ธรณ์เดินตามช่างเทคนิคของรีสอร์ตเข้าไปดูรายการซ่อมด้านในด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย รายการซ่อมของที่นี่เยอะมากจริง ๆ และหากเป็นเวลางานหรืออยู่กับบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว ธรณ์จะมีสีหน้าจริงจังแบบนี้เสมอ
ยิ่งเมื่อช่างที่มีเพียงคนเดียวในรีสอร์ตแจ้งรายการซ่อมให้ดูยาวเป็นหางว่าว ก็ยิ่งเครียดหนัก ดูท่าคงต้องลงทุนอีกมากกับรีสอร์ตแห่งนี้
จนออกจากห้องช่างมาได้ ถึงแว่วเสียงเรียกชื่อของเขาเอง ดังแหวกอากาศเข้ามากระทบหู เสียงนั้นทำเอาธรณ์ชะงักงันไปเป็นครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองยังต้นตอของเสียงช้า ๆ เกือบครึ่งนาที ถึงได้ผุดรอยยิ้มให้อีกฝ่าย
“โลกกลมจังเลยนะคะพี่ธรณ์”
ไอลดาทักเสียงสดใส เมื่อพบอดีตคนรักในที่ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ ธรณ์ยิ้มสุภาพ มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่แฝงแววคิดถึงอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่เลิกกันไป เขาทำตัวเหมือนไอ้งั่ง ตามง้อเธอ ตามไปเฝ้าเธออยู่เป็นปี ๆ ยอมทิ้งศักดิ์ศรี ยอมลดอีโก้ที่เคยมีลง ขอเพียงให้ได้เธอกลับคืนมา ขนาดวันที่เธอแต่งงาน เขาก็ยังบากหน้าไปร่วมงานด้วยเลย และเมื่อเห็นว่าเธอยิ้มอย่างมีความสุขข้างผู้ชายที่เธอเลือกแล้ว ธรณ์ก็ทำได้เพียงแค่ถอยหลังออกมา มองไอลดาอยู่ห่าง ๆ จากหนึ่งเป็นสองปี สามและสี่ปี จนถึงวันนี้ในที่สุด
“ด้า”
เสียงทุ้มลึกของธรณ์เอ่ยชื่อเล่นของไอลดาออกมาเพียงคำเดียวเท่านั้น ก่อนจะนึกอะไรได้ เขาเลื่อนสายตาไปทางด้านหลัง ไม่พบว่าสามีของเธออยู่ตรงนั้นด้วย ก็ค่อยถาม
“มากัน... สองคนนี่น่ะหรือ”
ถามจบ ธรณ์เลื่อนสายตามองเลยไปทางด้านหลังไอลดาอีกที เพราะเมื่อครู่ เขามองเพียงว่าเธอมากับหัสดินทร์หรือไม่ ไม่ทันมองว่าที่ยืนเยื้องอยู่นั้นเป็นใคร
พอเห็นว่าเป็นหญิงสาว เลยมองสำรวจอีกครั้ง พบว่าคุ้นหน้าค่าตากับอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สนิทสนมกันมากมายนัก จึงไม่ได้ทักทายอะไรกัน เอาเข้าจริง ๆ เรียกว่าเขากับเธอคนนั้นไม่ถูกชะตากันเลย จะถูกต้องมากกว่า
แม้จะเขม่นกันมาก่อน แต่ธรณ์ไม่เคยทะเลาะอะไรกันจนเป็นเรื่องเป็นราวกับเพื่อนของไอลดา คุยกันก็แทบนับครั้งได้ ขนาดว่าเห็นกันจะ ๆ แบบนี้ก็ทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ เป็นการทักทายเท่านั้น
ธรณ์เฉยเสีย เขาไม่อยากเป็นอริกับหญิงสาวคนใดเลยบนโลกใบนี้หรือแม้แต่โลกใบอื่น ๆ มันหยุมหยิมเกินไป ละสายตาจากใบหน้าเฉยเมย แววตาไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึกของทางนั้นมาที่ไอลดา ก็พบว่าหญิงสาวอดีตคนรักของเขา ดูสวยกว่าแต่ก่อนมากมายนัก เขามองไอลดาอย่างโหยหาอึดใจเดียว อ้าปากจะทักถามทุกข์สุขกับเธอ
แต่กลับถูกเสียงเรียบ ๆ ของคนที่ยืนคอยเยื้องทางด้านหลังขัดขึ้นเสียก่อน “เราไปติดต่อเรื่องห้องก่อนไหมด้า”
ธรณ์ถามขัดกลับไปบ้าง “เพื่อนด้าไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้หรือ เขากลัวอะไร”
ไอลดามองสลับระหว่างธรณ์และพรรณวษาไปมา ก่อนว่ายิ้ม ๆ ปนขันเล็กน้อย “พี่ธรณ์ก็แบบนี้เรื่อยเลย ชอบแซวคนอื่นไปทั่ว ด้าเพิ่งมาถึงน่ะค่ะ เดี๋ยวขอไปติดต่อห้องพักก่อนนะคะ ไม่รู้ว่ายังมีห้องเหลือไหม”
ธรณ์ไม่ได้พูดอะไร เขาพยักหน้า กระนั้นก็ไม่ได้เสนอตัวจะพาไปหรือตามไปด้วย ไอลดายืนรอเขาครู่เดียว ไม่เห็นธรณ์ว่าอะไรจึงหันหลังเดินไปยังทิศทางของแผนกต้อนรับ
ธรณ์รอจนสองสาวคล้อยหลังไปแล้ว ค่อยยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายหาคนของตนเอง “เดี๋ยวมีเช็กอินสองคน เลือกห้องตรงหน้าหาด ใกล้กับห้องพี่เลยนะ”
“ค่ะคุณธรณ์”
“อืม... แล้วก็ เรื่องของพี่ ไม่ต้องพูดอะไรมาก”
“รับทราบค่ะ”
ธรณ์วางสายลง เคาะโทรศัพท์กับมือเบา ๆ ก่อนหย่อนมันกลับลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม ทิ้งเวลาไว้ครู่ ค่อยเดินไปสมทบกับสองสาวที่ตรงไปติดต่อห้องพักในโถงลอบบี้
พรรณวษานั่งรอด้วยใบหน้าที่เริ่มเครียด เมื่อพนักงานบอกเสียงหวานว่าให้พวกเธอนั่งรอสักครู่ก่อน ขอเช็กห้องให้อีกครั้ง
เธอไม่ชอบอะไรที่โลดโผน ไร้ระเบียบแบบแผน ไม่ชอบความไม่แน่นอน ไม่ชอบทำอะไรปุบปับไม่มีขั้นตอน อย่างเช่นการไม่ได้วางแผนเดินทาง และการวอร์กอินเข้ามาถามว่ามีห้องพักเหลือไหมในช่วงไฮซีซัน เพราะถ้าหากไม่มีห้อง เธอกับไอลดาไม่ต้องขับรถวนหาที่นอนทั่วทั้งเกาะในคืนนี้หรอกหรือ แล้วนี่ก็ทุ่มกว่าแล้วด้วย การเดินทางมันบั่นทอนเรี่ยวแรงของเธอน้อยเสียที่ไหน แม้ไม่ได้ขับรถเอง แต่เธอก็เหนื่อยเหมือนกัน หวาดเสียวด้วย เพราะไอลดาเหยียบคันเร่งจนเข็มความเร็วแทบกระเด็นออกมาทิ่มตาเธออยู่แล้ว
แต่แล้วก็พบว่าพวกเธอยังพอมีโชคอยู่บ้าง ไอลดายิ้มหวานตอบรับพนักงาน เมื่อทางนั้นบอกว่าเหลือห้องพักห้องสุดท้ายพอดี โชคดีซ้ำสองที่ได้ห้องติดหาดด้านหน้านู่นเลย ก่อนจะพากันหันหลังเดินกลับรถ เพื่อนำกระเป๋าส่งให้พนักงานขนเข้าห้องพักไป ก็พบว่าธรณ์ยืนกอดอก ยิ้มน้อย ๆ มองดูพวกเธออยู่
ไอลดาตรงเข้าไปหาเขา รีบเล่าเสียงใส “โชคดีจังเลยค่ะ ด้าได้ห้องพอดีเลย ห้องด้านหน้าติดหาดด้วยนะคะ”
ธรณ์พยักหน้าให้ ตามองเลยไปทางพนักงานต้อนรับ เห็นทางนั้นยิ้มตอบ ก็ค่อยเลื่อนสายตามาจับจ้องที่ไอลดาอีกครั้ง
“แล้วพี่ธรณ์พักห้องไหนหรือคะ นี่มากับใคร ด้าลืมถามไปเลย”
ไอลดาไม่อยากถามว่าเขาคบใครใหม่หรือยัง เพราะในใจลึก ๆ เธอพึงพอใจไม่น้อยที่ธรณ์ครองความโสด คล้ายกับจะบอกเป็นนัยว่ายังรอคอยเธออยู่ เมื่อลองได้คิดทบทวนดูอีกหลาย ๆ ที ไอลดาพบว่าตัวเองอาจตัดสินใจพลาดไป ที่เลือกหัสดินทร์แทนที่จะเป็นชายตรงหน้าเธอคนนี้ แล้วทำทีเป็นเมียงมองหารอบ ๆ ราวกับจะดูว่ามีใครมากับธรณ์ด้วยหรือไม่
“พี่มาคนเดียวครับ”
ธรณ์เลือกจะไม่ตอบว่าเขาพักห้องไหน มองไปทางพนักงานชายให้ตามไปขนกระเป๋าที่รถ โดยที่เขาเองอาสาเดินตามพวกเธอไปด้วย จนเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว จึงเอ่ยชวนด้วยท่าทีเอาใจใส่
“อยากพักที่ห้องก่อนไหม หรือไปหาอะไรกิน หรืออยากไปเดินเล่นรับลม พี่จะได้ไปด้วย”
“อยากไป...” ไอลดายืนทำหน้าครุ่นคิด รีรอในคำตอบ สุดท้ายธรณ์ก็เลือกคำตอบที่รู้ใจเป็นอย่างดีให้
“ไปเดินเล่นก่อนดีกว่าค่ะพี่ธรณ์ ใช่ไหมล่ะ”
ไอลดายิ้มจนตาแทบปิด ดีใจเมื่อธรณ์เดาความคิดของเธอถูกราวกับเข้ามานั่งอยู่ในหัวของเธอ
“พี่ธรณ์รู้คำตอบของด้าทุกทีเลย” ไอลดายิ้มหวานตอบเขาไป แล้วหันมาทางเพื่อนที่ลืมไปเสียสนิทว่ามาด้วยกัน “ไปไหมพรรณ”
พรรณวษามองชายหญิงทั้งสองคนอึดใจแล้วค่อยแนะว่า “พักก่อนไม่ดีหรือด้า ขับรถมาทั้งวัน หน้าดูซีด ๆ แล้วนั่น มื้อเย็นจะกินอะไร หาอะไรกินก่อนดีไหม”
“ด้ามากับแม่หรือครับ” ธรณ์ถามไปทางไอลดายิ้ม ๆ ก่อนเลยสายตามามองสบกับเธอ พรรณวษามองตอบแบบที่ไม่ยิ้ม ให้รู้ว่าเธอไม่ตลกด้วยเลย
“พี่ธรณ์” ไอลดาเรียกธรณ์เสียงกลั้วหัวเราะ อดขำมุกเขาไม่ได้ แล้วค่อยยกมือขึ้นประคองแก้มตัวเอง ถามธรณ์ด้วยน้ำเสียงติดจะอ้อนอยู่ไม่น้อย
“หน้าซีดมากไหมคะพี่ธรณ์”
“ไม่นะ ด้าก็ยังดู...” ธรณ์มองเพ่งใบหน้าหญิงสาวที่ครองหัวใจของเขามาตลอดหลายปี บอกเสียงละมุนกลับไป “สวย น่ารัก สดใสเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน”
ไอลดายิ้มหวานกว่าเดิมเสียอีก แล้วพากันยืนมองตากันอยู่อย่างนั้นเป็นนานสองนานโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว เหมือนกับว่าทั้งโลกตอนนี้ มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
พรรณวษาเลื่อนมือขึ้นตบยุงตรงต้นแขนหน้านิ่ง ยืนมองชายหญิงเบื้องหน้าที่คงหลงลืมไปว่า มีเธออยู่ตรงนี้ด้วยอีกหนึ่งคน อ้อ พนักงานขนกระเป๋าอีกคนที่ด้านหลัง
พลันบังเกิดความรู้สึกขัดใจ ไม่ชอบแววตาอดีตคนรักไอลดาเลยสักนิด ธรณ์เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ผิวขาวแลดูสะอาดตา มีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามไม่น้อย เขามักเป็นคนยิ้มง่าย ยิ้มแบบคนสุภาพ แต่พรรณวษามองว่าเขาซ่อนเร้นความคิดและอารมณ์บางอย่างเอาไว้ได้ค่อนข้างเก่ง และมีวิธีจัดการกับคนและควบคุมได้ตามที่เขาอยากให้เป็นไปอย่างง่ายดาย
ท่วงท่า การพูดจาของเขาอาจเหมือนคนผูกมิตรด้วยง่าย ๆ แต่นั่นไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอ พรรณวษาเป็นหนึ่งคนที่ธรณ์ไม่เคยทำตัวสนิทสนมผูกมิตรด้วย แต่จะเป็นเพราะเหตุผลกลใดก็ตามแต่ พรรณวษาไม่ได้สนใจในส่วนนั้น เพราะเธอเองก็ไม่เคยคิดอยากผูกมิตรกับชายคนนี้เท่าไรนัก
เรื่องราวเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ธรณ์เริ่มรู้จักกับไอลดาใหม่ ๆ ก่อนจะเดินหน้าจีบไอลดาแบบเต็มตัว ด้วยความหวังดี เธอออกปากเตือนเพื่อนว่าให้ดูดี ๆ ก่อนตกลงคบหาใคร และเท่าที่เธอรู้มาในตอนนั้น แม้ธรณ์จะเป็นคนมีฐานะ แต่เขาไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง ไม่มีบริษัทเป็นของตัวเอง มีแค่ชื่อเป็นหนึ่งในทีมกรรมการบริหารกับธุรกิจครอบครัว ที่ไม่เคยลงไปบริหารด้วยตัวเองเลยสักครั้ง อีกทั้งยังมีข่าวลือหนาหูเรื่องผู้หญิงที่เขาคบหาหลายคน พรรณวษาเตือนเท่าที่รู้ข่าวมา เขาคงรู้เรื่องภายหลังกระมังว่าเธอเตือนไอลดาไปแบบนั้น
จากที่ไม่สนิทกันอยู่แล้ว เขาไม่พูดอะไรกับเธออีกเลย และพรรณวษาไม่ใช่คนต้องมาคอยนั่งแคร์ใคร โดยเฉพาะคนที่ไม่ใช่คนข้างกายของเธอ เธอไม่นึกสนอยู่แล้ว
เธอกับธรณ์ไม่เคยมีปากเสียงกัน มีเพียงความเงียบและสายตาที่ใช้มองกันเท่านั้น ที่บ่งบอกความไม่เป็นมิตร
พอเห็นว่าไอลดาคบหาธรณ์ พรรณวษาเลือกจะเคารพการตัดสินใจของเพื่อน ไม่ได้พูดยุแยงใส่ไฟให้มีปัญหากัน จนมารู้ว่าเพื่อนไปกันไม่รอดแล้วกับธรณ์ ก็ให้นึกโล่งใจไม่น้อยในตอนนั้น
หยุดความคิดถึงในอดีตครั้งเก่า ลงความเห็นว่าเข้าห้องพักก่อนดีกว่า เพราะบรรยากาศรอบ ๆ มืดแบบนี้ เดินเลียบหาดคงได้ยินเพียงเสียงและสัมผัสบางเบาจากลมทะเลเท่านั้น ไม่เห็นอะไรมากไปกว่าความมืดที่โรยตัวปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณเท่าไรหรอก
ธรณ์เดินตามไปที่ห้องพักด้วย เข้าห้องได้ก็เห็นเขาเดินตามไอลดาไปยังระเบียงด้านหน้าของห้องพัก พรรณวษามองตามทั้งสองคนไปแล้วให้นึกหวั่นใจในความใกล้ชิดของทั้งคู่ กำลังจะตามออกไปด้วย ก็พอดีมีสายเรียกเข้าเสียก่อน เธอหยิบมันขึ้นมาดู แล้วถึงได้ถอนลมหายใจออกมาเบา ๆ เลี่ยงไปกดรับสายที่ด้านนอก
