สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสิขสิทธิ์ปี พ.ศ.2537
ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทำซ้ำ ตัดแปลง ส่วนใดส่วนหนึ่งของนิยายต้นฉบับนี้
โดยไม่ใด้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นของ นามปากกา MaNIE-STORY
บ้านปีกขวา
ร่างแกร่งสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา แต่นัยตานิ่งสนิท ลึกลับราวกับยามรัติการที่สืบทอดทั้งหมดนี้มาจากกะตัญผู้เป็นพ่อ แต่ดูเหมือนเขาจะมีมันมากกว่าผู้เป็นพ่อด้วยซ้ำ
“กาแฟค่ะคุณมาเฟีย”
“มารีนไปเรียนหรือยัง” มาเฟียเอ่ย
“คุณหนูมารีนยังไม่ลงมาจากห้องเลยค่ะ” แม่บ้านเอ่ย
“เฮียยยยย คิดถึงหนูเหรอคะ ถามหาแต่เช้า” เสียงสดใสของผู้เป็นน้องสาวเอ่ยพรางเดินมากอดคอผู้เป็นพี่ชายแล้วหอมแก้มเขา
“เฮียไม่เห็นหนูไงครับเลยถามหา”
“วันนี้หนูจะขับรถไปเองค่ะไม่ต้องไปส่ง”
“ยัยน้องเล็ก วันนี้เฮียขึ้นเวรพอดี เฮียไม่อยากรับเคสหนูนะ” เสียงมาเวลที่เดินมาเช่นกันเอ่ย เขากำลังจะออกไปโรงพยาบาลเมื่อมาเวลที่ชอบอาชีพนี้มากกว่างานที่บ้านแบบที่มาเฟียทำ
“ปากมึงนี่นะ” มาเฟียเอ่ย
“แช่งหนูอีกละ เฮียจัดการเฮียมาเวลเลย”มารีนเอ่ย
“อย่านะเฮีย หน้าเป็นแผลไม่ได้ห้ามฟาด เดี๋ยวขัดกับชุดกราวน์”
“เฮ้อ กูละปวดหัว”
“ไปทำงานละ เฮียไปนะยัยน้องเล็ก”มาเวลาเดินหยิบขนมปังก่อนออกไป ยังไม่ลืมทำหน้าตาหยอกล้อ
“หนูก็ขับรถระวังๆนะมารีน เฮียก็เป็นห่วง”
“สบายมาก เดี๋ยวไปรับเพื่อนๆมาร่วมชะตากรรมด้วยค่ะ55”
เขาได้แต่ยิ้มเมื่อมารีนคือคนเดียวที่ปลดคราบมาเฟียโหดออกจากตัวเขาได้เวลาอยู่ด้วยกัน
“หนูไปนะคะ”
หลังจากทั้งหมดออกไป มาเฟียยังคงนั่งดื่มกาแฟพร้อมเช็คงานในมือถือ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น
“การ์ด!!!”
