บทที่ ๒ องค์ชายไร้ความสามารถ(๑)

1169 คำ
เมืองเหลียงโจว แคว้นเหลียง รัชสมัยเหลียงอู่ตี้ปีที่ยี่สิบเก้า ไม่ว่าจะกวาดมองไปทั่วเมืองหลวงกี่ครั้งกี่หน ทุกสิ่งที่ปรากฏต่อครรลองสายตาย่อมมีเพียงเหล่าชาวบ้านราษฎรอยู่กันอย่างผาสุก ตามเหลาสุรา โรงเตี๊ยมน้ำชาทั้งหลายล้วนมีแต่เสียงหัวเราะของเหล่าคุณชายคุณหนูในสกุลใหญ่ คงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ดีว่าเมืองหลวงอย่างเหลียงโจวแห่งนี้หาได้สงบสุขเฉกเช่นหนึ่งปีก่อนไม่ โดยเฉพาะผู้คนในราชวงศ์นั้นล้วนรู้แก่ใจดีว่าการแย่งชิงอำนาจในหมู่องค์ชายนั้นดุเดือดมากขึ้น แม้กระทั่งองค์ชายผู้ได้ชื่อว่าอ่อนแอยังลอบติดต่อกับขุนนางใหญ่จากหลายกรม มองไปยังเหล่าขุนนางทั้งหลายที่ถวายรายงานทูลต่อเหลียงอู่ตี้ฮ่องเต้นั้นไม่รู้ว่าผู้ใดหนุนหลังองค์ชายองค์ใดอยู่บ้าง แต่ละคนล้วนเป็นตาเฒ่ามากพิษสงกันทั้งนั้น ไม่ว่าเบื้องหลังของขุนนางเฒ่าเหล่านี้จะเป็นเช่นไร แต่เบื้องหน้าก็ยังให้ความเคารพเทิดทูนต่อผู้นั่งบัลลังก์มังกร แน่นอนไม่เคยลืมว่าตำแหน่งรัชทายาทนั้นยังคงเป็นขององค์ชายสี่ อู่เซียนหยวน ผู้มีมารดาเป็นถึงกุ้ยเฟย ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าในใจจะเข้าข้างยืนฝ่ายไหนแต่การแสดงออกนั้นก็ยังต้องระมัดระวังหัวบนบ่าของตนอยู่ดี นึกดูแล้วหากองค์ชายใหญ่อู่หลินผู้ถือกำเนิดจากฮองเฮาสกุลจ้าวยังมีชีวิตอยู่ เส้นทางการเลือกของเหล่าขุนนางทั้งหลายคงไม่ยากลำบากเพียงนี้ เพราะถึงอย่างไรการเลือกโอรสที่เกิดจากฮองเฮาให้ครองตำแหน่งรัชทายาทย่อมถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของบรรพชน แต่น่าเสียดายพออายุย่างสิบเก้าองค์ชายใหญ่ก็สิ้นพระชนม์ไปเสียแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทว่างเว้นไว้สองปีฮ่องเต้ถึงมีราชโองการแต่งตั้งองค์ชายสี่ผู้ถือกำเนิดจากสกุลฟาง ในครั้งนั้นเหลียงอู่ตี้ฮ่องเต้ยังเลื่อนตำแหน่งฟางซิ่ว จากยศชั้นหนึ่งในสี่เฟยขึ้นเป็นกุ้ยเฟย หลายปีมานี้ไม่มีนางสนมคนใดสามารถแย่งชิงความโปรดปรานไปจากนางได้ แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยราชวงศ์เป็นสิ่งซับซ้อน ฮ่องเต้อู่เหิงแม้จะมอบตำแหน่งรัชทายาทให้องค์ชายสี่ แต่ว่าขุนนางผู้รับใช้มานานหลายปีย่อมรู้ดีว่าฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นผู้นี้ชอบเห็นพระโอรสทั้งหลายของตนลับฝีมือกัน เรียกได้ว่าหากองค์ชายสี่อยากรั้งอยู่ตำแหน่งรัชทายาทจนสามารถขึ้นครองราชย์สืบทอดราชสมบัติต่อจากเหลียงอู่ตี้ฮ่องเต้ได้ละก็ มิเพียงต้องนั่งตำแหน่งรัชทายาทให้มั่นแต่ยังต้องมากความสามารถด้วย หากไร้ความสามารถย่อมถูกทอดทิ้งเฉกเช่นองค์ชายห้า อู่ซีเจิ้ง ผู้นั้น นึกดูแล้วครึ่งปีมานี้ เหลียงอู่ตี้ฮ่องเต้ไม่เคยเรียกพระโอรสองค์ที่ห้าของตนเข้าเฝ้าเลยสักครั้ง แน่นอนว่าในท้องพระโรงก็ไม่มีขุนนางใดกล้ากล่าวถึงองค์ชายผู้เกิดจากสนมผินผู้มีชั้นยศไม่ต่ำไม่สูงผู้นี้แม้แต่น้อย จำได้ว่าก่อนที่หูจื่อหง ผู้เป็นมารดาองค์ชายห้าจะจากไปนั้น องค์ชายผู้นี้มีความสามารถมากยิ่งนัก ตำรา หมาก กลศึก ล้วนเยี่ยมยอดมองไปทั่วเมืองเหลียงโจวในครั้งนั้นหามีผู้ใดเทียบเทียมได้ไม่ แต่สี่ปีมานี้สิ่งที่ทุกผู้คนโจษจันเกี่ยวกับองค์ชายห้ากลับมีเพียงเรื่องเดียว นั่นคือ ไร้ความสามารถ หากองค์ชายห้ามีความสามารถเฉกเช่นกาลก่อน องค์ชายผู้นี้คงเป็นพระโอรสองค์แรกที่เหลียงอู่ตี้ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่งจวิ้นหวังให้ แต่ในเมื่อไร้ความสามารถตำแหน่งจวิ้นหวังจึงไม่ตกถึงมือ แม้กระทั่งพระโอรสองค์อื่นยังพลาดโอกาสไปด้วย คงมีเพียงองค์ชายสี่ที่ฮ่องเต้โปรดปรานถึงได้แต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท เดิมทีคิดว่าหลังจากเหลียงอู่ตี้ฮ่องเต้มอบสตรีจากต่างแคว้นให้เป็นพระชายาจะทำให้ชีวิตของอู่ซีเจิ้งดีขึ้นมาบ้าง แต่วันแต่งงานพระโอรสผู้นี้กลับส่งเจ้าสาวไปยังตำหนักห่างไกล ไม่มีแม้แต่พิธีร่วมหอห้องด้วยซ้ำ ทำให้ทุกคนในเมืองหลวงค่อยๆ ลืมเลือนพิธีสมรสพระราชทานในครั้งนั้น ผ่านมานับหนึ่งปีไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วองค์ชายห้าจดจำได้หรือไม่ว่าวังหลังของพระองค์ยังมีผู้ครอบครองตำแหน่งพระชายา หาใช่ว่างเปล่าไร้เงาสตรีเคียงข้าง จวนจิ้นฝู จวนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศหรดีของเมืองเหลียงโจว แน่นอนว่าบริเวณทิศนี้ยังเป็นที่ตั้งของจวนองค์ชายกับท่านอ๋องอีกหลายพระองค์ ด้วยเพราะตามกฎราชวงศ์แล้ว องค์ชายผู้มีอายุสิบห้าปีต้องออกจากวังหลวงมาสร้างจวนที่พำนักของตนเอง ส่วนผู้เป็น รัชทายาทนั้นย่อมพำนักอยู่ตำหนักบูรพาในฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง ผู้ที่สามารถอาศัยอยู่ในวังได้มีเพียงฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นกับเหล่านางสนม และองค์หญิงองค์ชายที่อายุน้อยเท่านั้น ส่วนผู้อื่นเมื่อถึงแก่เวลาย่อมต้องย้ายออกไป นี่คือกฎธรรมเนียมที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และนี่ก็คงเป็นสาเหตุที่เหลียงอู่ตี้ฮ่องเต้ชอบเห็นพระโอรสในไส้ของพระองค์แย่งชิงอำนาจกัน ดูเหมือนการเป็นบิดาผู้เฝ้ามองบุตรชายทั้งหลายต่อสู้ดิ้นรนเพื่อกุมอำนาจนั้นจะทำให้ฮ่องเต้สำราญพระทัยไม่น้อย ถึงแม้พระโอรสทั้งหลายจะยอมเป็นหมากเบี้ยในกระดาน แต่ฮ่องเต้ก็ยังเฝ้ารอหมากเม็ดหนึ่งในโถหยกของพระองค์อยู่ดี ผ่านมาหลายชั่วยาม เบื้องหน้ามีเพียงกระดานหมากที่ไร้เม็ดหมากสีขาวและดำ ด้านข้างมีเพียงน้ำชากาหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ ดูคล้ายน้ำชากานั้นจะเย็นชืดเสียแล้ว กระทั่งเปลวเทียนบนโต๊ะด้านข้างวูบไหว อู่ซีเจิ้งถึงได้หยิบหมากสีขาวเม็ดหนึ่งวางลงบนกระดาน “องค์ชาย” ผู้ปรากฏตัวสวมอาภรณ์สีดำสนิท หากยืนอยู่ท่ามกลางความมืดย่อมมองไม่เห็น “เป็นอย่างไรบ้าง” “หลังจากจัดกระบวนทัพล้อมวังหลวงแคว้นหานอยู่ครึ่งเดือน ในที่สุดอ๋องห้าก็เป็นฝ่ายกำชัย วันพรุ่งนี้จะขึ้นสถาปนาตนเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น” หนึ่งปีมานี้ไม่ได้มีเพียงแคว้นเหลียงที่ภายในระส่ำระสาย แม้กระทั่งแคว้นหานเองก็ยังโกลาหลมิแตกต่างกัน ดูเหมือนอ๋องห้าผู้นั้นจะมากความสามารถไม่น้อย เพราะใช้เวลาเพียงหนึ่งปีก็สามารถดึงอำนาจทั้งหมดมาไว้ในมือตน จะว่าไปแล้วอ๋องห้าคงเริ่มแผนการแย่งชิงบัลลังก์ก่อนที่จะมีการส่งสตรีผู้นั้นมาเป็นบรรณาการให้แคว้นเหลียงด้วยซ้ำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม