เมื่อหลายศตวรรษก่อน ณ...ปราสาทวลาดิเมียร์ซึ่งตั้งอยู่นอกเมือง
เสียงเอะอะโวยวายจากเจ้าของปราสาททำให้บรรดาสาวใช้และลูกน้องคนสนิทต่างพากันก้มหน้า หลบสายตาวาวโรจน์จากผู้เป็นนายเหนือหัวด้วยความหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสีหน้าน่ากลัวทว่าแฝงความอำมหิตเอาไว้ของชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ อลูคัส วลาดิเมียร์ ราชาแวมไพร์รุ่นที่สอง
“พวกเจ้าตอบข้ามาได้หรือยังว่าอิสเบลล่าหายไปไหน”
“ไม่ทราบเจ้าคะท่านอลูคัส ท่านหญิงสั่งให้ข้าไปเอาหนังสือที่ห้องนั่งเล่นมาให้ พอข้าน้อยกลับมาอีกทีท่านหญิงก็ไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านหญิงอิสเบลล่าหายไปไหน ในเมื่อนางถูกสั่งให้ไปเอาหนังที่ห้องสมุด ท่านหญิงก็เหลือเกินจริงๆ ชอบทำให้นางกับสาวใช้ต้องลำบากอยู่เสมอ ครั้งก่อนก็ออกไปเดินเล่นนอกปราสาทโดยไม่บอกนางสักคำ อีกทั้งยังไม่ยอมพาใครติดตามไปคุ้มครอง โชคดีที่กลับมาอย่างปลอดภัย ทว่านางกับแวมไพร์หนุ่มอีกสองตนกลับถูกลงโทษเพราะดูแลท่านหญิงไม่ได้
“ในปราสาทมีเจ้าตนเดียวหรือไงโซฟีที่คอยรับใช้คู่ชีวิตของข้า”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
แวมไพร์สาวทั้งสี่ตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาคามิล่า”
“ท่านหญิงอยากอยู่เพียงลำพัง ก็เลยสั่งให้ข้าไปเตรียมของที่ท่านหญิงอยากได้มาเจ้าค่ะ”
“นางอยากได้อะไร”
“เอ่อ...”
“ตอบข้ามาคามิล่า” อลูคัสมองสาวใช้อย่างคาดคั้น อิสเบลล่าต้องการอะไรเหตุใดถึงไม่ยอมบอกเขา สั่งให้ผู้อื่นไปทำแทนแล้วจะได้สิ่งที่ต้องการมาหรืออย่างไร แวมไพร์หนุ่มรู้สึกไม่พอใจกับความเอาแต่ใจของคู่ชีวิต แม้นางจะเรียบร้อยอ่อนหวาน ทว่ากลับดื้อรั้น เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจเช่นกัน
ในขณะที่แวมไพร์ทุกตนภายในปราสาทวลาดิเมียร์กำลังหวาดกลัวกับความพิโรธของผู้เป็นนายเหนือหัว หากแต่ตัวต้นเหตุของความวุ่นวายกำลังนั่งชมพระอาทิตย์ตกอยู่ตรงชายป่าด้านหลังปราสาท ดวงตาคู่งามจ้องมองพระอาทิตย์ที่เริ่มปรับแสงที่เคยสว่างให้เบาบางลง พระอาทิตย์ดวงกลมโตเริ่มเคลื่อนมุดลงตรงปลายเทือกเขาอย่างเชื่องช้า ก่อนที่พระจันทร์ดวงโตเริ่มปรากฏขึ้นมาแทนเจ้าของแสงสว่างเจิดจ้าที่สร้างความหนักใจให้แก่เผ่าพันธุ์ของนาง
พระจันทร์เริ่มฉายแสงสีเหลืองนวลสบายตา ประดับประดาด้วยกลุ่มดาวน้อยใหญ่ กระจายกระจายอยู่บนฟากฟ้า รอยยิ้มอ่อนหวานแต้มมุมปากอิ่ม ยามแหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า แวมไพร์อย่างพวกนางไม่สามารถต้อนรับแสงสว่างได้มากนัก มีเพียงสายเลือดแท้เท่านั้นที่เดินท่ามกลางแสงสว่างที่เจิดจ้านั่นได้ โชคดีที่นางก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ทว่าก็ไม่สามารถออกเดินเล่นยามเที่ยงวันได้ เพราะแสงแดดมันร้อนแรงจนร่างกายทนรับสภาพไม่ไหว แสงแดดอ่อนยามเช้า ช่วงนี้เท่านั้นที่นางสัมผัสและมานั่งชื่นชมความงามของแสงสว่างที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ทั้งวัน
“สวยมากเลยใช่ไหมพลูจัง”
อิสเบลล่าก้มมาถามสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักแล้วแหงนหน้าขึ้นไปชื่นชมความงามของแสงอาทิตย์ยามเย็นอย่างมีความสุข มีสัตว์เลี้ยงตัวน้อยนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ข้างกาย ทว่านางไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่นางมีโอกาสได้สัมผัสสิ่งที่นางเคยใฝ่ฝันมาตลอดหลายศตวรรษ
ไม่ไกลจากที่อิสเบลล่านั่งชมพระอาทิตย์ตกมากนัก มีชายหนุ่มรูปร่างสูงยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ สายตาจับจ้องไปยังร่างระหงที่แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยความชิงชัง เพราะนางทุกอย่างถึงเป็นเช่นนี้ หากไม่มีนางความรักของเขาคงสมหวังและมีความสุขไปแล้ว
“ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้ามีความสุขเด็ดขาดอิสเบลล่า”
เสียงพึมพำที่หลุดออกมาปาก บอกถึงความเกลียดชังในตัวของอิสเบลล่าอย่างชัดเจน จากนั้นชายที่หลบซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็หายตัวจากไปอย่างเงียบเชียบ
ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าคมกลับดูน่ากลัวยิ่งนัก ในบรรดาแวมไพร์ที่ใกล้ชิดกับราชาแวมไพร์ มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีหน้าตาคล้ายสตรี อีกทั้งรูปร่างก็ไม่ได้สูงใหญ่อย่างที่แวมไพร์ส่วนใหญ่เป็นกัน
อิสเบลล่าตวัดสายตาหันมามองด้านหลังด้วยความระแวง เมื่อกี้นางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงของอมนุษย์ ทว่าพอหันไปมองก็ไม่พบเจ้าของจิตสังหาร ใบหน้างดงามเบ้เล็กน้อย คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน สายตาคู่งามกวาดมองไปรอบๆ ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นยืน
“กลับปราสาทดีกว่า บรรยากาศไม่ค่อยดีเสียแล้ว”
ที่จริงแถวนี้เป็นอาณาเขตของปราสาทวลาดิเมียร์ ไม่น่าจะมีผู้บุกรุกเข้ามาได้ ทว่าจิตสังหารที่รุนแรงเมื่อกี้ทำให้นางรู้สึกไม่ปลอดภัย
“ไปกันเถอะพลูจัง ป่านนี้อลูคัสคงกลับมาจากสภาแวมไพร์แล้ว”
“เมี้ยว”
เจ้าพลูน้อยร้องบอกแล้วขยับตัวลุกขึ้นยืนก่อนกระโดดขึ้นบนหัวไหล่ของเจ้านายสาว
อิสเบลล่ายิ้มให้เจ้าแมวน้อยพันธุ์ขนยาวตัวหนึ่ง นางไม่รู้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าแมวน่ารักตัวนี้เป็นแมวสายพันธุ์อะไร หากจำไม่ผิดเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางตัวนี้ถูกนำมาจากดินแดนแถบเปอร์เซียร์(Persian) ซึ่งอลูคัสนำมาเป็นของกำนัลให้เธอเมื่อหลายปีก่อน
นางเดินลงมาจากโขดหินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักหยุดเดิน สายตาแหงนมองเจ้าร่างสูงใหญ่ที่กระโดดมาขวางทางเดิน ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเมื่อเห็นชุดและอาวุธที่ชายผู้นั้นถืออยู่
“นักล่าแวมไพร์”
“ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบเสียทีอิสเบลล่า”
“เจ้าเป็นใคร แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าคืออิสเบลล่า”
“ดูให้ดีสิอิสเบลล่าว่าข้าหน้าตาเหมือนใคร”
ชายหนุ่มย้อนถามอย่างโกรธแค้น เพราะนาง! ครอบครัวเขาถึงได้สูญเสียน้องชายเพียงคนเดียวไป หากไม่มีนาง...บิดามารดาก็คงไม่เป็นทุกข์กับการจากไปของกาเบรียล
/////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...