บทที่ ๕ บทลงโทษของคนหนี(๒)

1276 คำ
“คุณเนยกินให้อร่อยนะครับ ผมขอตัวก่อน” หลังจากต้นกล้าเดินห่างออกไป หญิงสาวก็หันมาจัดการกับอาหารกลางวันที่เลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมง แม้อาหารจะอร่อยแค่ไหนแต่หญิงสาวกลับต้องฝืนกลืนลงคออย่างยากลำบาก เพราะในใจยังพะวงกับคำว่าหนี เธอต้องหาทางหนีให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอต้องไปจากที่นี่ ตกบ่ายของวันท้องฟ้าโปร่งสดใส หญิงสาวหันรีหันขวางด้วยสายตาหวาดหวั่น เธอกวาดสายตาสอดส่องบริเวณรอบบ้านไม้สักหลังใหญ่โต ไม่ว่าจะเป็นข้างหน้า ข้างหลัง ด้านซ้าย ด้านขวา น่าประหลาดเหลือเกินทุกอย่างเงียบกริบราวกับจะเป็นใจให้เธอหนี เนย์ญรินทร์วิ่งด้วยฝีเท้าแผ่วเบาไปคว้ากระเป๋าบนห้องพัก ก่อนจะวิ่งเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเอาไว้ติดกาย เมื่อทั่วบริเวณไร้ซึ่งผู้คนร่างเล็กก็ถลาไปในทิศทางหลังบ้านทันที “เราต้องหนีให้ได้ ต้องไปให้พ้นจากที่นี่...” ริมฝีปากเล็กเอื้อนเอ่ยกับตัวเองแผ่วเบา ก่อนจะก้าวเท้าไปตามแนวชายป่าด้านหลัง เชื่อว่าเธอต้องปลอดภัยจากคนของเจ้าหนี้ใจร้ายอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่ปลอดภัยแต่เธอขอเลือกเส้นทางในชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ขออยู่ให้ใครหน้าไหนลิขิตทั้งนั้น จบสิ้นกันเสียที บริเวณชายป่าผ่านพ้นมาจากบริเวณบ้านพักราวห้าร้อยเมตรเท่านั้น ต้นไม้สูงใหญ่เริ่มเบียดเสียดกันหนาแน่น หญิงสาวได้ยินเสียงร้องของสัตว์ป่าดังระงม ทว่ามันกลับไม่ได้ทำให้เธอนึกกลัวเลยสักนิด ฝีเท้าบางยังก้าวย่างไปข้างหน้าด้วยแววตามั่นคง หญิงสาวก้าวเข้าไปในป่าลึกเรื่อยๆ กิ่งไม้เริ่มขูดขีดไปตามแขนขานวลเนียนเมื่อความทึบของต้นไม้หนาแน่นมากเป็นเท่าตัว ร่างเล็กที่เดินอยู่ในป่านับชั่วโมงเต็มปาดเหงื่อที่ไหลซึมบริเวณหน้าผากนวลด้วยความเมื่อยล้า ความเจ็บแสบจากแผลเล็กๆ เริ่มลามเลียไปทั่วร่าง แต่มันคงไม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บมากพอที่จะถอยหลังกลับไป หญิงสาวทรุดลงนั่งบริเวณขอนไม้ใหญ่เมื่อทิศทางที่จะเดินไปมันเริ่มทำให้หัวใจดวงเล็กๆ หวั่นกลัวขึ้นมาอีกครั้ง “แม่ขา... ช่วยเนยด้วย” หญิงสาวร้องขออยู่ภายในใจเมื่อความหวั่นกลัวเริ่มเข้ามาครอบคลุม เธอไม่รอบคอบเองไม่รู้ทิศทาง หนำซ้ำยังไม่ได้ตระเตรียมอะไรเลยสักนิด แสงสว่างอย่างเช่นไฟฉายก็ไม่มีติดกายมาเลยแม้แต่กระบอกเดียว เนย์ญรินทร์กวาดสายตามองรอบตัวด้วยแววตาหวาดหวั่น ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกกลัวที่จะเข้ามาเผชิญอันตรายในป่านี้เพียงลำพัง ทว่า... เธอก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับคนใจร้ายอย่างเพลิงอินทรีเช่นกัน “เธอต้องทำได้สิเนย” หญิงสาวบอกกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะพยุงร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแดงฝ่าพงไพรใบหญ้าที่รกทึบ ก้าวเท้าไปข้างหน้าราวกับไม่หวั่นเกรงอันตราย แสงสว่างที่ส่องนำทางตกบ่ายคล้อยลงไปทุกที มือเล็กปาดเหงื่อของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธออยากพบแสงสว่างในชีวิตข้างหน้าเหลือเกิน บริเวณไม่ไกลนักชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเดินวนไปวนมาราวกับจับสั่น แววตาของพยัคฆ์ขาวมองไปบริเวณชายป่าด้วยความหวาดหวั่น ใช่ เขาไม่ได้กลัวพิษสงร้ายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองหรือกับใครทั้งนั้น แต่เขากลัวความร้ายกาจของเจ้านายหนุ่มผู้เลือดเย็นอย่างเพลิงอินทรีต่างหาก ถ้าพบว่าหญิงสาวที่หิ้วเข้าบ้านมาบินหนีออกจากกรงโดยไม่ได้บอกกล่าวแม้แต่คำเดียว ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงเต็ม เขาเป็นคนรายงานให้เจ้านายหนุ่มทราบ ว่าลูกกวางสาวแสนสวยกำลังหนีออกจากบ้านพัก เธอมุ่งหน้าเข้าป่ารกทึบ ทีแรกเขาก็นึกว่าเจ้านายหนุ่มจะระดมพลให้ไปจับหญิงสาวกลับมา แต่ว่า... เขาคิดผิดเมื่อเสียงของเจ้านายดังขึ้น “ปล่อยหล่อนไป ให้หล่อนหนี ฉันอยากจะรู้นักน้ำหน้าอย่างหล่อนจะหนีไปไกลสักกี่น้ำ” น้ำเสียงของเจ้านายสร้างความรู้สึกสยดสยองให้กัดกินหัวใจ เท่าที่เขาส่งลูกน้องให้ไล่ตามหญิงสาวไปก็พบว่าเธอลำบากไม่น้อย อาหารเครื่องดื่มที่ติดตัวไปก็คงไม่มากพอที่จะให้เธออาศัยอยู่ได้เกินข้ามวันหรอก พยัคฆ์ดำส่ายหน้าไปมากับการกระทำที่โง่เขลาของผู้หญิงคนหนึ่ง ‘คุณเนยไม่น่าทำอย่างนี้เลย’ ขาวคิดในใจแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงเข้มๆ ดังขึ้น “เอ็งจะเดินไปเดินมาอีกนานไหมวะ ไอ้ขาว” เสียงญาติผู้พี่ดังขึ้นไม่ไกล “ทำไมนายไม่ให้เราไปพาตัวคุณผู้หญิงกลับมาล่ะพี่ดำ” ขาวถามขึ้น ตัวเขาเองไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายหนุ่มนัก แต่ว่า... เขาก็ไม่อยากเห็นหญิงสาวที่เจ้านายอาจจะรักในอนาคตต้องเป็นอะไรไป “รอดูเถอะขาว เอ็งอย่าคิดมากเลยเจ้านายคงมีเหตุผล” ญาติผู้พี่ตบไหล่หนาเบาๆ สองสามที ก่อนจะได้ยินเสียงเป่าปากเป็นสัญญาณว่าหัวหน้าหน่วยได้เข้ามาในบริเวณที่พวกเขาทั้งสองคนหลบซ่อน ดำผิวปากสามครั้งเป็นการส่งสัญญาณ ไม่กี่นาทีต่อมาต้นกล้าก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าถมึงทึง “สวัสดี ลูกพี่” สองหนุ่มพยัคฆ์ขาวและพยัคฆ์ดำทำความเคารพต้นกล้า หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์มือขวาของเจ้านายหนุ่มอย่างเพลิงอินทรี ทว่า... ต้นกล้ากลับทำหน้าเครียดขรึม ซึ่งคงเป็นเรื่องเดียวกับที่ทำให้พยัคฆ์ขาวนั่งไม่ติดอยู่ในเวลานี้ “สวัสดี พวกนายสองคนได้ข่าวอะไรบ้าง?” ต้นกล้าถามเสียงเครียด “คุณผู้หญิงเธอเริ่มเข้าไปในป่าที่รกทึบขึ้นแล้วนะครับ และอีกอย่างคนของเราบอกว่าเธออาจจะหลงป่า หนำซ้ำอาหารและเครื่องดื่มก็กำลังใกล้จะหมด” ขาวรายงานเสียงเข้ม “คุณไฟ เขาสั่งอะไรรึเปล่าครับลูกพี่” ขาวถามไม่หยุด ในใจห่วงหญิงสาวที่หลงเข้าไปในป่าอย่างประหลาด แต่ชายหนุ่มยังบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเขาคงไม่รู้สึกอะไรกับผู้หญิงของเจ้านาย “เจ้านายบอกว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยไปเอาตัวเธอออกมา” ต้นกล้าบอกเสียงขรึม นี่คือคำสั่งที่ทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน คุณเพลิงอินทรีช่างใจร้ายเหลือเกิน จะปล่อยให้คุณเนยอยู่ในป่าข้ามวันข้ามคืนเชียวหรือ เธอจะอยู่ในนั้นได้อย่างไร ไหนจะเสียงสัตว์ป่าที่ร้องกันดังระงม พวกนั้นหิวโหยกันทั้งสิ้น อันตรายรอบด้านเลยด้วยซ้ำไป รวมทั้งสภาพอากาศยามค่ำคืนที่แสนจะหนาวเหน็บแทบขาดใจ คุณเนย์ญรินทร์จะทนได้หรือ “ผมว่า... เราควรจะช่วยเธอ” ขาวเอ่ยบอกแผ่วเบา “ไม่มีใครกล้าช่วยเธอหรอก เราทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากทำตามคำสั่ง” เสียงดำดังขึ้นหลังจากเงียบอยู่นานปล่อยให้ญาติผู้น้องแถลงความนึกคิดเพียงลำพัง ก็รู้ๆ กันอยู่คำสั่งจากเพลิงอินทรีถือเป็นประกาศิต ห้ามคัดค้านมีแต่ต้องทำตามด้วยชีวิต “แต่...” ขาวทำท่าจะคัดค้าน “นายอยู่เฉยๆ เถอะขาว เรื่องนั้นฉันจะจัดการเอง” ต้นกล้าเอ่ยเสียงเครียด ก่อนขายาวๆ จะก้าวออกไปจากที่หลบซ่อน ส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ติดตามหญิงสาวไปห่างๆ คุ้มครองเธอให้ปลอดภัยจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม