จับรักพยัคฆา ๗

1906 คำ
“มึงเซี่ยกูเถาะขนม บักจอห์นหนิมันแม่นอีกหลีเด้” (เมื่อเชื่อกูเถอะขนมไอ้จอห์นเนี้ยมันแม่นจริงๆ นะ) ปลาส้มเอ่ยขณะปั่นจักรยานไปด้วย ขนมที่ซ้อนท้ายได้แต่กลอกตามองบน ดูก็รู้ว่าหมอเก๊ ทำไมปลาส้มมันไปหลงเชื่อได้ “จ้า กูสิพยายามเซี่ยแล้วกัน” (จ้า กูจะพยายามเชื่อแล้วกัน) “ดี พยายามกะยังดี” (ดี พยายามก็ยังดี) เมื่อถึงบ้านของขนมทั้งสองก็ไปนั่งประจำเหมือนทุกวันนั่นคือโต๊ะม้าหินอ่อนข้างห้องครัว ในครัวมีกล้ากำลังทำอาหารอยู่กลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล “มึงเฮ็ดหยังกินนั่นกล้า” (มึงทำอะไรกินน่ะกล้า) ปลาส้มเอ่ยถามแทบจะทันทีที่ได้กลิ่นอาหาร กลิ่นแบบนี้ช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน คุ้นๆ ราวกับจะได้เอาสาโทมานั่งจิบเบาๆ “ต้มไก่ครับเอื้อยปลาส้ม” (ต้มไก่ครับพี่ปลาส้ม) “หอมแท้วะ มึงเอาไก่มาแต่ไส” (หอมจัง มึงเอาไก่มาจากไหน) ขนมเองก็รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที กล้าเป็นคนเก่งเรื่องทำอาหาร ฝีมือดีไม่ต่างจากป้านุ่มเลยสักนิด “อ้ายปาล์มเราเอามาให้ครับ บอกว่าอ้ายปลาส้มต้องมาเล่นนี่แท้ๆ ให้ผมต้มถ่าอ้ายปลาส้มครับ” (พี่ปาล์มแกเอามาให้ครับ บอกว่าพี่ปลาส้มต้องมาเล่นที่นี่แน่ๆ ให้ผมต้มรอพี่ปลาส้มครับ) กล้าบอกขณะใส่ต้นหอมผักชีลงไปพร้อมกับปิดแก๊ส “บักปาล์ม? มันยังบ่เซาตาบอดนำจีบมึงอีกอยู่ติ” (ไอ้ปาล์ม? มันยังไม่เลิกตาบอดตามจีบมึงอีกอยู่เหรอ) ขนมถึงกับอึ้งไปเลย เพราะเธอจำได้ว่าตอนพ่อส่งมานี่ครั้งสุดท้ายคือช่วงม.3 ปาล์มตามจีบปลาส้มตั้งแต่ตอนนั้น “ตาบอดไสคะเพื่อนสาว กูงามปานนี้ ถ้ามื้อใด๋กูมีผัวต้องเกิดเหตุน้ำตานองอำเภอแท้” (ตาบอดไหนคะเพื่อนสาว กูสวยขนาดนี้ ถ้าวันไหนกูมีผัวต้องเกิดเหตุน้ำตานองอำเภอแน่) ปลาส้มเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “มาแล้วครับ ฮ้อนๆ เลย” (มาแล้วครับ ร้อนๆ เลย) “หูยยย สาโทที่กูเอาไว้นี่มื้อนั่นเหลือบ่?” (หูยยย สาโทที่กูเอาไว้ที่นี่วันนั้นเหลือไหม) “นี่ครับพี่ปลาส้ม อยู่ในตู้เย็นตลอดบ่มีไผแตะ” (นี่ครับพี่ปลาส้ม อยู่ในตู้เย็นตลอดไม่มีใครแตะ) กล้าถือขวดที่บรรจุน้ำสีขาวยื่นให้อย่างรู้งานก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งพร้อมตักข้าวใส่จาน “กูขอแค่เหล้ากะพอข้าวบ่ต้อง” (กูขอแค่เหล้าก็พอ ข้าวไม่ต้อง) ปลาส้มเบรกกล้าที่กำลังตักข้าวให้เธอ “คาแต่กินเหล้าอยู่ฮั่น กูขอซดแกงก่อนล่ะนะ” (มัวแต่กินเหล้าอยู่นั่น กูขอซดแกงก่อนแล้วนะ) ว่าแล้วขนมก็หยิบช้อนขึ้นมาตักแล้วเป่า... “ทางนี้ค่ะๆ” ยังไม่ทันได้เอาเข้าปากก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากทางประตูรั้วหน้าบ้าน ขนมวางช้อนลงอย่างขัดใจก่อนจะเดินออกไปดู “แม่นหยังน้อบาดหนิ” (มีอะไรหนอคราวนี้) เมื่อเดินมาถึงประตูรั้วก็พบกับยายอายุราวๆ หกสิบกว่า ถัดไปคือไอ้ปาล์ม ถัดไปอีก... “เอ้า จ่าน้อยหวัดดีจ้า” ขนมยกมือสวัสดีจ่าน้อยทันที “ไผเป็นหยังน้อขนม” (ใครเป็นอะไรเหรอขนม?) ปลาส้มกับกล้าเองก็ออกมาดูสถานการณ์เหมือนกัน “ปลาส้ม!” เมื่อเห็นหน้าปลาส้ม ปาล์มที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณยายคนนั้นก็เบิกตากว้างรีบเข้าไปหาปลาส้มทันที ปลาส้มไม่ได้สนใจนักเธอมองผ่านปาล์มไปก็ยกมือไหว้จ่าน้อยแล้วเอ่ยถามคุณยายที่ยืนข้างกัน “มีเรื่องอิหยังน้อแม่ใหญ่สอน” (มีเรื่องอะไรเหรอคะ ยายสอน) ยายสอนคนนี้ตัวจี๊ดของหมู่บ้านเลย แค่เดินผ่านหน้าบ้านแกยังมีปัญหาได้ เป็นบุคคลที่ควรอยู่ห่างๆ มากที่สุด “บักปาล์ม มันลักไก่กูมาให้สูกินติ” (ไอ้ปาล์ม มันขโมยไก่กูมาให้พวกมึงกินเหรอ?) “ห๊า!!” ปลาส้มตะลึง “ปลาส้มมันบ่แม่นแบบนั้นเด้ เจ้าของอย่าเข้าใจเฮาผิด” (ปลาส้มมันไม่ใช่แบบนั้นนะ ตัวเองอย่าเข้าใจเขาผิด) ปาล์มรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน “อิหยังอีกน้อบาดหนิกู” (อะไรอีกน้อกู คราวนี้) ขนมกุมขมับรอแล้วตอนนี้ เธอมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องมันจะจบลงที่การเสียเงินอันมีค่ามหาศาลสำหรับเธอ “คือว่าเฮาสิเอาไก่ที่แม่เลี้ยงไว้อยู่บ้านมาให้เจ้าของ แล้วเฮาจำไก่ผิดโตมันดันกลายเป็นไก่แม่ใหญ่สอน” (คือว่าเราจะเอาไก่ที่แม่เลี้ยงไว้อยู่บ้านมาให้ตัวเอง แล้วเราจำไก่ผิดตัวมันดันกลายเป็นไก่ยายสอน) ปาล์มเอ่ยคอตกใบหน้าเศร้าสร้อยมองปลาส้มอย่างรู้สึกผิด “โอ้ยตาย มึงสิจีบสาวมึงกะบ่ลงทุนแหน่เนาะ ลักไก่แม่อยู่บ้านเสือกจำไก่ผิดอีก กูเบิ่ดคำสิเว้าแท้น้อ” (โอ้ยตาย มึงจะจีบสาวมึงก็ไม่ลงทุนหน่อยเนอะ ขโมยไก่แม่ที่บ้านเสือกจำไก่ผิดอีก กูหมดคำจะพูดจริงๆ) ขนมร่ายด่ายาวอย่างเหลืออด คนพึ่งโกงค่าอึ่งมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว นี่เงินก็จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าอื่นๆ เหลืออยู่แค่สองพัน... “สูพากันไปจัดการกันเอา แต่จ่ายค่าไก่มาให้กูก่อนตอนนี้ บ่งั้นกูจะแจ้งความให้สูไปนอนคุก” (พวกแกพากันไปจัดการกันเอง แต่จ่ายค่าไก่มาให้กูก่อนตอนนี้ ไม่งั้นกูจะแจ้งความให้พวกมึงไปนอนคุก) น้ำเสียงดุดันของยายสอนเอ่ยขึ้นด้วยความแข็งกร้าว “ปาล์มมึงจ่ายเลยมึงเป็นคนเอามา” (ปาล์มมึงจ่ายเลยมึงเป็นคนเอามา) ปลาส้มเอ่ย “เจ้าของ เฮาบ่มีตังค์แม่กะพึ่งสิออกจากโรงพยาบาล” (ตัวเอง เขาไม่มีตังค์แม่ก็พึ่งออกจากโรงพยาบาล) ปาล์มเอ่ยด้วยสีหน้าสลดดูแล้วอีกใจก็น่าสงสาร แต่ไม่ใช่สำหรับขนม! รู้ว่าแม่พึ่งออกจากโรงพยาบาลยังไม่มีเงินยังจะเอาไก่มาฝากสาวอีก “มันสิจักเท่าใด๋กันถึงสิบ่มีเงินปานนั้น” (มันจะสักเท่าไหร่กันถึงจะไม่มีเงินขนาดนั้น) ปลาส้มเริ่มขุ่นเคืองในใจ “หนึ่งพัน” ยายสอนเอ่ยคำขาด “แค่พันเดียว..” “ห๊ะ!!” ทั้งหมดตกใจพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ “เว้าอีกเที่ยดุ๊ยาย” (พูดอีกสักครั้งสิยาย) ปลาส้มยกนิ้วมาแคะหูเพื่อฟังอีกรอบ “หนึ่งพันจ่ายมา!!” “ป้าดยาย ไก่เจ้าเลี้ยงด้วยเม็ดข้าวทองคำบ่?” (โหยาย ไก่ยายเลี้ยงด้วยเมล็ดข้าวทองคำเหรอ) ขนมถึงกับปากสั่น เจอแล้วตัวแม่ตัวมัมแห่งการโก่งราคา ที่เธอต้องชิดซ้ายไปเลย “บ่รู้ล่ะ สูบ่จ่ายกะเตรียมตัวนอนคุกได้เลย” (ไม่รู้แหละ พวกแกไม่จ่ายก็เตรียมตัวนอนคุกได้เลย) “จ่าซ่อยเจรจากับยายเราให้แหน่ ไก่มันโลละ 80-90 เอง” (จ่าช่วยเจรจากับยายแกให้หน่อย ไก่มันโลละ 80-90 เอง) เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากจ่าน้อยที่ยืนข้างๆ อีกที จ่าน้อยที่ผ่านการแค้นเคืองโดยการถูกโก่งราคาอึ่งในครั้งนั้นมีหรือจะอยากช่วย กรรมตามสนองแล้วอิหล่าน้อย! “เรื่องนี้จ่ากะซ่อยหยังบ่ได้ดอก ซุมโตเอาไก่เพิ่นมาต้มเอง” (เรื่องนี้จ่าก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก พวกเธอเอาไก่เขามาต้มเอง) จ่าน้อยทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว “ยายงั้นกะครึ่งราคาเถาะ ถ้ายายบ่เอาพวกฉันนอนคุกกะได้” (ยายงั้นก็ครึ่งราคาเถอะ ถ้ายายไม่เอาพวกฉันนอนคุกก็ได้) ขนมทำท่าทางสบายๆ เพื่อแสดงให้ยายรู้ว่าเธอเอาจริง ยายสอนเริ่มชั่งน้ำหนักในใจก็พยักหน้ายอมเพราะความจริงเธอตั้งราคาสูงๆ ไว้เพื่อรองรับการต่อราคาอยู่แล้ว ห้าร้อยเป็นจำนวนที่เธอพอใจแต่แรก “ขนม ตั้งห้าร้อยเลยนะมึง” (ขนม ตั้งห้าร้อยเลยนะมึง) ปลาส้มไม่เห็นด้วย เห็นได้ชัดว่ายายสอนคนนี้ตั้งราคานี้ไว้ในใจอยู่แล้ว “ซ่างเถาะ ถือว่าฟาดเคราะห์” (ช่างเถอะ ถือว่าฟาดเคราะห์) กล่าวจบเธอก็ยื่นเงินให้ยายสอนจำนวนห้าร้อยตามที่เธอต้องการเพื่อจบปัญหา ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนใช้เงินพ่อเธอคงเอาเงินจ่ายไปตั้งแต่ได้ยินคำว่าหนึ่งพันแล้ว แต่ตอนนี้เธอเป็นเพียงคนจนๆ คนหนึ่งเพราะฉะนั้นแม้แต่บาทสองบาทก็มีค่า เมื่อได้รับเงินยายสอนก็พยักหน้าพึงพอใจก่อนจะบอกจ่าว่าขอกลับก่อน แต่ก่อนที่เธอจะกลับปลาส้มยังคงค้างคาใจไม่หาย… “ยายสอนยามย่างตำหนามเจ้าคือสิบ่ต้องหาเข็มบ่งให้ยากเนาะ” (ยายสอนเวลาเดินเหยียบหนาม ยายคงจะไม่ต้องหาเข็มบ่งให้ลำบากเนอะ) “เป็นหยังล่ะ” (ทำไมล่ะ?) “เอาหัวเจ้าบ่งแทน แหลมคั้ก” (เอาหัวยายบ่งแทน แหลมเกิน) หลังจากพูดเสร็จยายสอนก็หันขวับมาทันที นึกโมโหเด็กน้อยในใจ “กะไคแหน่กว่าหัวตู้ๆ แบบสูดอก ถืกป.4 แบบกูถือไพ่เหนือกว่า” (ก็ดีหน่อยกว่าหัวทู่ๆ แบบพวกแกหรอก ถูกป.4 แบบกูถือไพ่เหนือกว่า) “อุ๊ย แรงมาก” ปลาส้มเอามือกุมอกราวกับใจจะสลาย “อย่าไปย่างให้หนามตำเด้อสู เดี๋ยวบ่มีแนวบ่งสิหาว่ากูบ่เตือน” (อย่าไปหาเดินให้หนามตำนะพวกแก เดี๋ยวไม่มีที่บ่ง จะหาว่ากูไม่เตือน) พูดจบก็เดินจากไปอย่างผู้มีชัย ปลาส้มถึงกับจุกอกราวกับโดนเหยียบซ้ำแล้วให้รถมาช่วยเหยียบอีกครา “เอาแล้ว วุฒิปริญญาตรีกูถืกสั่งสอนด้วยวุฒิป.4 แม่ใหญ่สอนแล้ว” (เอาแล้ว วุฒิปริญญาตรีกูถูกสั่งสอนด้วยวุฒิป.4 ยายสอนแล้ว) “ไปขอค่าเทอมมหา’ลัยคืนซะมึง อยู่ดีบ่ว่าดีเด่ตีนหาเสี้ยน” (ไปขอค่าเทอมมหา’ลัยคืนซะมึง อยู่ดีไม่ว่าดี ยื่นเท้าหาเสี้ยน) ขนมส่ายหน้า “มีอะไรกันเหรอจ่า” เสียงทุ้มน่าเกรงขามดังมาจากด้านหลังสักพักก็เห็นคนโผล่มาตามเสียง ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนสีดำดูสบายๆ เดินสาวเท้ามายืนข้างจ่าน้อย ก่อนจะมองร่างเล็กชุดเอี๊ยมสีดำเสื้อสีขาวราวกันทั้งคู่ใส่ชุดคู่รักอะไรทำนองนั้น ขนมที่มองโทนเสื้อผ้าตัวเองก็ตกใจเช่นกันก่อนจะนึกวิธีหาเงินคืนได้ ปากเล็กยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปหาปลาส้มด้วยดวงตาแพรวพราว “ปลาส้มกูพ้อคนหารแล้ว” (ปลาส้มกูเจอคนหารแล้ว)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม