้ว ไอ้พี่มึงคนนี้เอาเรื่องเหมือนกันเนาะ เสียดายกูไม่ทันได้รู้จัก ก็ไปซะแล้ว หวังว่าคงไม่ลงนรกเหมือนไอ้ปากหมามันพูดนะ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ที่กูรู้แน่ๆ ไอ้แทนไทน่ะ ตายไปมันได้ลงนรกแน่!”
ประโยคสุดท้ายของไอ้ตรีทำฉันขนลุก เพราะน้ำเสียงเย็นยะเยือกของมัน
พอฉันมองมันอึ้งๆ มันก็หัวเราะ
“ก็นิสัยแม่งเหี้ยแบบนั้น มึงคิดว่ามันจะได้ขึ้นสวรรค์เหรอ”
“เออ ก็จริงของมึง ขนาดกูเจอมันครั้งแรก มันยังเหี้ยใส่ขนาดนี้ บอกตรง ถ้ากูเป็นมึง กูคงฆ่ามันไปแล้วแหละ ไหนจะมาแย่งพ่อ แล้วไหนจะมาเยาะเย้ยถากถาง แฉ่งพี่มึงลงนรกอีก ปากแบบนี้อยู่ไปก็รกโลกว่ะ”
“มันแค่ปากหมา มึงจะฆ่ามันเลยเหรอ”
“ใช่ จะเก็บไว้ทำไม” ฉันพูดแบบคะนองปากมากกว่าจริงจัง เพราะใครจะไปฆ่าคนอื่นให้ติดคุกทำไม
“มึงก็พูดไปเรื่อย”
“เออ มึงมีรูปพี่มึงมั้ย กูอยากเห็นหน้า”
“มี...” จากนั้นมันก็หยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง คลิกๆ อยู่หลายนาที เหมือนว่าซ่อนภาพนั้นไว้จุดที่หายากที่สุด ก่อนจะชูหน้าจอให้ฉันดู เป็นภาพคู่ของไอ้ตรีกับ...ผู้ชายที่หน้าเหมือนกันยังกะฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน ในภาพทั้งคู่ถ่ายที่สนามฟุตบอลสักแห่งในอังกฤษ คงไปดูแมตซ์สำคัญด้วยกัน
“เฮ้ย หน้าเหมือนกันเป๊ะเลย แต่พี่มึงสูงกว่าหน่อย ดูๆ ไปพี่มึงดูมีเสน่ห์กว่ามึงนะ”
“เป็นไปได้ไงก็หน้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” มันแย้ง
“หน้าเหมือนกันก็จริง แต่มันก็แตกต่างกันอยู่นะ นี่ไงแววตาพี่มึงอะ มันดูมีพลัง ลึกลับน่าค้นหา และดูเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง” พูดจบฉันก็มองหน้ามัน คิดว่ามันจะเคืองที่ฉันชมพี่มันว่ามีเสน่ห์มากกว่า แต่มันกลับยิ้มปลื้มปริ่ม
ดูท่าไอ้ตรีจะรักพี่มันจริงๆ
“เออ มึงนี่ตาแหลมจริงๆ ใช่แล้วไอ้โทมันมีเสน่ห์กว่ากู อยู่ที่ไหนก็ฮอตตลอด สาวๆ ตรึม แถมมันก็ฉลาดเรียนเก่งมาก มันเรียนจบปริญญาตรีตอนอายุยี่สิบ เพราะมันสอบเทียบมอปลายตอนอายุสิบหก”
“ว้าว พูดแบบนี้ ยิ่งแบบ เสียดายไม่น่าจากไปเร็วเลย ตกลงมันขับรถชนกับอะไร”
“ต้นไม้ข้างทางตอนไปเที่ยวด้วยกันที่เมืองลิเวอร์พูล...”
“เฮ้ย มึงอยู่ในรถด้วยเหรอ”
“ใช่...แต่กูรอด” น้ำเสียงตอบเศร้าๆ ของมัน ทำให้ฉันไม่กล้าถามต่อ เพราะสุดท้ายแล้ว มันคือคนที่รอด ขณะที่พี่ของมันตาย
“โอเคๆ เราจะไม่คุยกันเรื่องอีกแล้ว ไปเล่นน้ำทะเลกันเหอะ ป่านนี้ไอ้พวกนั้นรอเราอยู่นะ”
“อือ”
“ว่าแต่พี่มึงตอนเสีย เขาอายุเท่าไหร่แล้วเหรอ”
“ยี่สิบ เพิ่งเรียนจบ”
“ว้าว น่าเสียดาย” ฉันพึมพำด้วยความรู้สึกแสนเสียดายจริงๆ ทั้งหล่อ เก่ง ฉลาด แววตาลึกลับแต่ก็แฝงด้วยความร้ายกาจบางอย่างที่น่าเร้าใจ จู่ๆ ฉันก็มาเสียดายคนที่ตายไปแล้วซะงั้น คงเพราะหน้าพี่มันเหมือนแฝดไอ้ตรีมากเกินไปละมั้ง
เมื่อลงไปสมทบกับเพื่อนๆ ฉันกับไอ้ตรีก็สนุก เฮฮากันเหมือนเดิม เหมือนคนที่ไม่ได้เพิ่งคุยเรื่องเครียดๆ กันมา
“ไอ้ตรี มึงจะว่ายไปกลางทะเลเลยหรือไงวะ”
ฉันถามขณะที่เราลอยคอห่างจากฝั่งและเพื่อนๆ พอสมควร
“มึงกล้าไปกับกูมั้ยล่ะ”
“โอ๊ยไม่ไหว แค่นี้กูก็หอบแล้วเนี่ย ไม่ได้ว่ายน้ำเก่งเหมือนมึง” ทั้งที่ฉันเป็นคนสอนมันว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก แต่ไม่คิดว่าพอโตขึ้นมันจะมาว่ายน้ำเก่งกว่าฉัน
มันทั้งว่ายเร็วและนาน แล้วไหนจะว่ายเป็นหลายท่าอีก ท่าทางการว่ายของมันเหมือนคนที่ได้รับการเรียนว่ายน้ำมาอย่างถูกต้อง จังหวะการเงยหน้าขึ้นหายใจ จังหวะมือที่จ้วงน้ำ ท่ามันสวย ไม่เหมือนฉันว่ายท่าฟรีสไตล์แบบมั่วๆ ตามประสาคนที่ว่ายน้ำเป็นด้วยตัวเองจากในคลองบ้านเกิด
แต่เอ...ฉันจำได้ เมื่อก่อนตอนที่มันยังไม่ได้ย้ายกลับกรุงเทพฯ มันก็ไม่ได้ท่าสวยแบบนี้
ทำไมฉันเพิ่งคิดขึ้นได้
“เมื่อก่อนมึงไม่ได้ว่ายน้ำเก่งแบบนี้นะ แล้วท่าทางการว่ายของมึงก็สวยกว่าเมื่อก่อน”
“อ๋อ ตอนกลับมากรุงเทพฯ กูเรียนว่ายน้ำอย่างจริงจัง แต่ครูโหดมาก ให้ว่ายทุกวันหลังเลิกเรียน วันละสี่ชั่วโมง”
“โห จริงอะ”
“จริงสิ ไม่งั้นกูจะหุ่นดีแบบนี้เหรอ”
“มึงก็นะ หลงตัวเองไปอีก” ฉันตีบ่ามันแรงๆ อย่างหมั่นไส้ แต่มันกลับดึงตัวฉันไปชิดร่างของมัน ชิดเสียจน...ใจสั่นไปหมดแล้ว
“อยากให้มึงหลงด้วยนะ”
“ไอ้ตรี อีกแล้วนะ มึงอย่าทำแบบนี้สิ อ๊ะ” จบประโยคฉันก็ครางเบาๆ เพราะมือของมันที่พยุงฉันอยู่ สอดเข้ามาในชายเสื้อยืดที่เวลาลอยคอในน้ำแบบนี้ มันก็รั้งขึ้นสูง กระทั่งมือใหญ่นั้นไล้วนอยู่บนทรวงอก แม้จะมีชุดว่ายน้ำแบบทูพีชที่ซ่อนอยู่ข้างในอย่างมิดชิด แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงแรงสัมผัสจนใจสะท้าน วาบหวิวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่คิดจริงๆ ว่าตัวเองจะไวต่อสัมผัสของมันเร็วขนาดนี้
“มึงชอบให้กูทำแบบนี้ ทำไมต้องปฏิเสธ” มันพูด ตอนนี้ก็บีบเค้น และปัดป่ายไปทั่วทรวงอก ฉันสั่นสะท้านกว่าเดิม
“ตรี ขอร้องอย่าทำ ไม่ยังงั้นกูจะเป็นคนเหี้ยๆ คนหนึ่งที่นอกกายแฟนจริงๆ เพราะตอนนี้กูไม่ได้ถูกยาปลุกเซ็กซ์ที่ไหน ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ”
“กูหยุดก็ได้ แต่คิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกเหรอระหว่างเรา มึงควรบอกเลิกน้องริน ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ฉันนิ่งกับคำพูดของมัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่คิด แต่ยอมรับว่าลังเล และยังอยากจะลองนอนกับน้องรินอีกครั้ง เพราะฉันไม่อยากให้เรื่องราวของตัวเองกับไอ้ตรีไปไกลกว่านี้
“ถึงกูจะบอกเลิกน้องริน มึงกับกูก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
“เพื่อนที่สามารถนอนกันได้” มันต่อคำของฉันหน้าตาเฉย
“มึงเห็นกูเป็นที่ระบายเซ็กซ์ของมึง ไม่ต่างจากกิ๊กของมึงใช่มั้ย”
“การที่ได้นอนกับคนที่ผูกพัน มันต่างมาก กูไม่รู้จะอธิบายยังไงให้มึงเข้าใจความรู้สึก ที่แน่ๆ มึงเองก็ไม่ได้รังเกียจกูไม่ใช่เหรอ”
""""""""""""""""""