รู้จักผมด้วยแฮะ แต่... หมอนี่เป็นใครวะ?

1177 คำ
เสียงดังกุกกักปลุกให้ผมต้องลืมตาตื่นหลังจากได้ยินเสียงนั้นดังอยู่พักใหญ่แล้ว หากทว่าพอเผยอเปลือกตาขึ้นเท่านั้น แสงสว่างจากด้านนอกก็พุ่งปะทะม่านตาผมทันที ทำให้ต้องหลับตาลงไปอีกครั้ง พร้อมกับความมึนงงที่ประเดประดังเข้ามาอีกระลอกใหญ่ ไม่ใช่แค่ความมึนงงอย่างเดียว แต่มีความพะอืดพะอมด้วย อา... เมื่อคืนนี้ผมคงจะเมามากเลยล่ะสินะ เมามากหรือไม่มากก็ไม่รู้ล่ะ ที่รู้ๆ คือภาพตัด ในภาษาบ้านๆ หมายความว่าเมาแรงมาก เสร็จปุ๊บทุกอย่างก็ดับวูบ จำไม่ได้แม้แต่ภาพสุดท้ายที่เห็นด้วยซ้ำ ที่รู้อย่างเดียวก็คือ ตอนนี้ผมทั้งปวดหัว ทั้งปวดตัว ปวดจนแทบจะขยับตัวไม่ไหว อยากจะนอนต่อเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ได้นอนเพราะเสียงกุกกักยังคงดังมาให้ผมได้ยินเรื่อยๆ จนผมชักจะรำคาญขึ้นมาตงิดๆ ตัดสินใจปรือตาขึ้นมอง เท่านั้นร่างของผู้ชายคนหนึ่งสวมกางเกงบ็อกเซอร์นั่งยองๆ อยู่บนพื้นข้างเตียงก็ปรากฏเข้าสู่สายตา พอม่านตาปรับให้คุ้นชินกับแสงได้ ผมก็เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน พร้อมกับคำถามที่พร่างพรายขึ้นมาในหัวเช่นกัน หมอนั่นเป็นใครวะ? ใครก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือหมอนั่นนั่งต้มมาม่าด้วยหม้อหุงข้าวของผมอยู่ ผมเลยดันตัวขึ้นนั่ง ส่งเสียงร้องทักไป “เฮ้ย” คนถูกทักหันมาทันที ก่อนจะยิ้มให้ผม “ไง ตื่นแล้วเหรอเหนือ” รู้จักผมด้วยแฮะ แต่... หมอนี่เป็นใครวะ? ไม่รู้จักจริงๆ ไม่ได้แกล้ง ไม่คุ้นหน้าเลยด้วยซ้ำ ผมเลยต้องถามออกไป “นายเป็นใครน่ะ” “เอ้า จำฉันไม่ได้เหรอ เต้ไง” “เต้ไหน” “เต้ที่เรียน ม.ใกล้ๆ ม.นายอะ เราเจอกันที่ผับเมื่อคืน จำไม่ได้เหรอ” โอเค ตอนนี้ผมพอจะจับทางได้ละว่าหมอนี่มาอยู่ในห้องผมได้ยังไง คงจะเป็นผู้ชายที่ผมพากลับมาที่ห้องด้วยตอนเมาปลิ้นไร้สติแน่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับผมบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะไปกับเพื่อนหรือไปคนเดียว ผมก็จะพาคนที่ถูกใจในผับกลับมามีอะไรที่ห้องด้วยเสมอ เมื่อคืนก็คงจะเช่นกัน แต่เมื่อคืนนี้คงจะเมาจัดถึงขนาดจำไม่ได้สักนิดเลยว่าเจอหมอนี่ตอนไหน ช่างมันเถอะ ไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้ว ผมทิ้งตัวนอนลงอีกครั้ง ก่อนความปวดเมื่อยจะปะทะเข้ามาอย่างจัง โดยเฉพาะบริเวณสะโพกและช่วงล่าง ผมเลยต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง “เมื่อคืนนี้ฉันรุกหรือฉันรับ” ที่ถามแบบนี้ก็เพราะผมเป็นเกย์โบทน่ะ เกย์โบทที่หมายถึงเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับนะถ้าไม่เข้าใจ “รับ นายบอกว่านายอยากรับ ก็นายบอกเองนี่ว่านายเป็นเกย์โบทที่ชอบรับมากกว่าน่ะ” หมอนั่นตอบขณะเทมาม่าที่ต้มเสร็จแล้วลงถ้วย ก่อนจะยกไปนั่งกินที่โต๊ะอ่านหนังสือของผมราวกับเป็นห้องของตัวเอง ผมก็ไม่สนใจนักหรอก หงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยตรงที่หมอนั่นทำรุนแรงกับผมเกินไปจนบั้นเอวปวดไปหมด แต่ก็เก็บอารมณ์เพราะผมคงจะเป็นฝ่ายเสนอเองจริงๆ หมอนั่นเลยทำถึงขนาดนี้ “กินเสร็จแล้วก็กลับไปซะนะ ฉันจะได้พัก” “อืม” คนที่ชื่อเต้ขานรับโดยไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ เอาแต่โซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปาก ผมเองก็ไม่สนใจ ยกแขนขึ้นพาดดวงตา กะว่าจะหลับอีกรอบเพราะมึนหัวเหลือเกิน เกลียดอาการแบบนี้หลังเมาปลิ้นชะมัด ถึงจะรู้สาเหตุและพยายามจะไม่เมาเป็นบ้าเป็นหลัง แต่พอหลังสอบเสร็จทีไร ก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยผีทุกที เมื่อคืนก็เช่นกัน พอสอบปลายภาคเทอมหนึ่งของชั้นปีสี่ตัวสุดท้ายเสร็จปุ๊บ ผมก็พุ่งไปผับปั๊บโดยไม่รอถามเพื่อนสนิทอย่างยีนส์และกั้งเลยแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าสองคนนั้นไม่ได้ไปด้วย ถ้าเกิดพวกมันไปด้วย ผมจะได้พาผู้ชายแปลกหน้ากลับมาที่ห้องอย่างนี้เหรอ อันที่จริงก็ได้แหละ แค่ไม่ง่ายอย่างนี้ก็เท่านั้น ว่าแต่พูดถึงยีนส์กับกั้งแล้ว... เหมือนเมื่อวานพวกมันจะบอกว่าวันนี้เป็นวันให้ไปเลือกที่ฝึกงานสำหรับวิชาฝึกปฏิบัติที่ต้องเรียนเทอมหน้านี่นา อาจารย์นัดห้าโมงเช้ามั้งถ้าจำไม่ผิด “เต้ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” คิดได้ ผมก็ร้องถามใครอีกคนทันทีโดยที่ยังคงนอนอยู่ท่าเดิม ก่อนที่เสียงทุ้มจะดังกลับมา “สี่โมง” สี่โมงเช้าสินะ ยังมีเวลานอนต่ออีกหน่อย งั้นเข้าไปสายหน่อยแล้วกัน “สี่โมงครึ่งแล้วปลุกฉันด้วยนะ ฉันจะงีบสักหน่อย” พอผมสั่ง เสียงตะเกียบกระแทกบนถ้วยเซรามิกเบาๆ ก็ดังขึ้นทันที ก่อนตามมาด้วยเสียงของเต้อีกครั้ง “ยังจะนอนต่ออีกเหรอเหนือ นายนอนมาเป็นสิบชั่วโมงแล้วนะ ตื่นได้แล้วมั้ง กินข้าวกินปลาได้แล้ว เย็นแล้ว” เดี๋ยว! เย็นแล้ว? หมายความว่าไง!? ผมเด้งตัวผลุงขึ้นมาเลย มองหน้าเต้อย่างไม่เข้าใจด้วย ก่อนที่เต้ซึ่งกำลังมองหน้าผมอยู่เช่นกันจะคว้าโทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาชูหราให้ผมดู “สี่โมงเย็น ไม่ใช่สี่โมงเช้า อย่าเข้าใจผิด” ฉะ...ฉิบหาย! นี่กูนอนหรือตายวะเนี่ย! อะไรก็ไม่รู้ล่ะ ผมได้ยินอย่างนั้นก็รีบคว้าโทรศัพท์โทรหาไอ้เพื่อนเวรสองคนนั่นทันที กะจะด่ามันโทษฐานที่ไม่โทรมาปลุกผมด้วย ทว่าพอผมกำลังจะกดโทรออกหายีนส์เพราะบันทึกเบอร์มันเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อมันเลยขึ้นให้เห็นก่อนไอ้กั้ง สายเรียกเข้าของเจ้าตัวก็ฉายขึ้นมาบนหน้าจอเสียก่อน ให้ผมรีบกดรับอย่างรวดเร็ว “ไอ้ยีนส์!” ผมตะโกนกรอกสายไปเลย [ไอ้เหนือ ทำไมมึงไม่มาเลือกที่ฝึกงานวะ!] อีกฝ่ายก็กรอกเสียงหงุดหงิดใส่ผมเหมือนกัน ผมเลยยิ่งหงุดหงิดไปใหญ่ “กูต้องถามมึงมากกว่าว่าทำไมมึงปล่อยให้กูนอนเป็นตาย ไม่โทรมาปลุกแบบนี้!” [กูกับกั้งโทรไปจนโทรศัพท์แม่งจะระเบิดแล้วเถอะ มึงไม่รับเลยสักสาย นอนกินบ้านกินเมืองจนฝั่งธนฯ หายไปครึ่งนึงแล้วเว้ยมึงอะ!] พูดมาอย่างนี้ ผมก็ดึงโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม