ห้าโมงเย็นญรินดาเข้าห้องแต่งตัว สายตาหลายคู่จ้องมองมา เจ๊นกยูงนำชุดมาให้ แล้วตวัดสายตามองเด็กคนอื่นด้วยความไม่พอใจ ญรินดาสบตากับคนเข้ามาใหม่ นั่นคือเพื่อนของเธอเอง นาริสามีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย เดินมาหยิบชุดตัวเอง แล้วจัดการเปลี่ยน
“นี่ชุดของรินนะ”
เธอรับมาแล้วมองมัน บิกินี่สองชิ้นสีม่วงเข้ม โชคดีที่มีกางเกงยีนส์ขาสั้นใส่ปิดด้านล่าง แต่ด้านบนยังคงเป็นบิกินี่ผูกเชือกตรงช่วงคอ เจ๊นกยูงส่งชิ้นส่วนสำคัญให้อีกชิ้น
“นี่จ้ะ”
ญรินดารับมาสีหน้ามึนงง
“อะไรคะนี่”
“เอาไว้ปิดหัวนมไงล่ะจ๊ะหนู เดี๋ยวมันโผล่เสียราคา”
คนฟังหน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วรีบเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นาริสาเดินออกมาแต่งหน้าตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่นานเด็กนั่งดริงก์คนใหม่ก็ตามมา นาริสาเหลือบมองแล้วกัดฟันแน่น ด้วยความริษยา
ช่วงเอวคอดกิ่ว ผิวขาวเนียนละเอียด หน้าอกพอดีมือ เรียวขายาว พอใส่ชุดแบบนี้ยิ่งส่งให้ดูเซกซี่สะดุดตา ไม่ได้ดูโป๊สักนิดเดียว เรือนร่างแบบนี้เรียกความต้องการเพศตรงข้ามได้อย่างดี คงมีแต่คนเข้าหา ราคาคงสูงไม่น้อยเลย
“ตายแล้วหนูรินของเจ๊ สวยอะไรเบอร์นี้ล่ะลูก!” เจ๊นกยูกร้องดีใจ แล้วตรงเข้าไปดึงร่างงามมานั่งลงบนเก้าอี้เพื่อแต่งหน้า
“รู้สึกโล่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะเจ๊” ญรินดาบอก
“ก็แบบนี้แหละจ้ะหนู อีกหน่อยก็ชินไปเอง”
นาริสาเหลือบมองเพื่อน แล้วเหยียดยิ้ม
“รินจ๊ะ ทำไมถึงมาทำงานเป็นเด็กนั่งดริงก์ได้ล่ะ ไหนบอกว่าไม่มีวันทำงานแบบนี้” น้ำเสียงแกมเยาะเอ่ยออกมา
เธอเหลือบมองคนถาม แล้วยิ้มเยาะ
“อยากได้เงินน่ะสา เห็นว่าทำงานนี้ได้เงินดี”
“ตายล่ะ ยอมเอาตัวแลกเงินแล้วเหรอจ๊ะ”
“ก็ดีกว่าเอาตัวเข้าแลกแล้วไม่ได้เงิน ฉันว่าคงมีคนซื้อฉันเยอะนะ ถ้าฉันต้องการขายตัว เผลอๆ ราคาคงดีกว่าบางคนอีก!” แววตาญรินดาเหลือบมอง กระตุกมุมปากเหมือนเย้ย
นาริสากัดฟันแน่น เก็บความคับแค้นไว้ภายใน หลังจากสงบศึกรักคืนนั้นไปแล้ว กวินทรก็ไม่เคยติดต่อมา เขาเงียบหายและที่สำคัญแววตาในวันจากลาช่างเย็นชาราวกับเธอไม่มีค่าอะไรให้หวนนึกถึงแม้แต่น้อย
“แต่อย่างน้อย ฉันก็ได้ผัวเป็นวิศวกรล่ะนะ เนี่ย... เมื่อเช้า เขายังนอนไม่ลุกอยู่เลย” พูดจบหัวเราะคิดออกมา
ญริดานิ่งเงียบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เยาะเย้ยถากถางเธอก็ช่าง อยากทำอะไรก็เชิญ สมสู่กันให้พอ สารเลวทั้งคู่
“ก็ดีแล้วนิสา ที่เธอได้อย่างที่ต้องการ แต่เธอเชื่อไหมสา...” เธอยิ้มเย็น “อีกไม่นานเขาก็ทิ้งเธอ เพราะคนอย่างเขาคงหาผู้หญิงมีอนาคตมาไว้เป็นคู่ชีวิต ถ้าอย่างเธอคงได้แค่คู่นอนแก้เงี่ย...” ญรินดาไม่พูดต่อ แค่เลิ่กคิ้วแล้วหันมองตัวเองหน้ากระจกต่อ
เจ๊นกยูงฟังบทสนทนาสองคนแล้วสับสน เคยเป็นเพื่อนสนิทกันทำไมถึงแสดงท่าทีราวกับศัตรูแบบนี้
“อีริน!” นาริสาตะโกนลั่น แล้วง้างมือหมายจะตบ
ญรินดาลุกขึ้นจ้องมองแววตาวาวโรจน์ เจ๊นกยูกรีบโบกมือไม้
“อย่าเชียวนะนังสา ถ้าแกตบรินแกโดนเจ๊ราตรีตบ เลือดกลบปากแน่ ไม่รู้หรือไงว่ารินเป็นเด็กใคร!”
คนถูกเข้าข้างเชิดหน้าท้าทาย นาริสาได้แต่เก็บความเดือดดาลไว้ลดมือลงกระแทกก้นลงนั่งตามเดิม