ซีรีส์ เมียของเสือ
เรื่อง ทวงบัลลังก์เมีย
ตอนที่ 3 ข้าวแกงชื่อนี้มีแต่คนรังเกียจ
ข้าวแกง กานต์รวี อินดารัน อายุ 24 ปี ผู้หญิงหน้าตาน่ารัก อวบอ้วนเจ้าเนื้อ อารมณ์ดีมีความสุขในชีวิตมองโลกในแง่ดี ยิ้มเก่ง น่ารักสดใส ใครอยู่ใกล้ก็ต่างหลงรักในความสดใสของข้าวแกง…
ข้าวเองเรียนอยู่มัธยมปีที่ 6 ที่ใกล้จะเรียนจบแล้ว ข้าวแกงไม่มีเพื่อนในโรงเรียนทุกคนต่างไม่ชอบผู้หญิงอวบอ้วนต่างพารังเกียจคนอ้วนอย่างข้าวแกง ชีวิตในโรงเรียนจึงแค่ไปเรียนหนังสือไม่มีมิตรภาพในโรงเรียน…
ข้าวแกงเป็นเด็กขยันรับทำงานทุกอย่าง แต่ติดที่ว่าตนอวบอ้วนเจ้าเนื้อเจ้าของงานจึงไม่ค่อยอยากรับคนอ้วนเข้าทำงาน แต่ร้านเหล้าปั่นที่เจ้าของงานใจดีรับข้าวแกงเข้าทำงานด้วยความเอ็นดู จากงานล้างจานในร้านเหล้าปั่นกึ่งผับ ที่ไม่ได้มีแค่เหล้าอาหารกับแกล้มอื่นก็มีพร้อมเสิร์ฟ ด้วยพนักงานที่ขาดข้าวแกงจึงต้องออกมาช่วยเป็นพนักงานเสิร์ฟชั่วคราว…
ข้าวแกงเป็นเด็กสาวที่โตมากับยายที่เปรียบเสมือนผู้ให้กำเนิด ไม่เคยหน้าผู้เป็นพ่อแม่แท้ๆและไม่เคยเอ่นถามผู้เป็นยายให้แคลงใจ มีความสุขที่ได้อยู่กับผู้เป็นยายแม้จะมีครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ผู้เป็นยายมีสวนผักข้างบ้านที่ปลูกผักไว้ขายไปวันๆ ข้าวแกงช่วยผู้เป็นยายทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนและเลี้ยงดูผู้เป็นยายเองอย่างเต็มใจ…
“ ยายจ๋า วันนี้แกงมีก๋วยเตี๋ยวร้อนๆมาฝากยายด้วยจ้ะ ” เลิกเรียนก็จะกลับบ้านพร้อมของกินในมือแบบนี้เช่นทุกวัน
“ เอ็งทำงานเหนื่อยบ้างไหมล่ะลูก ”
“ ไม่เหนื่อยเลยจ้ะ แกงอ้วนแข็งแรงมาก ”
“ อ้วนตรงไหน แบบนี้เขาเรียกกำลังน่ารัก ” ผู้เป็นยายเอ่ยพร้อมลูบหัวหลานด้วยความรัก
“ ใครไม่รักอ้วนอย่างแกง มียายรักคนเดียวก็พอแล้วจ้ะ ” ข้าวแกงนอนหนุนตักผู้เป็นยายด้วยความออดอ้วนอย่างมีความสุข
เมื่อร้านเหล้าปั่นปิด ข้าวแกงจะมีงานเสริมคือช่วยขายของที่ตลาดนัดที่เป็นร้านขายขนมที่เจ้าของร้านนิสัยดีได้จ้างวานให้มาช่วยขายของ บ่ายๆข้าวแกงกำลังจะกลับบ้าน
“ ข้าวแกง…ไปเป็นเพื่อนพี่ร้านสักที่หลังมหาลัยหน่อยสิ ” ลูกสาวเจ้าของร้านนิสัยมิตรไมตรีเอ่ยทักข้าวแกงขึ้น
“ …………. ”
“ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น เอาเป็นว่าพี่จ้างให้ข้าวแกงไปเป็นเพื่อน โอเคไหม ? ”
“ แต่… ”
“ ไม่มีแต่แล้ว ” ข้าวแกงถูกลากขึ้นรถมาอย่างขัดไม่ได้
ร้านสักเล็กๆแต่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีเด็กวัยรุ่นนักอยู่ในร้านหลายต่อหลายคนที่รอคิวสัก ข้าวแกงดูลายสักที่ติดไว้ในตัวร้าน
“ อยากสักไหม ? ”
“ ไม่ค่ะ ”
“ ถ้าข้าวแกงอยากสัก พี่จ่ายให้เอง ”
“ มันแพงไปค่ะ ”
“ งั้นเอางี้ถ้าข้าวแกงอยากสักพี่จะจ่ายเป็นค่าที่มาเป็นเพื่อนเพิ่มให้อีกคูณ 2 เป็นหนึ่งพันบาทเลย โปรโมชั่นสุดพิเศษเลยนะ สนใจรึเปล่า ”
“ …………… ”
สุดท้ายด้วยลายสักที่ดึงดูดบวกกับเงินที่หอมกรุ่นทำให้ข้าวแกงต้องเป็นหนึ่งในคนขึ้นเตียงสักลาย แยกห้องกับรุ่นพี่เมื่อได้คิวสัก ช่างที่ปิดหน้าปิดตามองข้าวแกงแปลกๆ
“ สักตรงไหน ? ”
“ หัวไหล่ค่ะ ” ข้าวแกงเอ่ยพร้อมหยิบลายสักที่ชอบให้กับช่างก่อนจะนอนลงไป
“ มากับใคร ? ”
“ คะ…มากับรุ่นพี่ค่ะ ” ข้าวแกงตกใจที่อยู่ๆช่างก็เอ่ยถามขึ้นมาขณะสัก
“ มีแฟนรึยัง ? ”
“ ไม่มีใครอย่ายุ่งกับคนอ้วนหรอกค่ะ ”
“ ………….. ” ช่างหยุดสัก มองหน้าข้าวแกงแต่ข้าวแกงกวาดสายตามองไปเรื่อยไม่ได้สนใจคนที่สนทนาด้วย
“ เจ็บรึเปล่า ? ”
“ ไม่ค่ะ ”
“ คนอื่นเขาร้องแทบตาย ”
“ แกงอ้วนมั้งคะ เลยไม่เจ็บ ”
“ …………….. ” คำพูดของข้าวแกงทำเอาช่างสักถึงกับชะงักมือมองหน้า แต่เด็กอ้วนกลับไม่ได้สนใจในสิ่งที่เอ่ยออกมา
ช่างสักเร่งเครื่องสักทำงานไปเรื่อยๆลงบนผิวขาวๆของเด็กอ้วน แต่เมื่อหันไปมองอีกทีเด็กอ้วนกลับหลับสนิทไปแล้ว เข็มของเครื่องสักไม่อาจทำให้ข้าวแกงเจ็บปวดได้เลย เมื่อสักเสร็จเก็บเครื่องไม้เครื่องมือแต่เด็กอ้วนกลับหลับสนิท จึงต้องปลุก
“ ข้าวแกง…ข้าวแกง ”
“ อือค่ะ…เสร็จแล้วเหรอคะ ”
“ อืม…มึงจะหลับไปถึงไหน ”
“ พี่สักมือนิ่ม แกงเลยเผลอหลับไปง่ายๆค่ะ ”
“ นิ่งเป็นหลับสิไม่ว่า ”
“ แต่เอ๊ะ…เมื่อกี้พี่ช่างเรียกชื่อแกงถูก รู้จักแกงด้วยเหรอคะ ” ช่างสักดึงผ้าปิดปากของตัวเองออก เปิดเผยใบหน้าที่ซ่อนอยู่ให้ข้าวแกงได้พบเห็น
“ ชัดรึยัง ”
“ พี่นักศึกษาคนนั้นหนิ แต่ชื่ออะไรแล้วนะ ”
“ กูชื่อไทน์ ”
“ แกงไม่ได้จำชื่อด้วย ”
“ คืนนี้มึงไปทำงานร้านเหล้าปั่นรึเปล่า ? ”
“ ถามทำไมคะ ? ”
“ กูจะได้ไปเจอมึงไง ”
“ เจอแกง เจอทำไมคะ ? ”
“ ก็… ” ไทน์ถึงกับกระอึกกระอักพูดไม่ออก เมื่อข้าวแกงจี้ถามระยะประชิดแบบนี้
“ พี่ท่าจะไม่ปกตินะคะ เซ้าซี้ถามแกงอยู่ได้ คนรู้จักก็ไม่ใช่ ”
“ เราต้องเจอกันอีกยาวๆ”
“ ไม่อยากเจอค่ะ ”
“ ……………. ”
ข้าวแกงจะเดินออกไปพร้อมกับทิ้งคำพูดให้ไทน์หน้าชาๆที่ยังคิดไม่ออก ไม่เคยโดนผู้หญิงตอกใส่หน้าพูดแรงแบบนี้
ข้าวแกงออกจากห้องสักไปหารุ่นพี่ที่นั่งรออยู่ก่อนจะพาข้าวแกงไปส่งบ้าน…ชีวิตของข้าวแกงดำเนินไปด้วยความสุขในรูปแบบของเด็กอ้วนกับยาย แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตกำลังเจอจุดเปลี่ยน เมื่อผู้ชายที่ชื่อไทน์เริ่มเข้ามาในชีวิต…
“ ข้าวแกง ”
เสียงเรียกขานชื่อของตนจากชายหนุ่มนักศึกษาหน้าตาหล่อเหลาทำข้าวแกงหยุดชะงัก เมื่อตนกำลังจะออกจากร้านเหล้าปั่นเพื่อจะกลับบ้าน
“ จะกลับแล้วเหรอ ? ”
“ ค่ะ ”
“ ไปดิ กูไปส่ง ? ”
“ พี่มาถามแกงบ่อย มาทำดีกับแกงเพื่ออะไรเหรอคะ ” ข้าวแกงถามอย่างสงสัยที่หลายต่อหลายครั้งอย่างตรงไปตรงมาที่ชายหนุ่มคนนี้ยังคงมาวุ่นวายกับตนไม่เลิก
“ กูอยากรู้จักมึง ”
“ ไม่มีใครอยากรู้จักคนอ้วนหรอกค่ะ ”
“ …………….. ”
“ ขอตัวค่ะ ”
“ เดี๋ยวดิ ! ”
“ …………. ” ไทน์เดินไปดักหน้าข้าวแกงไว้ ขวางเพื่อไม่ให้ข้าวแกงเดินออกไปจากตรงนี้ได้
“ ฝนตกขนาดนี้ไม่มีวินแล้วหรอก…ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวกูไปส่ง ”
“ แกงไม่ไป ”
“ กูหวังดี กูอยากเป็นเพื่อนกับมึงนะ ”
“ ไม่มีใครอยากมีเพื่อนน่ารังเกียจแบบแกงหรอกค่ะ อย่ามายุ่งกับแกงให้พี่ดูน่ารังเกียจไปด้วยเลย คนอื่นจะหัวเราะเยาะพี่ได้นะคะ ”
“ …………… ” ชายหนุ่มมองข้าวแกงด้วยสายตาแปลกๆ
“ คราวนี้พี่คงจะเข้าใจแล้วนะคะ ขอตัวค่ะ ”
ข้าวแกงโค้งตัวให้ไทน์เล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่ทางออกของร้าน ชายหนุ่มไม่ลดละความพยายามวิ่งไปที่รถก่อนจะหยิบสิ่งที่ตรงการไปที่เด็กอ้วน พร้อมยื่นร่มที่อยู่ในมือให้
“ ให้แกงทำไมคะ ? ”
“ ก็มึงไม่ให้กูไปส่ง งั้นมึงก็เอาร่มไป ”
“ ……………. ”
“ รับไปเถอะน่า ” ชายหนุ่มยัดร่มใส่มือข้าวแกงเพื่อไม่ให้ปฏิเสธตนได้
“ ขอบคุณค่ะ ” ข้าวแกงยกมือไหว้ขอบคุณชายหนุ่ม ก่อนจะกางร่มเดินออกไป
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะไม่ปฏิเสธความหวังดีอาสาไปส่งของชายหนุ่ม แต่สำหรับข้าวแกงผู้หญิงที่เจียมตัวพึงประจักษ์กับตัวเองว่าตนอ้วนน่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย ตนจึงต้องเจียมตัวเองไว้เสมอ…