“พรรณหรือ” ปลายสายทักทายเธอด้วยเสียงขรึม ๆ
“ค่ะคุณเอส”
“ด้าอยู่กับพรรณหรือเปล่า”
พรรณวษาได้ยินแล้วก็คิดตามอย่างไม่สบายใจ นี่ผ่านไปเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว หัสดินทร์เพิ่งโทรหาเธอ เพื่อถามหาไอลดา
แล้วค่อยตอบรับปลายสายไป “อยู่ค่ะ”
“พี่ฝากพรรณทีนะ ด้าเขางอนที่ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาน่ะ นี่พี่ก็เครียดเรื่องงานจะตายอยู่แล้ว”
“ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“แล้วนี่อยู่ที่ไหนกันหรือ”
“ออกมาเที่ยวทะเลใกล้ ๆ นี่เองค่ะ” พรรณวษาสงวนรายละเอียดเอาไว้หน่อยหนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยใส่ใจเพื่อนของเธอเท่าที่ควรนัก
“โอเคครับ อย่างนั้นพี่ไม่กวนแล้วนะ ยังไงพี่ฝากพรรณดูด้าให้พี่ด้วย ขอบคุณมากนะพรรณ”
พรรณวษาลดโทรศัพท์ในมือลง ผลักประตูเข้าห้องได้ มองผ่านกระจกออกไปยังระเบียงห้องพัก ที่เห็นได้จากตรงนี้ว่าเพื่อนของเธอกำลังพูดคุยยิ้มหัวอยู่กับอดีตคนรักด้วยใบหน้าที่ดูสดชื่นมากขึ้น
ธรณ์หันมามองตอบเธอจากระยะไกล ๆ ด้วยแววตาที่เห็นแล้ว ยิ่งไม่สบายใจหนักขึ้นไปอีก ก่อนที่เขาจะเลิกสนใจเธอแล้วก้มลงไปคุยอะไรกับไอลดา อย่างที่ดูใกล้ชิดมากจนเกินไป พรรณวษาจึงตัดสินใจเดินไปสมทบกับพวกเขาด้วย
หัสดินทร์วางสายลงด้วยสายตาครุ่นคิด
“เจอไหมคะ ภรรยาคนสวยของบอสน่ะ”
“เขาไปเที่ยวกับเพื่อน”
หัสดินทร์ตอบเสียงเนือย ๆ เลขาสาวสวยมองแล้วก็ให้หมั่นไส้ไม่น้อย เจ้าหล่อนรู้ดีทีเดียวว่าผู้ชายคนนี้เกรงใจภรรยามากขนาดไหน ยิ่งเกรงนี่แหละ ยิ่งท้าทาย ยิ่งทำให้หล่อนอยากได้หัสดินทร์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น การได้แอบลักกินขโมยกินแบบนี้มันสนุกน้อยเสียที่ไหนกัน
แล้วขยับตัวลงไปนั่งเบียดกันกับเขา มือยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อของหัสดินทร์อย่างเชื่องช้ายั่วยวน “เธอต้องรู้ระแคะระคายเรื่องของเราแน่ ๆ เลย บอสว่าไหมคะ”
“คุณจงใจให้เธอรู้เรื่องระหว่างเราน่ะสิ”
“ใส่ความณีเรื่อยเลย แบบนี้ต้องลงโทษบอสแล้วนะคะ”
สาวงามนามกัลยาณีทาบเรือนร่างลงบนชายหนุ่มผู้เป็นนาย เธอป้อนเขา ปรนเปรอจนเขาแทบสำลักในอารมณ์ปรารถนาทุกครั้ง แม้จะพิสดาร ดิบเถื่อนไปบ้าง แต่หากมัดใจเขาได้ กัลยาณีก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหนเลยนี่