พอแต่งตัวเสร็จปรายฟ้าก็ออกมาจากห้องแต่งตัว จังหวะเดียวกันเฮนรี่มองด้วยความลืมตัว จ้องตาไม่กระพริบเลือดลมสูบฉีดอย่างห้ามไม่ได้ จนต้องปรายฟ้าจ้องกลับด้วยความสงสัย เหตุเพราะเฮนรี่ตะลึงงั้นกับนางฟ้าคนสวยเบื้องหน้า เธอเหมือนพญาหงส์มากกว่า เขาคิดอย่างลืมตัว ก่อนจะได้สติเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ในระยะประชิดตัว
“ไปกันได้หรือยัง” ปรายฟ้าเรียกเขาให้ตื่นจากภวังค์ด้วยน้ำเสียงต่ำน่ากลัว เขาจึงต้องรีบเมินหน้าหนีและถอยหลังออกให้ห่าง
“เชิญครับคุณหนู” เฮนรี่บอกเสียงเรียบและผายมือให้เธอเดินออกไปก่อน ปรายฟ้าจึงเดินนำออกมาจากห้อง โดยที่เขาเดินตามและปิดประตูห้องนอนให้เรียบร้อย จากนั้นก็ได้เดินลงมาจนถึงชั้นล่างกระทั่งถึงหน้าบ้านซึ่งเป็นบันไดทางขึ้น พร้อมกับรถจอดรออยู่เรียบร้อย
“บอร์ดี้การ์ดที่คุณพ่อหาให้มีกี่คน” ปรายฟ้าเอ่ยถามเฮนรี่ด้วยน้ำเสียงเรียบเมื่อเดินมาถึงรถ
“สามคนครับ ขับรถหนึ่งคน ดูแลทั่วไปหนึ่งคน และ...” เฮนรี่หยุดเอาไว้เล็กน้อย ทว่าเธอก็ตอบแทน
“คนดูแลถึงในห้องนอนหนึ่งคน” ปรายฟ้าตอบขึ้นสีหน้าเรียบเฉย แววตาหาเรื่องมาก
“ใช่ครับ และผมเป็นมากกว่าคนที่ดูแลในห้องนอน” เฮนรี่ตอบกลับน้ำเสียงเรียบเช่นกัน แต่นั่นล่ะมันทำให้ปรายฟ้าไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ทำไมถึงได้ดูเป็นคนเย็นชาอะไรปานนี้ เธอคิดพลางมองหน้า ขณะเดียวกันเฮนรี่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นอกเสียจากเปิดประตูให้เจ้านายคนสวยก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ เธอได้แต่ปรายตามองชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่ง จากนั้นเขาก็ตามขึ้นไปนั่งเคียงข้างในฐานะผู้ช่วยคนสำคัญ ทว่าทั้งคู่นั่งห่างกันเป็นวาเลยทีเดียว ส่วนบอร์ดี้การ์ดอีกหนึ่งคนหนึ่งขึ้นไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับรถ
“ไปบริษัท ขับให้เร็วนะ” เฮนรี่ยื่นหน้าไปบอกกับคนขับรถน้ำเสียงเรียบ
“นอกจากประชุมที่บริษัทมีงานอะไรอีก” ปรายฟ้าเอ่ยถามขึ้นอย่างเสียมิได้ เฮนรี่จึงยกแทบเล็ตขึ้นมาเช็ดดูตารางให้ ทั้งที่คิดว่าเธอน่าจะอ่านหมดแล้ว แต่เปล่าเลย
“ช่วงเช้าหมดครับ แต่กลางคืนมี คุณท่านทั้งสองถูกเชิญให้ไปร่วมงานเปิดตัวน้ำหอมชื่อดังในฐานะเซเล็บฯ”
“หมายความว่า?...” เธอปรายตามองเขาแล้วถามแทนที่จะมองตรงๆ
“หมายความว่าคุณหนูต้องไปด้วย” เขาตอบเชิงบังคับตวัดหางตามองเธอเช่นกัน
“ตอนเย็นฉันจะไปเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ ไม่ชอบไปงานไร้สาระ” ปรายฟ้าเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่แยแส
“เที่ยว? ไม่ไร้สาระกว่าเหรอครับ” เฮนรี่อดต่อว่าไม่ได้
“เฮนรี่!” เธอหันไปเอ็ดด้วยน้ำเสียงเข้ม แต่เห็นความเฉยชาจากเขาแทน
“ขอโทษครับ คุณหนูเป็นลูกคนดัง จำเป็นต้องไปครับ” บังคับกันแบบนี้ไม่กลัวเธอด่าหรือยังไงนะ
“ฉันยังไม่พร้อมจะปั้นหน้ายิ้มให้ใคร ฉันอยากพักผ่อน อยากไปปลดปล่อยอารมณ์ ทำไมไม่มีใครตามใจฉัน ไม่มีใครเข้าใจ เพิ่งจะมาถึงเมืองไทยเมื่อวานก็บังคับกันทำงานเสียแล้ว” น้ำเสียงของเธอค่อนข้างจะเรียบและนิ่งขึ้น ดวงตาหม่นลงไปมาก
“ผมว่าคุณท่านตามใจคุณหนูนานแล้วมั้งครับ ถึงเวลาที่คุณหนูจะตามใจคุณท่านบ้าง”
“นายยังไม่รู้จักฉันดีพอเลย นายไม่รู้ว่าเวลานี้มันเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้น ไม่ต้องมาสอน ฉันรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร” แต่เวลานี้เธอรู้ว่าสิ่งไหนควร แต่ไม่ปฏิบัติตาม มันน่าตีก้นชะมัด
“ผมรู้ว่าเวลานี้มันเกิดอะไรขึ้น” เฮนรี่พูดพลางปรายตามองคุณหนูของเขา แต่เธอก็หันกลับมามองหน้าอย่างเอาเรื่องเช่นกัน สายตาทั้งคู่ประสานกันราวกับจะเชือดเฉือนให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
“นายรู้จักฉันได้แค่วันเดียว” เธอเถียงกลับทันที
“ผมรู้จักคุณหนูมาหนึ่งปีกว่า” หนึ่งปีกว่านั้นรู้จากบิดาเสียมากกว่า เอาเถอะรู้จักก็รู้จัก เธอจะไม่เถียงอีกแล้ว รำคาญเพราะเถียงไปเฮนรี่ก็มีเหตุผลหรือคำตำหนิมาหักล้างได้อยู่ดี
“คุณหนูครับ ถ้าคุณหนูอยากเที่ยว ประชุมเสร็จผมจะพาไป และหลังจากงานคืนนี้ ผมก็จะพาไปเช่นกัน แต่งานทุกอย่างต้องเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน” เฮนรี่พยายามตามใจเธอและบอกด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มมากขึ้น อยากจะเข้าใจเธอให้มากกว่านี้ทว่าเธอก็เอาแต่ใจเสียเหลือเกิน
“เริ่มรู้ใจแล้วนี่” ปรายฟ้าบอกเสียงเรียบ พร้อมกับปรับสีหน้าให้เรียบตึงเช่นเดิม จากนั้นการสนทนาจึงเงียบลงจนกระทั่งถึงบริษัทตฤณยากร เมื่อรถจอดสนิทเฮนรี่เป็นคนเปิดประตูลงมาก่อน และเปิดทางให้คุณหนูคนงามลงจากรถ พร้อมกับบอร์ดี้การ์ดอีกสองคน
การมาของปรายฟ้าทำให้ทุกคนในบริษัทต่างพากันตื่นเต้นและเซ็งแซ่นินทาทันทีที่เดินเข้ามา หญิงสาวมีท่วงท่าเดินที่สง่างาม คอเชิด ดวงตาหวานคมแต่บาดลึก แฝงไว้ด้วยความจองหอง หยิ่งทะนง เดินโดยไม่สนใจใครจนทุกคนมองว่าเป็นเหมือนพญาหงส์มากกว่านางฟ้าเสียอีก ขนาบข้างด้วยผู้ช่วยฯ รูปหล่อในชุดสูทสีดำขลับและบอร์ดี้การ์ดอีกสองคน
กระทั่งเฮนรี่พาปรายฟ้าขึ้นมาจนถึงชั้นผู้บริหาร และหยุดอยู่หน้าห้องประชุมขนาดใหญ่ เฮนรี่จึงเปิดประตูให้เข้าไป ในขณะที่ผู้บริหารทั้งหลาย เริ่มประชุมกันแล้ว ทว่าทุกคนต้องหันมามองเธอเป็นตาเดียว และไม่อยากเชื่อว่าเธอจะมีบุคลิกเหมือนประกิตไม่มีผิด ยกเว้นก็แต่เป็นผู้หญิงเท่านั้นเอง
“ทุกคน ลูกสาวผม ปรายฟ้า ลูกนี่ผู้บริหารของเรา” ประกิตลุกขึ้นพร้อมเดินไปประคองบุตรสาวและแนะนำตัวต่อทุกคน
“สวัสดีค่ะ” ปรายฟ้าไม่ลืมที่จะยกมือไหว้อย่างนอบน้อมทว่าน้ำเสียงดูเย่อหยิ่งเอามาก จากนั้นทุกคนก็ได้ยืนขึ้นต้อนรับอย่างเป็นทางการ
“ยินดีต้อนรับครับ / ยินดีต้อนรับค่ะ” ผู้บริหารทุกคนกล่าวพร้อมกัน
“นางฟ้านั่งข้างๆ พ่อสิลูก” ประกิตบอกขณะที่เฮนรี่เดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้นั่งข้างๆ เก้าอี้หัวโต๊ะ ส่วนเขานั่งข้างๆ เธออีกต่อหนึ่งเพื่อควบคุมการทำงานของเจ้านายสาว
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” ปรายฟ้าเอ่ยขอบคุณบิดา ทว่าปรายตามองเฮนรี่เล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณเช่นกันแต่ไม่ยอมพูดเพราะยังไม่ถูกกันสักเท่าไหร่
“ผมอยากให้ทุกคนรู้ไว้ ว่าอีกไม่นานลูกสาวผมจะมารับตำแหน่งแทนผม” พอประกิตพูดจบปรายฟ้าถึงกับหันหน้ามามองบิดาทันที ไม่ใช่ว่าเธอตื่นเต้น แต่ตกใจเพราะยังไม่พร้อมที่จะทำงาน ท่านก็รู้ว่าจิตใจของเธอเวลานี้เป็นอย่างไร บอบช้ำแค่ไหน อีกทั้งยังได้ถกเถียงกับเฮนรี่ก่อนมาเพราะเรื่องทำงานอีก
“คุณพ่อ! ฟ้าไม่!” ปรายฟ้าอยากจะทัดทานทว่าเกรงใจผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมในห้องประชุมด้วย
“ถึงเวลาแล้วนะลูก” ถึงเวลาที่คุณหนูจะตามใจคุณท่านบ้าง อยู่ๆ คำพูดของเฮนรี่ก็ดังขึ้นในความคิด เมื่อสำนึกได้อย่างนั้นเธอก็เงียบไม่ปริปาก เอาไว้เถียงเวลาอยู่กันตามลำพังดีกว่า
“ฟ้าจะมาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ตฤณยากร คอร์ปเปอร์ชั่น อสังหาริมทรัพย์ ในเครือทั้งหมดอีกไม่นาน แต่ผมต้องสอนงานอีกสักหน่อย ฟ้ามีอะไรจะพูดไหมลูก” ประกิตหันมาถามปรายฟ้า เธอจึงต้องเล่นตามน้ำของบิดาไปก่อน
“ค่ะ หากมีอะไรแนะนำฟ้า เชิญได้เลยค่ะ” ปรายฟ้าบอกเสียงเรียบแม้ในใจจะคิดคัดค้านก็ตาม
“พวกเรายินดีมากครับที่จะมีคนรุ่นใหม่ไฟแรงมาบริหารงาน” หนึ่งในผู้บริหารชายเอ่ยขึ้น
“ยินดีเช่นกันค่ะ” ปรายฟ้าไม่ได้ยินดีด้วยเท่าไหร่นัก เพราะเรื่องวันนี้คือจำใจต้องทำ ถูกมัดมือชก และเล่นไปตามบทบาทที่ได้รับเท่านั้น จากนั้นปรายฟ้าร่วมการประชุมและทำความรู้จักกับผู้บริหารแต่ละคน กินเวลาเป็นชั่วโมงกว่าเธอจะได้ออกจากห้อง เมื่อเสร็จแล้วก็ออกมารอบิดาและมารดาในห้องทำงานเพื่อรอถามในสิ่งที่สงสัยทั้งหมด