ครึ่งชั่วโมงต่อมา
"ดูคุณจะไว้ใจคนง่ายไปนะ... หมอฮันน่า" ริมฝีปากได้รูปของไบรอันต์เอ่ยพูดเบาๆ ขณะที่สายตายังคงจ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังหลับซุกหน้าอยู่กับอกเขาไม่ห่าง
เขาแค่สั่งให้เธอนอนนิ่งๆ แค่กะจะแกล้งเล่นสักหน่อยเลยพูดไปแบบนั้น แต่ไม่ทันไรคนตัวเล็กข้างๆก็หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวไปซะแล้ว
ไบรอันต์ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะจัดท่านอนให้เธอนอนสบายๆ เขามองดูสภาพตัวเองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจดึงสายน้ำเกลือออกอย่างหงุดหงิด เขามีงานที่ต้องจัดการอีกมากมายขืนมานอนให้น้ำเกลืออยู่แบบนี้งานที่ล้นมือคงไม่มีทางเสร็จ และมันดูไม่เหมาะกับเขาสักนิด มันดูอ่อนแอจนรู้สึกน่าสมเพช
แกร๊ก!
"นาย!/นาย?"
ทันทีที่ไบรอันต์เปิดประตูห้องออกมา ลูกน้องคนสนิททั้งสองที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็เอ่ยเรียกเขาอย่างแปลกใจ ก่อนที่ฮาเกนและโลเวลจะทำท่าเข้ามาประคองเขาไว้
"กูไม่เป็นไร" ไบรอันต์รีบยกมือห้ามทันทีเมื่อลูกน้องคนสนิทจะเข้ามาช่วยพยุงตัวเอง
"นายต้องการอะไรครับ" ทั้งสองพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนที่ฮาเกนจะเป็นคนเอ่ยถามออกไป
"ไปคุยกันที่ห้องทำงาน ต่อสายหาไอ้แดนให้กูด้วย" ไบรอันต์หันกลับไปมองในห้องพร้อมดึงประตูปิดลง และเอ่ยบอกคนสนิททั้งสอง ก่อนที่เขาจะเดินนำไปที่ห้องทำงาน
"ได้ครับนาย!"
ทั้งสองก้มหัวตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเดินตามเขาไปที่ห้องทำงานที่อยู่ชั้นล่างของบ้านทันที
"เหลือเชื่อมากที่มึงยังไม่ตาย" ทันทีที่ก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายลงมา เสียงยียวนกวนประสาทของคริสเตียนก็เอ่ยทักขึ้น
ไบรอันต์หันไปมองตามเสียงก็พบกับ แดเนียล คริส และอลัน นั่งหน้าสลอนทำตัวตามสบายกันอยู่ที่โซฟาในบ้านของเขาราวกับเป็นบ้านตัวเอง
"เป็นคำพูดที่ซึ้งใจดี" ไบรอันต์กลอกตาไปมาก่อนจะตอบกลับคริสเตียนด้วยเสียงนิ่งๆ
"มึงก็มากับเขาด้วย?" ร่างสูงของไบรอันต์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ก่อนจะหันไปหาอลันที่นั่งเงียบอยู่คนเดียวบนโซฟาเดี่ยวอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก
"อืม เป็นไงบ้าง"
"ก็อย่างที่เห็น กูไม่ได้เป็นไรมาก"
"ดีแล้ว ขอโทษพวกมึงด้วยแล้วกันที่ทำให้วุ่นวาย" ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงของอลันแสดงออกถึงความจริงใจในสิ่งที่พูด แต่ก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรตอบกลับมา มีเพียงการพยักหน้ารับอย่างเข้าใจกันของพวกเขาเท่านั้น
ฟิ้ว!
"กูว่าพวกมันก็คงเจ็บไม่ต่างจากมึงเท่าไหร่นะ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ" ซองสีน้ำตาลถูกโยนลงบนโต๊ะกระจกเล็กตรงหน้า ก่อนที่แดเนียลจะเอ่ยบอกในสิ่งที่คิดว่ายังไงไบรอันต์ก็ต้องถามถึง
"หึ! ขอบใจเดี๋ยวเรื่องนี้กูจัดการต่อเอง" รอยยิ้มร้ายกาจและสายตานิ่งแต่ดุดันของไบรอันต์ ที่ไม่ว่าใครได้มองต่างก็รู้สึกขนลุกได้ไม่ยาก เรื่องความโหดเหี้ยมเขาก็ไม่แพ้ใคร หรืออาจจะโหดเหี้ยมมากกว่าเพื่อนคนอื่นเลยก็ว่าได้ เพราะถ้ายังไม่รู้จักเขาดีพอ ก็อย่าพึ่งบอกว่าเขาเป็นคนดี...
ฮันน่าที่เผลอหลับไปกว่าสองชั่วโมง สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันที่ทำเอาเธอเองก็ใจไม่ค่อยดีเช่นกัน ก่อนจะมองสำรวจไปรอบห้องนอนหรูกว้างใหญ่ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา นี้เธอกล้าเผลอหลับไปในห้องของคนที่พึ่งจะรู้จักได้ยังไงกัน
"ตื่นแล้วหรอครับคุณหมอ" เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นใกล้ๆ พร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาหาเธอจนริมฝีปากแทบจะชนกันอยู่แล้ว
"คุณ! O.O"
จุ๊บบ~
ฮันน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะรีบเด้งตัวขึ้นจากที่นอนทันที แต่ด้วยความที่ไบรอันต์ยังคงยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอแบบนั้น ทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่แตะสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ
"ไม่ต้องแกล้งทำเป็นตกใจเพื่อจะหลอกจุ๊บผมหรอกครับ ถ้าอยากจุ๊บก็บอกผมตรงๆได้" พอถูกฝ่ามือบางผลักอกเขาออกห่าง ไบรอันต์ก็กระตุกยิ้มและเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าใบหน้าสวยของเธอเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมานิดๆ
"ปะ เปล่าสักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุนะ" เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หน้าเธอเป็นยังไง มันแดงแค่ไหนแต่ดูจากอุณหภูมิจากความเห่อร้อนของใบหน้า มันทำให้เธอรู้เลยว่าหน้าเธอต้องแดงมากแน่ๆ
"หึ เอาเป็นว่าผมจะเชื่อแล้วกันนะครับ" ไบรอันต์พูดก่อนจะก้มหน้าเข้ามาประชิดเธออีกครั้ง
"จะ...จะทำอะไรคะ" เสียงหวานแอบสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะกระถดตัวถอยหลังหนีจากเขาช้าๆ
ร่างสูงของไบรอันต์เองก็ขยับตามไปประชิดเธอไม่ห่าง ก่อนที่วงแขนกำยำทั้งสองข้างจะค้ำยันกังขังเธอไว้ในอ้อมแขน จนทำให้คนที่พยายามจะขยับหนีเป็นต้องหยุดนิ่ง แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
"ผมแค่..." เสียงทุ้มของไบรอันต์ที่เคยละมุนน่าฟัง เปลี่ยนเป็นเสียงแหบพร่ากระเซาที่กำลังกระชิบอยู่ข้างหูของเธอ
"....."
ฮันน่าเงียบตั้งใจฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่ออย่างใจจดใจจ่อ น้ำเสียงของเขาทำเอาเธอขนลุกซู่ไปทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก หวังว่าเธอคงจะไม่เป็นลมไปก่อนที่เขาจะพูดจบนะ
"แค่...มาตามลงไปทานข้าวครับ" ไบรอันต์เว้นวรรคประโยคได้อย่างน่าหวาดเสียว ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะขบเม้นที่ใบหูขาวสะอาดของเธอเบาๆ
พรึบ!!
"ถะ ถอยไปห่างๆเลยนะ ฉัน ฉันขอเข้าห้องแล้วจะรีบตามไป" ฮันน่ารีบผลักอกแกร่งเขาออกทันทีด้วยความตกใจ
โดยที่เธอก็ลืมว่าเขามีแผลอยู่บริเวณหน้าท้อง ไม่รู้ว่าจะกระทบกระเทือนแผลของเขาหรือเปล่า ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูก
"อย่านานนะครับ ผมหิวแล้ว" ไบรอันต์ตะโกนตามหลังพร้อมกระตุกยิ้มร้ายกาจ
"ทะลึ่ง!" เสียงหวานตะโกนตอบกลับออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
"หึ! ใครกันแน่ครับที่ทะลึ่ง ผมหมายถึงหิวข้าวนะครับคุณหมอ" เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ยิ้มกับคำพูดของเธอขนาดนี้กัน แค่ใบหน้าเนียนใสขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเขินอาย เขาก็แทบอดใจไม่ไหวจับเธอกดให้จมไปกับเตียงแล้ว
"อาหารไม่ถูกปากหรอครับ?" ไบรอันต์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่เขี่ยอาหารใจจานไปมา พลางก้มหน้าก้มตาไม่สบตากับเขา
"เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่ค่อยหิว" ไม่กล้ากินเลยต่างหากละ เธออายที่มีเขานั่งจ้องอยู่แบบนี้ แล้วไหนจะภาพที่เธอจูบกับเขาอีก ทำยังไงเธอก็ไม่สามารถลบมันออกไปได้เลย
"แน่ใจนะครับว่าไม่หิว ไม่ใช่ว่า…คุณหมอกำลังเขินผมอยู่หรอกนะ" ยิ่งเธอเขินเขาก็ยิ่งอยากจะแกล้งทุกครั้งไป
"เปล่า...เปล่านะ ฉันจะเขินคุณทำไมละคะ" ฮันน่าเงยหน้าขึ้นมาตอบทันที ก่อนจะยัดข้าวเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายจนแทบสำลัก เพราะทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกเขารุกหนักขนาดนี้
"ค่อยๆก็ได้ครับ เดี๋ยวติดคอ"
"ไม่เป็นไรค่ะฉะ...อึก! แค่กๆๆ แค่กกกก!" ยังไม่ทันไรข้าวในปากของเธอก็พุ่งออกมาอย่างน่าเกลียดและดูเสียมารยาท ก่อนที่เธอจะไอจนหน้าดำหน้าแดงอย่างเอาเป็นเอาตาย จากการสำลักข้าวที่พึ่งจะยัดเข้าปากไป
"แค่ก! แค่กๆๆ"
"ไหวไหม" เห็นแบบนั้นไบรอันต์ก็รีบย้ายตัวเองมานั่งข้างเธอ ก่อนจะใช้มือลูบหลังให้เธอเบาๆ มืออีกข้างก็ยื่นแก้วน้ำส่งให้เธอ
"ขอโทษนะคะฉัน เอ่อ..ไม่ได้ตั้งใจ" มือบางรับแก้วน้ำจากเขา ก่อนจะเอ่ยขอโทษเสียงเบา
"ขอโทษผมทำไมครับ?" คิ้วหนาเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เธอจะมาขอโทษเขาทำไม เขาสิต้องขอโทษเธอที่ทำให้เธอต้องสำลักข้าวหน้าดำหน้าแดงแบบนี้
"ก็ฉันทำให้อาหารพวกนี้มันทานต่อไม่ได้แล้ว" ฮันน่าหันมองอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะหันมามองหน้าเขาอย่างรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรครับ" เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม ไม่ได้รังเกียจเธอเลยสักนิดเดียว
ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ สายตาของเธอก็ดันเหลือบไปเห็นเลือดที่ซึมออกมาตรงบริเวณหน้าท้องของเขา จนเปื้อนเสื้อยืดสีขาวที่เขาสวมใส่อยู่
"คุณไบรอันต์! เลือดคุณไหลหรอคะ?! แผลปริหรือเปล่า" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างตกใจ ก่อนจะลนลานดึงเสื้อเขาขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อดูแผล จนลืมความเขินอายเมื่อกี้ไปสนิท
"ไม่รู้สิครับ คุณหมอผลักผมตั้งสองครั้งแบบนั้น แถมยังแรงด้วย บางทีมันอาจจะปริก็ได้" ไบรอันต์เอ่ยพูดด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ แต่เธอคงไม่ได้เห็นเพราะมัวแต่ก้มดูแผลของเขาอย่างตั้งใจ
"เดี๋ยวฉันทำแผลให้ใหม่นะคะ"
"จะทำตรงนี้หรือบนห้องดีละครับ"
คำพูดกำกวมของเขามันชวนให้เธอคิดไปไกลอีกแล้ว แล้วไหนจะใบหน้าหล่อๆของเขาที่ชอบยื่นเข้ามาใกล้เธออยู่บ่อยๆนั้นอีก
"พะ พูดอะไรของคุณ ฉันจะทำแผลค่ะไม่ได้จะทำอย่างอื่น!" เธอละอยากจะผลักเขาออกอีกครั้ง แต่ก็ติดที่ว่ากลัวจะกระทบกระเทือนกับแผลของเขาไปมากกว่านี้ เลยรีบดึงตัวเองกลับมานั่งที่เดิม ด้วยใบหน้าที่เห่อร้อน
"คุณหมอนั่นแหละครับ คิดอะไรอยู่กันแน่ผมหมายถึงทำแผลนะครับ ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่คุณหมอกำลังคิดอยู่" ไบรอันต์กระตุกยิ้มมุมปากมองคนที่นั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆด้วยความพอใจ
"คิดอะไร! ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย" ฮันน่ารีบปฏิเสธทันที แม้มันจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาว่าก็ตาม
เพราะตอนนี้เธอกำลังคิดไปไกลมากจริงๆ แต่จะให้โทษเธอฝ่ายเดียวได้ยังไงกัน ก็เพราะเขาเองที่ชอบใช้คำพูดกำกวมแบบนั้นกับเธอก่อน
"หึ! งั้นไปทำบนห้องดีกว่านะครับ...สะดวกดี"
"คุณไบรอันต์!"
"ทำแผลครับ ผมพูดตกไปนิดหน่อยเองอย่าพึ่งโมโหสิ" เขาได้แต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับเธอที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินหนีเขาไปด้วยความเร่งรีบ โดยไม่รอเจ้าของห้องอย่างเขาเลยสักนิด
ท่าทางเขินอายและอาการโมโหกลบเกลื่อนของเธอนั้น มันทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเป็นอย่างมาก ทำไมเขาถึงได้มองว่าเธอทำอะไรก็ดูน่ารักไปซะหมดเลยนะ แม้แต่เวลาโมโหยังดูน่ารักน่าฟัดไม่น้อย เห็นแล้วอยากกดให้จมเตียงจริงๆ