“ครับนาย”
“ใครดูแลโกดัง7 ไปตามมา!!”มาเฟียเอ่ย
“ครับๆนาย”
มาเฟียหนุ่มขบกรามแน่นเมื่อเห็นรายงานสินค้า เพราะมันไม่ตรงและผิดรุ่น ผิดแบบไปหมดทั้งโกดัง
หลังจากที่อ่านรายงานของโกดังเสร็จแล้วพบปัญหา มาเฟียคว้ากุญแจรถสุดหรูของตัวเองก่อนเดินหน้าบอกบุญไม่รับออกไปที่รถ แต่ระหว่างทางกลับเจอดินแดนผู้เป็นปู่เข้าตรงหน้าบ้าน
“ไปไหนแต่เช้า หน้านี่ไอ้ตัญชัดๆ”
“ โกดังเจ็ดมีเรื่องนิดหน่อยครับปู่ ผมกำลังจะไปจัดการ”
“ เลือดพ่อมันแรงจริงๆเว้ยไอ้หลานคนนี้ มาเฟียรู้ไหมทุกครั้งที่ปู่มองหน้าแก เหมือนปู่เห็นไอ้ตัญตอนหนุ่มๆไม่มีผิด สีหน้าแววตาที่ใครมองแล้วอกสั่นขวัญแขวนฝันหนีดีฟ่อแบบนี้ ได้พ่อมาเต็มๆจริงๆ” ดินแดนเอ่ย
“ อะไรพ่อ ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้แก่สักหน่อย ยังมีอีหนูได้อีกเป็นสิบ” เสียงกะตัญผู้เป็นพ่อของมาเฟียเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาเจอทั้งคู่คุยกัน
“ มึงจะกินไม้หน้าสามหรือมึงจะกินตีนเมียมึงกูให้มึงเลือกไอ้ตัญ”ดินแดนเอ่ยเมื่อกะตัญลูกชายของเขาและพ่อของมาเฟียเดินสวนเข้าบ้านมา
“ ว่าแต่นี่มึงจะไปไหนมาเฟีย”
“ ไปโกดังเจ็ดครับพ่อ ไอ้พวกเวรนี่มันท้าทายอยากลองของกับผมจริงๆ สั่งงานกับมันเหมือนสั่งกับอากาศยังไงไม่รู้ วันนี้ถ้าผมจัดการไม่เด็ดขาดผมอนุญาตให้พ่อฟาดผมได้เลย”
“ กูว่า กูใจเด็ดแล้วนะ มึงนี่หนักกว่ากูอีกนะมาเฟีย เอาเถอะไปจัดการให้เรียบร้อย ลูกน้องดีก็เก็บไว้ ลูกน้องคนไหนเป็นปลาเน่าแตกฝูงก็จัดการมันซะ”
“ เรื่องนั้นผมถนัด”
มาเฟียขับรถออกจากบ้านปีกขวาก่อนตรงไปที่โกดังเจ็ดซึ่งเขาให้ลูกน้องคนสนิทตามลูกน้องทุกคนที่ดูโกดังนี้มาทั้งหมดกว่า 30 ชีวิต
และแน่นอนการปลูกฝังและนิสัยใจคอที่ถอดแบบผู้เป็นพ่อมาไม่มีผิด ทำให้มาเฟียตอนนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าลูกน้องหลาย 10 ชีวิต แผ่รังสีอำมหิตทำให้ไม่มีใครกล้ามองหน้าเขาแม้แต่คนเดียว เมื่อรู้ดีว่าการที่มาเฟียเข้ามาที่โกดังในเวลานี้และเรียกรวมพลทั้งหมดนั่นหมายความว่าต้องเกิดปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น และทุกครั้งที่เกิดปัญหามาเฟียมักจะมีวิธีจัดการกับลูกน้องที่ก่อเรื่องก่อราวทำให้งานของเขากระทบด้วยวิธีการที่เด็ดขาด
“ ใครตอบกูได้บ้างว่าทำไมรายงานกับของในโกดังถึงไม่ตรง?” มาเฟียเอ่ย
ลูกน้องกว่า 30 ชีวิตที่ดูแลโกดังนี้เบิกตากว้างเมื่อตกใจว่าทำไมเจ้านายหนุ่มของพวกเขาที่เข้ามาที่นี่น้อยกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ แต่กลับรู้รายละเอียดของสินค้าและจดจำรายงานได้ทุกครั้งว่ามันเกิดปัญหา หรือมีรายงานผิดพลาด
“ระ...รายงานตัวไหนครับนาย”
“ มันมั่วทุกตัวจนมึงไม่รู้ว่าจะแก้ตัวไหนก่อนถูกไหม!”
“เอ่อ....”
“ และกูยังรู้อีกว่าของในโกดังกูหาย ตอบกูมาว่ามันหายไปไหน!!!!!”มาเฟียเอ่ยเต็มเสียงทำเอาทั้งหมดต่างพากันเริ่มกลัวหนัก
“ผะ...ผม”
“ ตอบไม่ได้? หรือต้องการปิดไม่อยากตอบกูกันแน่!!!”
“ นายครับยกโทษให้พวกผมด้วย...”
“ กูนับหนึ่งถึงสามถ้ามึงยังไม่ส่งตัวคนผิดออกมากูจะไล่ยิงพวกมึงทิ้งทีละคน!!!!”
มาเฟียหนุ่ม หยิบปืนที่เหน็บหลังออกมาก่อนปลดเซฟพร้อมยิง ลูกน้องตรงหน้าทุกคนรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มของพวกเขาไม่เคยพูดจาล้อเล่น และหากบอกว่าจะยิง ก็ยิงจริงทุกครั้ง
อย่างครั้งก่อนที่มีลูกน้องทำงานพลาดจนทำให้สินค้าเสียหายเป็นจำนวนมาก เพราะความประมาท ครั้งนั้นมาเฟียเรียกทุกคนมารวมตัวกันและไม่ยอมมีใครรับสารภาพสักคนว่าทำไมถึงทำให้รถขนสินค้าเสียหายทั้งคันทั้งๆที่รถทุกคันควรตรวจเช็คสภาพและดูแลเป็นอย่างดี นั่นหมายความว่าความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากตัวรถแต่เกิดจากคน ครั้งนั้นมีลูกน้องสองคนที่เป็นเป็นต้นเหตุ เพราะสองคนนั้นนำรถ ออกไปใช้ส่วนตัวจนไม่ได้รับการเช็คสภาพ หลังจากที่ใช้งานจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ สินค้าเสียหายเกือบทั้งหมด และแน่นอนว่าลูกน้องที่เลี้ยงไม่เชื่องแบบนี้มาเฟียมีวิธีจัดการแบบเด็ดขาดจนทุกๆคนไม่กล้าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
“ หนึ่ง สอง”
“นะ...นายครับ”
“ สาม!!!!!”
หลังจากประโยคที่นับสามจบลง ปืนของมาเฟียหนุ่มก็เริ่มลั่นไกปืนทีละหนึ่งนัดเข้าที่หัวหน้าคนคุมโกดังเป็นคนแรกและไล่ตามลำดับลงไป จนกระทั่งผ่านไปถึงคนที่สี่ หัวหน้าโกดังที่ถูกยิงเป็นคนแรกเจ็บสาหัส ใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนบอกเจ้านายหนุ่มพราะไม่อยากให้ลูกน้องที่เหลือ ต้องถูกลงโทษโดยที่ไม่ได้มีความผิด
“นะ...นายครับ คนทำคือ ไอ้แซม กับไอ้ทิม...”
“ ถ้ามึงพูดตั้งแต่แรก กูคงไม่ต้องเปลืองกระสุนแบบนี้!!!!!”
ทันทีที่รู้ว่าตัวเองถูกเปิดโปงความผิด ลูกน้องทั้งสองคนนั้นจึงวิ่งแตกกลุ่มออกเพื่อหนีออกจากโกดัง
มาเฟียหนุ่มค่อยๆหันหันหลังอย่างใจเย็นไปทางที่ทั้งสองคนวิ่งด้วยใบหน้าเรียบนิ่งดวงตาลึกล้ำราวกับยามรัตติกาล ก่อนปืนกระบอกเดิมจะถูกยกขึ้นและลั่นไกลปืนออกไปสองนัด ทำให้ทั้งสองคนล้มลงทันทีทั้งๆที่กำลังวิ่ง กระสุนเจาะเข้าหลังท้ายทอยตัดเส้นประสาทจบชีวิตลงตรงนั้น ทันที
“ จำไว้ ใครที่เลี้ยงไม่เชื่อง จุดจบมันจะเป็นแบบนี้!!!”
“ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกครั้ง จะไม่มีใครมีลมหายใจรอดออกจากโกดังนี้ไปซักคน เข้าใจไหม!!!”
“ ครับนาย!!!!”
หลังจากจัดการลูกน้องที่มันเลี้ยงไม่เชื่อง จ้องแต่จะแว้งกัดผู้เป็นนาย มาเฟียก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานในโกดังนั่น จนถอนหายใจออกมา
โทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มถูกยกขึ้น ก่อนที่มือจะเลื่อนหน้าจอและปัดทิ้งบางแอพที่มันมีการแจ้งเตือนเข้ามาเยอะจนน่ารำคาญ
ซึ่งมันมีแชทจากสาวๆมากมายต่างก็พากันส่งข้อความส่วนตัวไดเร็คมาหาเขา บางคนก็อยากนัดมาเฟียไปทานข้าว แต่สำหรับบางคนก็จี้จุดมากจนเกินไป เพราะมาเฟียเป็นผู้ชายที่เข้าถึงยาก และไม่ยอมมีหญิงสาวเป็นตัวเป็นตน
“ อะไรกันนักหนาวะผู้หญิงพวกนี้เนี่ย ว่างกันนักหรือไง“
มือปัดข้อความเหล่านั้นทิ้ง ก่อนมือเลื่อนมาที่ข้อความของน้องสาวอย่างมารีน ซึ่งเพิ่งส่งข้อความเข้ามาหาเขาเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
(เฮียคะ วันนี้คุณพ่อคุณแม่บอกให้เข้ามาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยค่ะ เฮียห้ามทำงานจนลืมนัดนะคะ ไม่งั้นหนูโกรธด้วย)
นอกจากเอแคล์ผู้เป็นแม่ มารีนคือผู้หญิงคนเดียวที่สามารถชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ อยากให้ไปหาเขาสามารถไปได้ทันที เธอเป็นน้องสาวคนเล็กที่เป็นดั่งดวงใจของเขาทั้งดวง ด้วยอายุที่ห่างกันค่อนข้างมาก ทำให้มาเฟียในวัยเด็ก ต้องช่วยแม่เลี้ยงน้องอยู่บ่อยครั้ง แต่การเลี้ยงน้องคนรองอย่างมาร์เวล ที่เป็นเด็กผู้ชายที่แสนดื้อและซนทำให้มาเฟียใช้พลังงานค่อนข้างเยอะแต่กับยัยหนูน้องคนเล็กเธอเป็นเด็กหญิงบอบบางที่เขาเฝ้าทะนุถนอม จึงทำให้เขาเป็นพี่ชายคนโตที่ค่อนข้างอ่อนโยนสำหรับมารีน
(เฮียไม่ลืมครับ เดี๋ยวเฮียจะรีบทำงานแล้วรีบกลับนะ)
นั่นคือข้อความจากมาเฟียที่ส่งหาน้องสาวอย่างมารีน รอยยิ้มของชายหนุ่มก็เผยขึ้น มารีนเป็นผู้หญิงคนที่สองที่ทำให้เขายิ้มได้ในทุกๆวันที่เครียด นอกจากมารีนแล้วเขายังมีน้องสาว ซึ่งเป็นลูกของน้าฝาแฝดพ่อของเขา อย่างโคอี้ที่อายุไล่เลี่ยกับมาเวลน้องชายคนรอง
โคอี้กับมารีนสนิทกันมาก และสองสาวนี้มักจะทำให้เขายิ้มตามเวลาที่พวกเธอนั่งคุยกันต่อหน้าเขาอยู่บ่อยครั้ง
บ้านปีกขวา
“ ไหนเฮียบอกจะมาเร็วไงคะ ทำไมเฮียมาทีหลังหนู” มารีนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายคนโตอย่างมาเฟียเดินเข้าบ้านมา
“ หนูกลับมาถึงกี่โมงล่ะครับ”
“ บ่ายสองค่ะ”
“ นั่นมันตอนที่หนูส่งข้อความไปหาเฮียไม่ใช่หรอ แล้วเฮียจะกลับมาทันหนูได้ยังไงล่ะครับ”
“ ใช่ค่ะ ลืมเลย55555”
“ ขับรถออกจากมหาลัยตั้งแต่ 11 โมงมั้งเฮีย น้องสาวสุดที่รักของเฮียถึงมาถึงบ้านบ่ายสอง” เสียงมาเวลลูกชายคนที่สองของบ้านเอ่ยขึ้น ซึ่งมาเวลและมารีนชอบเถียงกันเป็นประจำ แต่มาเวลก็รักมารีนมากดั่งดวงใจเช่นกัน
“ มึงก็ขยันว่าน้อง”
“ หนูว่าบางทีเฮียมาเวลก็ต้องผ่าตัดตัวเองบ้างนะคะ” มารีนเอ่ยขำคิกคัก
“ หนูจะว่าให้เฮียพาหมาออกจากปากใช่ไหมเนี่ย”
“ อุ๊ย!! เฮียพูดเองนะคะหนูไม่ได้พูด”
“ ดูน้องสาวสุดที่รักของเฮียดิ หลอกด่าผมอีกแล้ว”
“ มึงก็ชอบไปแหย่น้อง โตแล้วนะมึงอ่ะ แต่บางทีกูว่าน้องก็พูดถูก ผ่าหมาออกจากปากซะมั่ง หมอห่าอะไรโคตรปากหมาเลย”
“ โหโดนรุมว่ะ” เสียงมาเวลเอ่ย
“ เถียงกันอีกแล้วสามคนพี่น้องนี่ นั่งก่อนลูก วันนี้แม่ทำแต่ของโปรดลูกๆทั้งนั้นเลย” เสียงเอแคร์ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นในขณะที่พาแม่บ้านยกอาหารขึ้นโต๊ะ
“ วันนี้วันพิเศษอะไรเหรอคะแม่ ถึงได้ลากเฮียมาเวลที่คิวทองซะเหลือเกินมานั่งกินข้าวพร้อมกันครบครอบครัวเลยค่ะ” มารีนเอ่ยถามผู้เป็นแม่
“ เห็นพ่อบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับทุกคนนะ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร”
“ เฮียคิดเหมือนกันไหม พ่อให้แม่จัดของโปรดให้แล้วค่อยคุยกับเรา ไม่ใช่เรื่องดีแน่ หายนะมาชัวร์” มาเวลเอ่ย
“ เชื่อหรือยังว่ามึงควรผ่าหมาออกจากปาก” มาเฟียพี่ชายคนโตเอ่ย
“ จริงนะเฮีย ผมว่าผมสัมผัสได้ เรื่องใหญ่ชัวร์” มาร์เวลเอ่ย
หลังจากที่เริ่มทานอาหารมื้อเย็น มาเฟียที่เป็นพี่ชายคนโต ด้วยความที่วุฒิภาวะเขามีมากกว่าน้องและเป็นคนนิ่งๆ ถึงไม่เลือกจะเปิดก่อนในคำถามที่พ่อของเขานัดทานมื้อเย็นในวันนี้ แต่กลับเป็นมาเวล ที่เอ่ยถามผู้เป็นพ่อตรงๆ มาเวลหมอหนุ่มฝีปากกล้า และตรงไปตรงมา เอ่ยขึ้น
“ พ่อครับ แม่บอกว่าวันนี้พ่อมีเรื่องจะคุยกับพวกผม มีอะไรหรือเปล่าครับพ่อ”
“ มึงนี่ก็อยากรู้จนไม่รอให้กินข้าวเสร็จก่อนหรือไง” กะตัญเอ่ย
“ มันคาใจแล้วกินข้าวไม่อร่อยหรอกครับพ่อ” มาเวลเอ่ย
“ ที่วันนี้พ่อนัดคุย เพราะมีเรื่องที่อยากจะบอกกับทุกคน อย่างแรกเลย พอจะเริ่มวางมือจากงานทั้งหมดมากขึ้น แน่นอนว่ามาเฟียแกเป็นพี่คนโต ต้องรับบทบาทมากขึ้น”
“ ไม่มีปัญหาครับพ่อ” มาเฟียเอ่ย
“ อย่างที่ทุกคนเห็นมาตั้งแต่เด็ก ธุรกิจบ้านเราค่อนข้างจะใหญ่มาก แน่นอนว่ามาเฟียแกไม่สามารถคุมคนเดียวได้หมด มาเวล พอรู้ว่าแกรักในอาชีพหมอที่แกกำลังทำ แต่ธุรกิจบ้านเรา ก็ยังต้องพึ่งพาลูกๆทุกคนในบ้าน แกเข้าใจที่พ่อพูดไหม”
“ ผมเข้าใจ ครับพ่อ แต่สำหรับผม อาชีพหมอมือผมมีไว้ช่วยชีวิตคน แล้วผมจะใช้มือที่ช่วยชีวิตคน ฆ่าคนอื่นได้เหรอครับ“
” ทำอย่างกับไม่เคย“กะตัญเอ่ย
” โหพ่อ ผมอุตส่าห์พูดเป็นหลักการ ผมเข้าใจครับผมแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ ไอ้พวกเวรตะไลนั่นมันสมควรตาย มือผมมีไว้ช่วยคนไข้ที่โรงพยาบาลกับคนดีครับพ่อ“ มาร์เวลเอ่ย
” งั้นมึงรักษาตัวเองไม่ได้นะ“
” โหพ่อหลอกด่าผมอีกแล้ว เมื่อกี้เพิ่งถูกน้องด่า“
เสียงหัวเราะของครอบครัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง มาเฟียผู้เคร่งขรึม ก็อมยิ้มอยู่ไม่น้อย
“ มาเฟีย มึงเป็นพี่คนโตอายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว มึงไม่คิดจะมีเมียไง”
“ ยังครับพ่อ แค่ทำงานกับดูแลน้องผมก็ไม่มีเวลาให้ตัวเองหรอกครับ” มาเฟียเอ่ย
“ เหมือนเฮียหลอกด่าหนูเลยค่ะพ่อ”
“ วันนี้ลูกเราหลอกด่ากันทั้งวันเลยนะแคล หนูว่ามั้ย”
หลังจากจบมื้อเย็นและเรื่องที่จะคุย แน่นอนว่าเป็นไปตามคาด กะตัญ กำลังวางแผนโยกย้ายเพื่อจะวางมือ ซึ่งลูกทุกคนเข้าใจเขาดี โดยเฉพาะมาเฟียลูกชายคนโตที่รับงานต่อจากผู้เป็นพ่อมายาวนานตั้งแต่ตอนเรียน
“ มารีน หนูจะออกไปไหน?”
“ หนูมีนัดค่ะเฮีย หนูขอคุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ”
“ จะไปไหนครับนี่มันสองทุ่มกว่าแล้วนะ”
“ วันนี้หนูจะนอนค้างบ้านเพื่อนค่ะเฮีย”
“ บ้านเพื่อน? เพื่อนคนไหนครับ เดี๋ยวเฮียไปส่ง”
“ ดานีนค่ะ”
คุยกันจบมาเฟียขับรถตรงมายังทางทางที่น้องสาวบอกเพื่อไปบ้านของเพื่อนเธอ ซึ่งจริงๆเพื่อนของมารีนทุกคนเค้าเจอผ่านๆมาแล้วแทบทุกคน แต่ก็ไม่เคยคุยกับใครมากนัก และมารีนไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้าน เธอกลัวว่าเพื่อนของเธอจะกลัวครอบครัวของเธอ ตั้งแต่สมัยมัธยมจึงมักนัดเพื่อนที่คอนโดอยู่บ่อยๆ
“ ถึงแล้วค่ะเฮีย”
หลังจากกดกริ่งหน้าบ้านอยู่สองสามครั้ง หญิงสาวตัวเล็กที่มาเฟียจำได้ลางๆ ว่าคือเพื่อนของน้องสาวเดินออกมา
“ สวัสดีค่ะพี่มาเฟีย” ดานีน ยกมือขึ้นสวัสดีมาเฟียผู้เป็นพี่ชายของหญิงสาว เขาพยักหน้ารับเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ เฮียกลับเลยก็ได้ค่ะ”
“ แล้วพรุ่งนี้มีเรียนมั้ยครับ เดี๋ยวเฮียมารับ”
“ มีเรียนค่ะ นี่ไงคะหนูพกเสื้อผ้ามาด้วย” มารีนยกให้ผู้เป็นพี่ชายดู
“ เราขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ นั่งอั้นมาตั้งแต่บนรถแล้ว” มาริีนรีบเดินเข้าไปในบ้านของดานีนเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เหลือทิ้งไว้แต่เพื่อนสนิทและพี่ชายของเธอ