“คิริว เรียนวิศวะโยธาหรือคะ”
แม้จะรู้ประวัติของเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องหาเรื่องมาชวนคุย เมื่อเขาเอาแต่พาเธอเดินชมนกชมไม้ ทั้งที่ในมือกดโทรศัพท์ ไม่ได้ชายตามาแลเธอสักนิดเดียวจนรู้สึกอึดอัด
“ครับ เรียกผมว่าริวเฉย ๆ ก็ได้นะ แล้วพลอยล่ะ”
เขาต้องถามกลับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แต่ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของเธอเลยแม้แต่น้อย ถ้ารู้เอาไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร
“พลอยเรียนบริหารค่ะ เสียดายจังนะคะที่ไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกับริว ได้ข่าวว่าสาวบริหารที่นั่นสวยมากเลยหรือคะ”
“ครับ สวยมาก ที่จริงผู้หญิงทุกคนก็มีความสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะดึงเสน่ห์ของตัวเองมาใช้ได้มากกว่ากันเท่านั้นครับ”
เธอยิ้มรับคำพูดของผู้ชายเจ้าชู้ที่มองว่าผู้หญิงทุกคนคือดอกไม้งามประดับโลก และเพียงแค่เด็ดดมครั้งสองครั้ง กลิ่นหอมเฉพาะตัวเหล่านั้นก็หมดไปเสียแล้ว
แต่ดอกไม้ราคาแพงอย่างเธอ อย่างไรเสียถ้าเขาเด็ดมาดอมดมแล้ว จะไม่มีวันทิ้งเธอได้ง่าย ๆ เหมือนดอกไม้ไร้ค่าพวกนั้นแน่นอน
“แล้วริวชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะคะ”
เธอเอ่ยถามพร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวน ถ้าเธอไม่ใช่คนที่ป้าเขาอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้ อย่างไรคืนนี้ก็ต้องมีคลานลงจากเตียงกันไปข้างหนึ่ง
“ผมไม่เคยชอบใคร”
คนหล่อยักคิ้วแถมยิ้มมุมปากอย่างมีเสน่ห์ ดวงตาคมกริบที่แปลความหมายไม่ออกนั้นทำเอาหัวใจสาวเต้นกระหน่ำ เขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์มากเหลือเกิน จนอยากรู้ว่าถ้าเธอกำลังนอนอยู่ภายใต้ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแล้วโดนเขาตอกกระแทกแรง ๆ เธอจะรู้สึกฟินแค่ไหน
ยิ่งคำพูดเย็นชาราวกับไม่เคยแยแสผู้หญิงทั้งโลก ยิ่งทำให้พิมพ์พลอยอยากเอาชนะ เธอรับประกันเลยว่าเสน่ห์ของเธอจะสามารถทำให้เขาร้องครวญครางราวจะขาดใจตายจนไม่สามารถขาดเธอได้อีกชั่วชีวิต
“เย็นชาจังเลยนะคะ แต่พลอยชอบ”
เธอเชิดใบหน้าสวยงามขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจทำตัวเหนือกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอ แต่เสียใจด้วย ผู้หญิงหยิ่งยโสสูงส่งแค่ไหน เขาก็เคยลองมาหมดแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือผู้หญิงซิง ซึ่งจากสายตาและท่าทางของเธอ ไม่มีทางเลยที่เธอจะซิง เพราะฉะนั้น เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด ไม่ได้มีความพิเศษกว่าใครเลย
“อย่าชอบผมเลยครับ ผมไม่เคยคิดจะคบกับใคร”
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ พลอยก็ไม่ได้ขอริวคบด้วยเสียหน่อย”
“พลอยรู้หรือเปล่า ว่าที่ป้าผมนัดเรามาในวันนี้ ป้าผมต้องการอะไร”
เขายิงคำถามตรงประเด็น ที่จริงก็ไม่น่าถาม เพราะการแสดงออกของเธอราวกับว่าเขากำลังจะมาเป็นคู่หมั้น มันได้บ่งบอกทุกอย่างอยู่แล้ว
“รู้สิคะ ป้าช่ออยากให้เราเป็นแฟนกัน”
“ครับ”
“แล้วริวว่ายังไงคะ”
“ก็ไม่ว่ายังไง ผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว บอกแล้วไงว่าผมไม่มีทางคบใครเป็นแฟน”
“แต่ท่าทางผู้ใหญ่จะไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ”
“ก็อาจจะแค่ป้าช่อคนเดียวก็ได้”
เพราะเขารู้ดีว่าอย่างไรเสีย พ่อแม่เขาไม่มีทางบ้าจี้ไปกับคนเป็นป้าจอมเผด็จการแน่ ๆ
“ไม่หรอกค่ะ พ่อแม่ของพลอยก็ด้วย ท่านอยากให้เราคบกัน เพราะเราเหมาะสมกันที่สุด ถ้าริวไม่คิดจะคบใครเป็นแฟน ก็ไม่เห็นต้องคบ ถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็แค่หมั้นและแต่งงานกันตามความต้องการของผู้ใหญ่และเพื่อภาพลักษณ์ผู้บริหารที่ดีของริวด้วย”
คิริวจ้องลึกลงไปในดวงตาของผู้หญิงตรงหน้าที่พูดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาหน้าตาเฉย ราวกับไม่สะทกสะท้านที่คนอย่างเขาไม่มีความรู้สึกอะไรให้ แถมยังคงยึดมั่นความคิดที่จะแต่งงานกับเขาอีกต่างหาก
“การแต่งงาน มันไม่ต้องมาจากความรักหรือไง”
“ถ้ากับคนอื่น อาจจะใช่ แต่กับริว ริวบอกเองนี่คะว่าไม่เคยชอบใคร แล้วต้องสนใจด้วยเหรอว่าจะแต่งงานกับคนที่รัก ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นอาจไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ก็ได้”
“แล้วพลอยล่ะ ไม่อยากแต่งงานกับคนที่รักหรือไง”
“ก็ริวไง”
คำพูดตรงไปตรงมาของเธอทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อย ด้วยไม่เคยเจอใครอย่างนี้มาก่อน เธอกำลังฉวยโอกาสจากการไม่คิดจะชอบใครของเขาให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเอาตัวเองใส่พานมาถวายเขาในฐานะว่าที่คู่หมั้นและเจ้าสาวในอนาคตที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
“หึหึ พูดตรงดีนะครับ แต่อย่าดีกว่า อยู่กับผมมันไม่สนุกหรอก ยิ่งคนที่ไม่ได้รัก ผมจะเลวมาก”
“พลอยก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าริวจะเลวได้มากแค่ไหน”
สาวสวยขยับเข้าใกล้ แถมยังเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้ริวฝีปากของตัวเองค่อย ๆ ขยับเข้าหาริมฝีปากของเขาทีละนิดอย่างยั่วยวน
แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะสัมผัสกัน เขาก็บ่ายหน้าหนีเสียก่อน แม้จะเสียดายความอวบอิ่มสีแดงสดนั้น แต่ถ้าเขาเผลอจูบเธอไป เรื่องมันคงไม่จบง่าย ๆ แน่
“ริว...ทำไมคะ”
เธอร้องออกมาอย่างแสนเสียดาย อีกเพียงนิด เขาก็จะหนีเธอไม่พ้น ต้องจำใจรับเธอเป็นว่าที่คู่หมั้นแล้ว
“ผมว่าเราไม่ควรเกี่ยวข้องกันมากไปกว่านี้ บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการจับคู่ของป้าช่อ และผมจะไม่ยอมทำตามเด็ดขาด พลอยก็อย่าคิดอะไรไปมากกว่านี้เลย เอาเวลาไปหาคนที่จะชอบพลอยจริง ๆ เถอะ ผมขอเตือนด้วยความหวังดี จะได้ไม่เสียเวลาชีวิต”
พูดจบเขาก็เดินนำหน้าเธอไปยังโต๊ะที่แม่ชอบนั่งจิบน้ำชาตอนออกมานั่งชมสวนดอกไม้ฝีมือตัวเอง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจสาวสวยที่นั่งมองหน้าเขานิ่งๆ อีกเลย
“เป็นไงบ้างลูก สองคน เข้ากันได้ดีไหมจ๊ะ”
ช่อม่วงเอ่ยถามหลานชายและว่าที่หลานสะใภ้ในฝันทันทีที่เด็กสองคนกลับมาร่วมโต๊ะอาหาร
“ดีค่ะคุณป้า ริวเขาน่ารักกับพลอยมากเลย ขอบคุณมากนะคะริว ที่ดูแลพลอยเป็นอย่างดี”
การแสดงของหญิงสาวตรงหน้าทำเอาคิริวเหยียดยิ้ม ไม่อยากจะหักหน้าเธอต่อหน้าผู้ใหญ่ทุกคน เพราะจะยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขามันแย่แค่ไหน ทั้งยังเป็นการฉีกหน้าพ่อกับแม่ตัวเองอีก จึงยิ้มรับแล้วเออออห่อหมกไปกับเธอด้วย
“ดีจริง เห็นไหมคะทุกคน บอกแล้วว่าเด็กสองคนนี้เข้ากันได้ดีที่สุด เหมาะสมกันจะตาย ตาริวเองก็ชอบหนูพลอยออกขนาดนั้น จัดงานหมั้นให้เลยดีไหมคะคุณมลคุณพิทักษ์”
คิริวหันมองหน้าป้าของตัวเองด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าแค่เขารักษามารยาทด้วยการไม่หักหน้าฝ่ายหญิง มันจะทำให้ป้าของเขารุกหนักขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“มลกับคุณพิทักษ์ไม่มีปัญหาเลยค่ะ แล้วแต่ฝ่ายชายจะจัดการ ยินดีมาก ๆ เลยด้วยซ้ำที่เราจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“เดี๋ยวสิคะพี่ช่อ เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่ถามความเห็นเด็ก ๆ หน่อยหรือ เขาสองคนต้องเป็นคนหมั้นกันนะคะ ไม่ใช่พ่อแม่และป้าอย่างพวกเรา”
เป็นครั้งแรกที่ช้องนางกล้าขัดใจพี่สาวด้วยการออกโรงปกป้องลูกชายต่อหน้าแขก เพราะรู้ดีว่าลูกชายไม่กล้าเสียมารยาทขัดคอผู้ใหญ่กลางวงข้าว แต่ถ้าจะให้ปล่อยผ่านไป งานหมั้นต้องเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดแน่ ๆ
และการเอ่ยขัดนั้น สร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนที่อยากจะรวบรัดตัดความให้เกิดงานหมั้นเสียวันนี้พรุ่งนี้ แต่ก็ต้องเก็บความไม่พอใจนั้นไว้ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่มันไปไม่ถึงดวงตา
“ยัยนาง เธอก็ได้ยินที่เด็ก ๆ พูดไม่ใช่เหรอ สองคนน่ะชอบกันแล้ว แค่นี้ดูไม่ออกหรือไง เป็นแม่คนประสาอะไรฮึ ฝ่ายหญิงเขาก็ให้เกียรติเราขนาดนี้ เราเป็นฝ่ายชายถ้าไม่ทำอะไรที่เป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิงก็น่าเกลียดแย่ ทำไมเรื่องง่าย ๆ แค่นี้เธอถึงคิดไม่ออก”
ช่อม่วงดุน้องสาวออกมากลางวงข้าว แต่ด้วยความที่พูดเป็นภาษาไทยมาตั้งแต่ต้น อัลเบิร์ตจึงฟังไม่เข้าใจ แต่เห็นจากสีหน้าท่าทางของภรรยาสุดที่รัก ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังโดนอะไรอยู่
“ขอโทษนะครับพี่ช่อ ที่พูดกันมาตั้งแต่แรกผมฟังไม่เข้าใจหรอกนะ แต่ผมรู้สึกว่านางกำลังอึดอัด มีอะไรที่คนเป็นเจ้าของบ้านอย่างผมจะต้องรู้หรือเปล่า”
เสียงทุ้มของผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านอย่างแท้จริงทำเอาทุกคนเกรงใจ จึงกลับมาพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง
“ขอโทษทีนะคะคุณอัลเบิร์ต พอดีว่าพี่แค่อบรมน้องสาวนิดหน่อย ที่ไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง พอดีเด็กสองคนชอบกันเข้าให้แล้ว พี่เลยว่าจะจัดงานหมั้นให้เลย พ่อแม่ฝ่ายหญิงเองก็ยินดี แต่น้องสาวพี่นี่สิ กลับไม่รักษามารยาท”
“จริงหรือครับ นาง”
“เอ่อ ค่ะ นางขัดเรื่องที่จะจัดงานหมั้นค่ะ เพราะอยากให้ถามความเห็นของเด็กสองคนก่อน”
“อืม ผมเห็นด้วยนะ หนูพลอยกับคิริว เรื่องนี้มีความเห็นว่าไง พูดมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจใคร”
ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ทุกคนในบ้านนี้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน และสามารถตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ตามใจชอบ
“พลอยไม่มีปัญหาค่ะคุณลุง พลอยเองก็รู้สึกดีกับคิริว และคิดว่าเราเหมาะสมกันตามที่ผู้ใหญ่บอกค่ะ”
สาวสวยออกตัวก่อน ด้วยตั้งใจให้สุภาพบุรุษไม่กล้าหักหน้าเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะรู้จักคิริวน้อยเกินไป ในเมื่อพ่อเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นเต็มที่ เขาก็จะเต็มที่เหมือนกัน