ประเทศไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิฝั่งผู้โดยสารขาเข้า ปรายฟ้า เจ้าของรูปร่างสูงเพรียวสง่าและปราดเปรียวในชุดกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ รองเท้าส้นสูงสีดำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน สวมทับด้วยสูทสุดเก๋ สวมแว่นตาดำเพื่ออำพรางอารมณ์บางอย่างเหมือนคนกำลังไว้ทุกข์ เธอเดินออกมาพร้อมกับรถเข็นกระเป๋าหลายใบ และพยายามเหลียวมองผู้ที่มายืนรอรับ และวินาทีที่ได้เห็นผู้ที่มารอรับอยู่ตรงหน้า เธอก็วิ่งโผเข้าไปกอดทันที
“คุณแม่!” ปรายฟ้าเรียกผู้เป็นมารดาพร้อมกับสวมกอดแนบแน่น และร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ หาใช่เสียงร้องไห้แห่งความคิดถึง แต่เป็นเสียงร้องไห้ราวกับเพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญ
“กลับบ้านซะทีนะลูก” ไหมฟ้า มารดาผู้แสนจะใจดีบอกพร้อมกับลูบไล้เรือนผมของบุตรสาวเบาๆ ก่อนจะคลายอ้อมกอด แล้วดันไปให้บิดาได้สวมกอดบ้าง
“พ่อจ๋า” น้ำเสียงปรายฟ้าออดอ้อนพลางสะอื้นไห้เบาๆ ราวกับเด็กน้อย
“นางฟ้าของพ่อ ไม่ร้องไห้นะ ฮืม” ประกิตผู้เป็นบิดาปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่ามันกลับทำให้ปรายฟ้าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ไม่ใช่เพราะคิดถึงท่านทั้งสองมาก แต่เพราะเพิ่งอกหักมาหมาดๆ เห็นหน้าบิดามารดาแล้วมันทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ต้องการที่พึ่งทางใจเหลือเกิน
“กลับบ้านเราดีกว่า แม่บ้านทำของโปรดไว้รอแน่ะ” ไหมฟ้ากล่าวอย่างอ่อนโยนเช่นกัน
“ค่ะคุณแม่” ปรายฟ้ารับคำแล้วจึงคลายอ้อมกอดจากบิดา ก่อนจะถอดแว่นซับน้ำตาออกให้หมด จากนั้นประกิตจึงหันไปสั่งกับบอร์ดี้การ์ดหน้าตาหล่อเหลาขั้นเทพ ให้ลากกระเป๋าของปรายฟ้า ทว่าชั่ววินาทีนี้เองที่ทำเอาปรายฟ้าอึ้ง ชะงักชั่วครู่ และอยากจะตั้งคำถามกับบิดาด้วยความอยากรู้ พร้อมกับลืมความเสียใจไปได้ชั่วขณะ
“คนนี้ใครคะคุณพ่อ” ปรายฟ้าถามพลางปรายตามองไปที่ชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งกำลังเดินนำหน้าไปโดยไม่สนใจใคร เขามีบุคลิกและท่าทางหยิ่ง จองหอง เกินกว่าจะมาเป็นลูกน้องเสียด้วยซ้ำ
“เฮนรี่ บอร์ดี้การ์ดคนใหม่ แต่ก็ไม่ใหม่หรอกนะ ทำงานมาได้สักปีกว่าๆ แล้ว” ประกิตอธิบายเสียงเรียบพลางมองไปที่เจ้าของแผ่นหลังกว้างๆ รูปร่างสูงใหญ่สุดสมาร์ทนั่น
“มีอะไรหรือเปล่าลูก” ไหมฟ้าแทรกถามขึ้นด้วยความสงสัยเช่นกัน เพราะเห็นสายตาของบุตรสาวแล้วดูเหมือนจะไม่ชอบใจ
“เปล่าค่ะคุณแม่ ฟ้าแค่ไม่เคยเห็นหน้าเขาเท่านั้นเอง” ปรายฟ้าบอกปัดเพื่อตัดบทสนทนา แต่ความจริงแล้วผู้ชายคนนั้นมีอะไรที่ทำให้เธออยากรู้อยากเห็น และมีบางอย่างดึงดูดให้ค้นหาจนต้องถาม แต่เธอจะแสดงความสนใจต่อเขาทำไมกัน
“คนนี้ยอดเยี่ยม ยอดฝีมือ มากเลยนะ พ่อการันตีได้ ” ประกิตยื่นหน้าเข้าไปประซิบเบาๆ ที่ข้างหูของบุตรสาว ทว่าเธอกลับเอียงคอหันไปมองบิดาด้วยความหมั่นไส้
“สงสัยจะเป็นคนโปรดของคุณพ่อแหงๆ” ปรายฟ้าประชดเล็กน้อย แต่ประกิตกลับยิ้มบางๆ เท่านั้น
จากนั้นการสนทนาจึงหยุดลง ขณะที่ทุกคนเดินออกไปจนถึงลานจอดรถ โดยมีรถตู้สีขาวสุดหรูแบบเจ็ดที่นั่งเปิดประตูรอรับอยู่ ระหว่างที่กำลังเดินใกล้จะถึงอยู่นั้น บอร์ดี้การ์ดสุดหล่อนามเฮนรี่ ก็เอากระเป๋าเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงประตู เพื่อเชิญให้เจ้านายทั้งหมดขึ้นรถ แต่ปรายฟ้าต้องสะดุดตากับชายหนุ่มอีกครั้ง
เมื่ออยู่ในระยะใกล้ๆ เขามีรูปร่างที่สูงใหญ่น่าเกรงขามมาก อีกทั้งใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา เนี๊ยบทุกอย่างกระทั้งการแต่งตัว แต่สีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มดูเย็นชาน่าหมั่นไส้ ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อแบบสุขภาพดี เธอใช้เวลาไม่ถึงห้าวินาทีพิจารณา ทว่าเฮนรี่ก็หาได้สนใจเธอหรอก เธอจึงมองชั่วครู่แล้วหันกลับไปถามบิดาอีกครั้ง
“บอร์ดี้การ์ดคนใหม่ของคุณพ่อเนี่ย ดูเด็กมากนะคะเป็นฝรั่งด้วย” ปรายฟ้าเอ่ยขึ้นโดยไม่สนใจว่าคนที่ถูกเอ่ยถึง จะพอใจหรือไม่ ที่เธอหาว่าเขายังเด็กมาก
“ไม่เด็กหรอกลูก เป็นพี่ของฟ้าหลายปี เกือบรอบล่ะมั้ง” ประกิตตอบเสียงเรียบ
“ปกติฟ้าไม่ค่อยเห็นคุณพ่อเลือกคนหนุ่มสักเท่าไหร่” ปรายฟ้าบอกเสียงเรียบเช่นกัน
“ไม่ได้จ้างให้ตัวเองเสียหน่อย” บิดาพูดก่อนจะปรายตามองมาที่เธอเป็นหลัก
“ฮืม อย่าบอกนะว่า” ปรายฟ้าถามด้วยความตกใจเพราะคิดว่าบิดาต้องหาให้เธอแน่ๆ
“พ่อจ้างให้หนูน่ะ” พูดจบประกิตก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถทันที และตามด้วยไหมฟ้า จากนั้นจึงเป็นเธอที่ตามขึ้นไปนั่งข้างๆ กัน แต่อดปรายตามองบอร์ดี้การ์ดหนุ่มหน้าตาหล่อขั้นเทพคนนี้ไม่ได้ เธอหมั่นไส้เขาชอบกล รู้สึกว่าเขาขี้เก๊กเกินไปและแม้ว่าเขาจะแสดงออกว่าเย็นชาไม่รู้สึกรู้สา ทว่าเธอมองออกว่าเขากำลังประหม่า เธอคิด ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็เดินขึ้นไปนั่งด้านหลังเคียงข้างคนขับ แล้วสั่งให้เคลื่อนรถออกไปทันที
“การ์ดของคุณพ่อชื่ออะไรนะคะ ฟ้าจำไม่ได้” ปรายฟ้าถามย้ำอีกครั้ง เพราะชื่อไม่ได้สำคัญอะไร ทว่าประกิตไม่ตอบแต่กลับยื่นหน้าไปทางด้านหน้าเพื่อเอ่ยกับชายหนุ่มแทน
“ได้ยินไหมคุณหนูถามน่ะ” ประกิตเอ่ยขึ้นน้ำเสียงทุ้มนุ่มดูเหมือนเอ็นดูบอร์ดี้การ์ดหนุ่มคนนี้มากเป็นพิเศษ
“เฮนรี่ เจมส์ ครับ อายุสามสองปี” เฮนรี่ตอบเสียงเรียบและยังคงมองไปด้านหน้าเช่นเดิม
“นายดูเด็กเกินไปที่จะมาเป็นการ์ด” ปรายฟ้าบอกออกมาตรงๆ เหมือนจะดูถูก ซึ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เพราะอายุสามสองปีไม่ได้เรียกว่าเด็กเลย เธอต่างหากที่เด็กเกินไป
“แต่ผมเป็นผู้ใหญ่กว่าคุณหนูมากครับ” เฮนรี่ตอบกลับน้ำเสียงเรียบโดยไม่ได้หันมามองปรายฟ้าเลย แต่นั่นล่ะมันทำให้เธอไม่พอใจและหันมาฟ้องบิดาด้วยสายตาทันที
“นางฟ้าดูเป็นเด็กเหรอคะคุณพ่อ” ปรายฟ้าแสร้งถามบิดาด้วยน้ำเสียงงอนเง้า ก่อนจะหันไปเชิดหน้าใส่เฮนรี่
“ไม่เด็กมั้งพ่อว่า แต่เฮนรี่อายุมากกว่าลูกเยอะเลย แต่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่อายุสักสี่สิบ ก็ถูกแล้วนี่” บิดาเอ่ยและยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“อ๋อนางฟ้ารู้แล้ว แก่แดดนั่นเอง” ปรายฟ้าว่าด้วยน้ำเสียงเยาะหยันหยิ่งๆ ตามนิสัย พอถูกต่อว่าอย่างนี้แล้วเฮนนี่จึงเอียงคอหันมาเหมือนจะมองเธอเป็นเชิง
“ไม่น่ารักเลย อยู่ๆ จะไปว่าเฮนรี่อย่างนั้นได้ยังไง สนิทกันหรือก็เปล่า เพิ่งจะถามชื่อกันเมื่อกี้ ฟ้านี่” ไหมฟ้าอดที่จะเอ็ดไม่ได้
“คุณแม่ ก็เขาเด็กนี่คะ เป็นเด็กประสบการณ์น้อย ไม่รู้จะเก่งหรือเปล่า จะดูแลฟ้าได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” น้ำเสียงปรายฟ้าดูไม่พอใจเอาเสียเลย แถมยังเชิดคอระหงขึ้นอย่างจองหอง เริดเชิดเสียจริง เหมือนใครนะ มารดาคิด
“อย่าเพิ่งมองคนแค่หน้าตาหรืออายุสิลูก อยากเห็นฝีมือเขาก็ต้องให้เขาทำงาน พ่อเลือกเฮนรี่มาทำงานก็เพราะว่าเก่งวัยไม่ต่างกับลูกมากนัก แล้วอีกอย่างไม่ได้เพิ่งรับ แต่รับมาทำเป็นปีแล้วอย่างที่บอก ที่ลูกไม่รู้เพราะว่าลูกไม่กลับเมืองไทย”
“ความจริงจะหาเรื่องว่าให้ฟ้า ที่ไม่กลับบ้านใช่ไหมคะ” ปรายฟ้าถามกลับน้ำเสียงเรียบขึ้น ทว่าแววตาหมองเศร้าก่อนจะตวัดมองไปทางด้านหน้าคนขับ
“เปล่า พ่อไม่อยากให้ลูกว่าใคร ถ้ายังไม่เห็นเขาทำงาน” ดูท่าทางหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาเฮนรี่จะทำคะแนนท่วมท้นซะล่ะมั้ง เธอคิดอย่างเคืองๆ แล้วทำไมเธอต้องไม่ถูกชะตากับเขาด้วยนะ
“ไม่เถียงกับคุณพ่อแล้ว รักคุณแม่ดีกว่า” ว่าแล้วปรายฟ้าก็ทำเป็นหันมาอ้อนมารดาแทน พลางสวมกอดด้วยความคิดถึง บิดาจึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ อ่อนใจกับนิสัยของบุตรสาวที่ไม่ยอมโต หรือไม่บางครั้งก็เหวี่ยงเกินไป