-บทนำ-
นางฟ้าสายเทา
อิทัง เม ญาตินัง โหนตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
“สาธุ ขอกรวดน้ำให้กับทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้นะคะ ขอให้เจอแต่คนดี ๆ สิ่งดี ๆ ไม่ก็ขอถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งก็จะดี สาธุ”
หญิงสาวในชุดพนักงานออฟฟิศนั่งยอง ๆ เธอยกมือไหว้จนท่วมหัว นี่ถ้าไม่ติดประโยคหลังเรื่องขอพรให้ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง เธอคงจะดูเป็นแม่พระที่แสนดีมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ
และใช่ เธอคือ โนริน ที่ใครต่อใครมองว่าเธอเป็นเจ้าแม่สายธรรมะ ชอบเข้าวัดปฏิบัติธรรมแทบทุกเดือน ทุกเช้าก่อนเข้าออฟฟิศสิ่งที่เธอต้องทำทุกวันจนแทบจะไม่ได้ขาดคือการ ใส่บาตร
และที่บอกว่าแทบทุกวัน เพราะว่ามันจะมีวันที่ยกเว้น และวันที่ยกเว้นของโนรินก็คือวันที่เธอไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน ๆ ก็นะในเจ็ดวันต่อสัปดาห์ มันต้องมีหนึ่งวันที่เธอคิดว่าควรจะแรดให้มันสุด ๆ หลังจากที่ทำตัวประหนึ่งแม่ชีมาทั้งอาทิตย์
ความที่โนรินอายุยี่สิบเก้าหย่อน ๆ จะสามสิบอยู่รอมร่อ แต่หน้าตาดันไปเหมือนคนอายุยี่สิบต้น ๆ เพราะเธอเป็นสายมังสวิรัติ ประกอบกับเป็นเพราะเธอชอบออกกำลังกายเลยทำให้หน้าตาและผิวพรรณของเธอดูใสแบบชนิดที่ว่าไม่ต้องฉีดกลูต้าหรือว่าเพิ่งโบท็อกซ์ลดอายุ
ซึ่งการที่อยู่ ๆ เธอต้องมารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบุคคล ทำให้เธอต้องพยายามรักษาภาพลักษณ์ให้ใครต่อเกรงขาม เพราะไม่งั้นใครต่อใครที่ไม่รู้จักจะนึกว่าเธอเหมือนเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย
เช่นวันนี้...
“น้อง ๆ เอานี่ไปถ่ายเอกสารให้พี่สิ”
โนรินที่ถือแฟ้มเอกสารไปที่ห้องผู้จัดการถึงกับชะงัก วันนี้เธอพลาดมากที่ใส่เชิ้ตขาวกระโปรงสอบจนดูเหมือนเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน
“อะไรนะคะ”
เธอหันไปมองหน้าเดซี่ที่เอาแต่กดแป้นพิมพ์กับมองตัวเลขจากเอกสารอยู่หน้าจอ น้ำเสียงของโนรินฟังดูกดต่ำลงเล็กน้อยคล้ายจะบอกให้คนที่เอาแต่ก้มหน้ารีบเงยหน้าขึ้นมามอง และทันทีที่เดซี่มองขึ้นมา ถึงกับออกอาการตกใจจนหน้าเสีย
“อุ้ย คุณโนรินหนูขอโทษค่ะ หนูนึกว่าคุณเป็นนักศึกษาฝึกงาน”
“แฮ่ม พี่ขอพูดอะไรหน่อยนะคะ”
โนรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือเรียวของเธอกระชับแว่นตาหนาเตอะเล็กน้อย ส่วนเดซี่ได้แต่ก้มหน้า ลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เตรียมรับบทเทศนาที่กำลังจะเริ่มขึ้น
โนรินยกยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย พลางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วผ่อนปรนลมหายใจออกมาช้า ๆ
โอเค…เริ่ม
“งานเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ บางทีพี่ว่าพวกเราควรลุกมาทำเองบ้างนะคะ”
“อ่า…ค่ะ” เดซี่ก้มหน้าสำนึกผิด
“ไม่ใช่เอาแต่จ้องจะเรียกใช้เด็กฝึกงาน พวกเราควรจะระลึกอยู่เสมอว่า พวกน้องนักศึกษาเขามาฝึกงานเพื่อทำงาน พวกเราควรจะตั้งใจฝึกสอนงานให้น้องเขาได้วิชาชีพกันจริง ๆ ไม่ใช่ว่าพอฝึกงานจากบริษัทของเราแล้วออกไปแล้ว น้อง ๆ จะได้ความรู้แค่วิชาถ่ายเอกสาร เดินเอกสาร จับแต่เอกสาร ที่สำคัญในฐานะที่พวกเราเป็นรุ่นพี่ ควรจะยึดหลักพรหมวิหารสี่ประการ คือคนเราควรจะมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ต่อน้องนักศึกษาฝึกงานเข้าใจไหมคะ”
“สาธุ เอ๊ย ไม่ใช่ ค่ะ ค่ะ รับทราบค่ะ ขอโทษนะคะคุณโนริน”
เดซี่หน้าจ๋อย เกือบเผลอยกมือรับเทศนาเพราะนึกว่าตัวเองหลุดมาถือศีลอยู่ในวัด
“หวังว่าเธอคงจำหลักพรหมวิหารสี่ประการที่ฉันสอนได้” โนรินเทศน์เสร็จก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“เฮ้อ เกือบไปแล้วฉัน คนอะไรหน้าเด็กเป็นบ้าตัวก็เล็กผิวก็ใส้ ใส” เดซี่หันไปกระซิบกับเพื่อนข้างโต๊ะ
“นั่นสิ เคยได้ยินมาอายุเกือบสามสิบไม่รู้จริงหรือเปล่า”
“จริงแก อายุห่างกับฉันตั้งห้าปี ตอนแรกฉันนึกว่าคุณโนรินโกหก”
“อ้าวเหรอ แล้วแกไปรู้อายุคุณโนรินได้ไง”
เพื่อนร่วมงานโน้มอย่างนับดาวเขยิบตัวเข้าไปฟังอย่างตั้งใจ เมื่อเดซี่กวักมือมาใกล้ ๆ คล้ายจะกระซิบ
“ก็คุณโนรินนะสิลืมบัตรประชาชนไว้ที่เครื่องถ่ายเอกสาร”
“หืม…”
“ฉันก็เลยรู้ว่าคุณโนรินอายุยี่สิบเก้า จะสามสิบในวันที่สิบสี่กุมภานี่แล้ว”
“หา…สามสิบ” นับดาวทำสีหน้าตกใจจนเผลอพูดออกมาเสียงดัง
หึ...โนรินยกยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินเสียงนินทาตามหลังของสองสาว เพราะความจริงที่ว่าคือเธอไม่ได้ลืมบัตรประชาชนไว้ที่เครื่องถ่ายเอกสารอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจและพากันแอบเม้าท์ แต่เป็นการจงใจของเธอที่แกล้งลืมมันเอาไว้ เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นอายุที่แท้จริงแล้วเอามาเม้าท์กันแบบนี้นี่แหละค่ะ
เบื่อมากค่า ที่ใครต่อใครเรียกว่าเธอเป็นน้อง เรียกเจ๊จะไม่ว่าสักคำ