การให้รามิลกลับไปง้อก็คงไม่เพียงพออีกต่อไป เมื่อเจ้าตัวบอกว่าจะแต่งงานกับคนอื่น และยังออกไปดินเนอร์ด้วยกัน โดยบอกเป็นนัยๆ ว่าจะไปตกลงกันเรื่องแต่งงานกับฝ่ายชาย...
ชีคเบนจามีนกุมขมับตัวเอง...
“ผมจะเลิกคบกับสเตฟานี่ และบอกให้ลูกตาลกลับไปเรียนเองครับ... เรื่องที่ทะเลาะกันวันนี้ ผมจะไปขอโทษเธอเอง”
“ฉันขอโทษด้วยนะรามิล ที่ทำนายลำบากใจ”
รามิลถอนใจ แม้คิดว่าจะสู้กับความดื้อรั้นของหล่อน จะทำให้หล่อนได้สำนึกแต่พอเห็นสิ่งที่หล่อนสะท้อนกลับมาแล้วทำให้คนอื่นไม่สบายใจหนักหนาเช่นนี้ เขาก็ไม่กล้าดำเนินต่อไปเลย เพราะไม่อยากให้ผู้มีพระคุณต้องลำบากใจ... เพราะเขารู้สึกผิดบาปเนื่องด้วยว่ามันมีส่วนหนึ่งมาจากเขา...
วชิตารีย์ หล่อนมีอิทธิพลกับชีวิตเขาตั้งแต่เด็กจนโต... และเขาดูเหมือนจะหลีกไม่พ้นอำนาจมืดนั้นไม่พ้นตลอดชีวิต หากหล่อนยังทำนิสัยเสียอย่างนี้...
“ไม่เป็นไรหรอกครับท่านชีค ผมจะลองคุยกับเธอดูและหาทางออกให้ดีที่สุด”
“คงห้ามลูกตาลได้ยาก อย่างไรก็ลองๆ กล่อมๆ ไป หรือไม่ก็ตามใจอะไรได้ก็ต้องตาม... เพื่อเหตุผลอย่างเดียวคือ อย่าให้ลูกตาลได้ใกล้ชิดหรือตกหลุมพรางอาเหม็ดเด็ดขาด สองคนนั้นจะแต่งงานกันไม่ได้” ชีคเบนจามีนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เพราะเขาและรามิลต่างก็รู้กันดีว่าผู้ชายคนนี้อันตรายแค่ไหน...
นอกจากอาเหม็ดจะเจ้าชู้ และเป็นลูกนักธุรกิจฝ่ายตรงข้ามกับชีคเบนจามีนที่คอยล้มล้างอำนาจการบริหารอย่างยาวนานของชีคเบนจามีนแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้ว่า เขากำลังซ่อมสุมกลุ่มผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงเพื่อโค่นล้มอำนาจล้มล้างรัฐบาลปัจจุบัน... หากแต่หลักฐานเหล่านั้นยังอ่อนและไม่สามารถดำเนินคดีกับเขาได้แบบจับชนิดคาหนังคาเขา พวกเขาจึงทำอะไรอาเหม็ด มากไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้มันมาวนเวียนวชิตารีย์อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก...
เมื่อก่อนคนเป็นพ่อบุญธรรมกับคนที่รับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดหล่อนมาตั้งแต่เด็กยังพอได้วางใจว่า วชิตารีย์ไม่ได้มีท่าทางหลงใหลอาเหม็ดนัก ซ้ำยังแสดงออกว่าไม่ชอบอย่างเห็นได้ชัดด้วยซ้ำ...
อาการที่หล่อนดื้อแพ่งบอกว่าจะแต่งงานกันกับอาเหม็ด ทำให้สองชายต่างวัยรู้ดีว่า... งานนี้ หากขัดใจวชิตารีย์แล้ว การแต่งงานของหล่อนกับอาเหม็ดเกิดขึ้น โดยที่ไม่สามารถขัดขวางอะไรได้แน่... ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรหล่อนก็จะไม่มีทางยอมฟัง
“ฉันขอร้องนะรามิล... ทำอย่างไรก็ได้ แค่อย่าให้ลูกตาลหลงผิดไปอย่างเด็ดขาด... อย่างน้อยก็ช่วยอย่าขัดใจลูกตาลถ่วงเวลาไว้ก่อน จนกว่าเราจะหาหลักฐานจัดการกับอาเหม็ดและพรรคพวกมันให้ได้ แล้วหลังจากนั้นไป ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้ลูกตาลรบกวนความสุขของนายอีก...”
“ท่านชีคอย่าคิดมากเลยครับ... มันไม่ลำบากมากเท่าไหร่หรอกครับ” แค่ไม่ขัดใจวชิตารีย์ เรื่องแบบนั้นก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน...
ชายหนุ่มนึกก่นด่าตัวเองในใจว่า เขาไม่น่าที่จะตามใจหล่อนมาตั้งแต่เด็กจนหล่อนเคยชินกับการเอาแต่ใจจนยอม
บางครั้งก็นึกอยากกำราบหล่อนให้หล่อนเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง... แต่ก็รู้ว่า การกระทำนั้นต้องไม่ใช่เวลานี้แน่นอน...
เป็นเวลาดึกมากแล้วที่รามิลนั่งรอวชิตารีย์อย่างร้อนใจ เพราะหล่อนไม่ยอมกลับมาเสียที... จากที่โกรธที่หล่อนออกไปกับผู้ชายคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นนึกเป็นห่วงขึ้นมาด้วยรู้ว่ากิตติศัพท์ของอาเหม็ดที่เคยได้ยินมานั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนนึกกลัวว่าหล่อนจะไม่ปลอดภัย...
จนเมื่อได้เห็นรถสปอร์ตหรูเลี้ยวเข้ารั้วบ้านผ่านกล้องวงจรปิดมาเท่านั้น เขาจึงค่อยคลายใจว่าหล่อนกลับมา...
รามิลนั่งรอที่ห้องรับแขกอย่างใจเย็น... วันนี้ตามตะวันเป็นหวัด ชีคเบนจามีนจึงพาขึ้นนอนไปก่อนไม่ได้รอหญิงสาวเป็นเพื่อนเขา รามิลจึงรออยู่เงียบๆ จนหล่อนเดินผ่านเข้ามา
วชิตารีย์เห็นเขานั่งหัวโด่อยู่ที่โซฟา แต่หล่อนก็ไม่ทักทาย ไม่ตรงรี่เข้าไปหาด้วยความดีอกดีใจยามที่เห็นเขาเหมือนเช่นทุกครา... ดวงหน้างามที่ถูกเสริมแต่งอย่างโฉบเฉี่ยวให้เข้ากับชุดราตรีร่วมสมัยที่สาวๆ จาร์มาและสาวต่างชาติที่อยู่ในจาร์มามักพากันแต่ง หลังจากที่โลกเสรีเปิดกว้างขึ้นกว่าเก่า
แต่มันสร้างความไม่พอใจให้รามิลนัก เพราะเขาไม่อยากให้หล่อนเปิดเผยความงดงามของเนื้อหนังมังสาให้ใครเห็น โดยเฉพาะไอ้อาเหม็ด เพราะว่าวชิตารีย์งดงามเกินกว่าที่จะเปิดเผยให้ใครได้มองเห็น... เพราะสุดท้ายความงดงามยากหาใดเปรียบนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายหล่อนเอาได้
ความขัดแย้งกันเมื่อช่วงกลางวันนั้นทำให้หล่อนชาเฉยต่อเขา และกระทำการที่ทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายร้อนรนมารอพบหล่อน แบบที่ว่านิ่งดูดายไม่ได้...
มันเป็นอย่างที่หล่อนคิดจริงๆ หล่อนจึงแกล้งกลับบ้านช้าๆ ให้เขาได้รอเพิ่มความร้อนใจเข้าไปมากๆ
และหล่อนก็ไม่ได้แสดงท่าทางสนใจเขาสักนิด ซ้ำยังฮัมเพลงเบาๆ ราวกับว่าไปพบเจอเรื่องราวน่าพิสมัยจากนอกบ้านมาให้เขาได้เดือดปุดๆ ขึ้นไปอีก...
ก็ดี โกรธหล่อนมากๆ เข้า เขาจะได้รู้ว่า คราวหน้า อย่าทำอะไรให้หล่อนขัดใจอีก...