ณ ร้านเหล้าปั่นที่เด็กสาวอวบอ้วนไร้เดียงสาอย่างข้าวแกงทำงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคงเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างไทน์ที่มากับกลุ่มเพื่อนที่ร้านเหล้าปั่นแห่งนี้ที่จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การสังสรรค์ตามประสาวัยรุ่นแต่เป็นการมาเจอเด็กสาวอวบอ้วนอย่างข้าวแกง
“ มองจังนะไอ้ไทน์ ” กั๊กเอ่ยทักจุดประเด็นเมื่อการมาดื่มเหล้าสังสรรค์ทำไทน์เอาแต่ชะเง้อมองเด็กเสิร์ฟในร้าน
“ มึงยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องน้องข้าวแกงคนนั้นอีกเหรอว่ะ ” บลูเอ่ยเชิงตักเตือนเพื่อน
“ ไอ้บลู…มึงก็พูดไม่คิด ไอ้ไทน์มันไม่ยอมเสียหน้าให้น้องอ้วนคนนั้นหรอก ” กาวเอ่ยเหน็บไทน์
“ ผู้หญิงทุกคนมันไม่ได้นิสัยเหมือนกัน น้องเขาไม่ได้อะไรกับมึงจะวุ่นวายให้น้องเขาด่าทำไม สนทำไมเรื่องชื่อเสียง ” คิงส์เอ่ยเชิงตักเตือนไทน์อีกคน
“ กูไม่เคยแพ้ผู้หญิง กูไม่ยอมแพ้อีเด็กอ้วนนี่ง่ายๆหรอก ”
“ จริงจังไปไหมว่ะ ” บลูเอ่ยด้วยท่าทางของไทน์ที่จริงจังมาก
“ เออ…แค่ผู้หญิงไม่มอง มึงต้องตั้งใจขนาดนี้เลยเหรอว่ะ ” คิงส์เอ่ยอีกคน
“ ไอ้ไทน์มันไม่ยอมเสียชื่อพ่อเสือง่ายๆหรอก ”
“ คนอย่างมันผู้หญิงหยามไม่ได้ ” กั๊กกับกาวฝาแฝดเพื่อนร่วมคณะเอ่ยอย่างรู้จักนิสัยของไทน์ดี
“ พวกมึงกลับไปก่อน ไม่ต้องรอกู ”
ไทน์เอ่ยบอกเพื่อน เมื่อเห็นเด็กสาวข้าวแกงเดินสะพายกระเป๋าจะออกจากร้านเหล้าที่ร้านใกล้จะปิดก่อนจะลุกเดินตามข้าวแกงไป
“ น้องอ้วนจะกลับแล้วเหรอ ”
“ ให้พี่ไปส่งไหม พี่มีรถคันใหญ่นะ ”
“ ทำไมต้องคันใหญ่ว่ะ ”
“ ก็จะได้บรรทุกน้องอ้วนได้ไงว่ะ ”
“ ฮ่าๆๆ ”
เสียงของวัยรุ่นที่เอ่ยแซวข้าวแกงพร้อมดักทางไม่ให้ข้าวแกงเดินผ่านได้ ข้าวแกงก้มหน้าไม่กล้าสบตาใครและไม่แม้แต่จะเอ่ยปกป้องตัวเอง
ไทน์ที่ยืนมองอยู่ห่างๆเกิดปิ๊งไอเดียในหัวขึ้น ก่อนจะเข้าไปจับมือข้าวแกงกลางวงของวัยรุ่นที่ห้อมล้อมอยู่
“ พี่ไทน์ ! ”
ไทน์จูงมือข้าวแกงออกมาจากตรงนั้นพาไปที่ลานจอดรถของร้านเหล้า ก่อนจะปล่อยมือข้างแกงที่กำลังมองตนด้วยสายตาที่กำลังคิดวิเคราะห์
“ ขอบคุณที่ช่วยค่ะ ” ข้าวแกงยกมือไหว้ไทน์ด้วยความนอบน้อม
“ มึงติดหนี้บุญคุณกู ถ้ากูไม่ช่วยมึงออกมา มึงอาจจะโดนไอ้พวกนั้นรุมว่ามึงตนจึงร้องไห้ขี้มูกโป่งเสียใจไปแล้วก็ได้ ”
“ แกงมีเงินแค่หนึ่งพันบาท แกงให้พี่ค่ะ ”ข้าวแกงล้วงเงินในกระเป๋าที่มีส่งให้ไทน์แทนสินน้ำใจ
“ กูไม่อยากได้เงิน ”
“ พี่อยากได้อะไรคะ ? ” ข้าวแกงถามอย่างไร้เดียงสาที่ไม่รู้เลยว่ากำลังตกหลุมพรางของชายหนุ่มตรงหน้า
“ มึงต้องรับกูเป็นเพื่อนสนิท ”
“ ………… ”
“ มึงไม่รับกูได้นะ กูจะได้ไปตามไอ้วัยรุ่นกลุ่มนั้นให้มาด่าว่ามึง บางทีพวกมันอาจจะหน้ามืดบ้ากามขึ้นมาก็ได้นะ ใครจะไปรู้ ” ไทน์เอ่ยอย่างมีชั้นเชิงพ่อเสือร้าย ทำให้เด็กสาวตรงหน้าเปล่งสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีออกมา
“ แกงเป็นเพื่อนกับพี่ไทน์ก็ได้ค่ะ ”
“ ดี…งั้นไปขึ้นรถ กูจะไปส่งบ้าน ”
“ ……….. ”
“ เป็นเพื่อนกันแล้วงงทำไม ? ”
“ แกงไม่รู้ค่ะ แกงไม่เคยเพื่อน ” ประโยคนี้ทำไมแอบตกใจที่ได้ยิน ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินนำไปที่รถของตน
“ ทำไมพี่ไทน์ต้องอยากเป็นเพื่อนกับแกงด้วยค่ะ ” เด็กสาวยังคงสงสัยในตัวของไทน์ เอ่ยถามขณะนั่งรถกลับบ้านของตน
“ ก็อยากเป็น ”
“ แกงอ้วน ไม่เคยมีใครอยากเป็นเพื่อนกับแกงแต่พี่ไทน์ ? ”
“ อ้วนแล้วไงไม่ใช่คนรึไง คนเราเป็นเพื่อนกันมันอยู่ที่รูปร่างเหรอ มันอยู่ที่นิสัยใจคอต่างหาก คนหุ่นดีผอมๆนิสัยแย่ก็ถมไป ”
“ ………… ” ข้าวแกงมองไทน์ด้วยแววตาที่เปล่งประกายที่กำลังหลงในน้ำคำ ทำให้ไทน์ที่มองด้วยหางตายิ้มมุมปากออกมาว่าเด็กสาวกำลังหลงกลตนเข้าแล้ว
“ อย่าไปสนคนที่ไม่น่าสน สนเพื่อนมึงอย่างกูดีกว่า กูเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ชายหรือมึงจะให้เป็นอย่างอื่นก็ได้นะ ”
“ เป็นอะไรเหรอคะ ? ”
“ เป็นแฟนไง ”
“ !!! ”
“ กูชอบผู้หญิงอ้วนเหมือนมึง แน่นๆเต็มไม้เต็มมือ มันน่ามันเขี้ยว ”
“ …………. ”
ข้าวแกงหน้าแดงออกมา เขินอายให้กับน้ำคำวาจาเป็นพิษของไทน์ ตนไม่เคยได้ยินกับคำพูดหวานๆที่หว่านล้อมตัวข้าวแกงไว้ให้ใจเต้นแรงแบบนี้ จนตนไม่กล้ามองหน้าไทน์
ไทน์เห็นแบบนั้นยิ่งได้ใจที่แผนของตนได้ผลเกินคาด ไทน์จึงต้องตอกย้ำให้เหยื่อตายใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ กูชอบมึงนะเด็กอ้วน ”
“ ………… ”
ไทน์ที่รู้จุดอ่อนของเหยื่อตรงหน้า ไม่พูดเปล่าลูบหัวข้าวแกงอย่างอ่อนโยน จนทำให้ข้าวแกงมองไทน์ด้วยแววตาอ่อนละมุน
“ ขอบคุณค่ะที่มาส่ง ”จากที่เงียบอยู่นานเมื่อถึงบ้านข้าวแกงลงจากรถยกมือไหว้ไทน์แต่ไม่กล้าสบตา
“ ฝันดีเด็กอ้วน ”
“ ………… ”
ไทน์มองตามหลังข้าวแกงที่เขินอายตนจนรีบวิ่งเข้าบ้านไป
ตนยิ้มออกมาอย่างเสือร้ายที่ภูมิใจในศักยภาพของตน ไทน์กวาดสายตามองไปที่บ้านของข้าวแกง บ้านหลังเล็กๆค่อนข้างจะยากจนด้วยซ้ำที่ไม่ได้สวยงามอะไร ไทน์ไม่ได้เอ็นดูหรือรู้สึกสงสารแต่อย่างใด แต่กลับคิดอะไรดีๆออก
“ กูไม่มีวันแพ้มึงหรอก…อีอ้วน ”
สายๆของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไทน์มาดักรอข้าวแกงและก็ได้เจอจริงๆเมื่อข้าวแกงเดินสะพายกระเป๋าเดินอยู่ริมถนนพร้อมหิ้วถุงข้าวของพะรุงพะรัง
“ ข้าวแกง ”
“ พี่ไทน์ มาทำธุระแถวนี้เหรอคะ ”
“ เปล่า…กูมาหามึง ”
“ ……....… ”
“ นั่นมึงจะไปไหน ? ”
“ แกงซื้ิอของไปให้ยายที่วัดค่ะ ยายปฏิบัติธรรมอยู่ ”
“ ขึ้นมาสิ เดี๋ยวกูพาไป ”
ไทน์พาข้าวแกงมาที่วัด ตนชวนข้าวแกงพูดคุยแต่ดูเหมือนท่าทางข้าวแกงมีอาการเขินอายไม่ค่อยกล้าพูดกับไทน์ จนมาถึงวันไทน์รอข้าวแกงที่รถ ไม่นานข้าวแกงก็เดินกลับมาหาตน
“ มึงจะไปไหนต่อ ”
“ กลับบ้านค่ะ ”
“ แล้วมึงอยู่บ้านกับใคร ? ”
“ กับยายค่ะ ”
“ ยายมึงปฏิบัติธรรมอยู่หนิ มึงต้องอยู่คนเดียวสิ ”
“ ค่ะ…ยายปฏิบัติธรรมอาทิตย์นึง ” โชคเหมือนเข้าข้างไทน์ให้เดินแผนการได้อย่างสบายๆ
“ ไปอยู่กับกู ”
“ ไม่ไปค่ะ ”
“ มึงอยู่คนเดียว กูเป็นห่วง ”
“ ………… ”
“ ไม่ต้องกลัว กูพักคนเดียวมีห้องพักสองห้อง มึงไม่ต้องคิดมาก ”
“ แต่… ”
“ สมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน กูไม่อยากให้มึงเป็นอันตราย คนที่กูชอบกูเป็นห่วงเป็นพิเศษ ”
“ ………..…. ”
เมื่อเห็นท่าทางข้าวแกงปฏิเสธไม่โอนเอนหาตน ไทน์จึงใช้วิชาเสือร้ายเอ่ยพร้อมลูบหัวจ้องตาข้าวแกงเพื่อสื่อความรู้สึกให้ข้าวแกงหลงเชื่อและคล้อยตามตนให้ได้ ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากของข้าวแกงเบาๆ
“ ไปอยู่กับกู กูสัญญาจะดูแลมึงดั่งเจ้าหญิง ”
“ ค่ะ ”
ในที่สุดเด็กสาวไร้เดียงสาก็หลงในคารมของพ่อเสือร้ายที่มองแค่โอกาสที่จะขย้ำเหยื่อเพื่อให้ได้มาดั่งชื่อเสียงอันเลื่องลือของตนเท่านั้น…