เรือนหอของน้ำเงินเป็นบ้านโมเดิร์นสไตล์ขนาดเล็กซ่อนอยู่ในร่มไม้ห่างจากบ้านหลังใหญ่ไม่มาก แลดูไม่เข้ากันนักกับบ้านหลังใหญ่เพราะเรือนหอคล้ายกับเป็นกระท่อมหรือบ้านตาอากาศขนาดเล็กแปลกแยกกับบ้านหรู แต่ก็เป็นส่วนตัวและน่าอยู่สำหรับคู่รักสองคน... หากว่าเป็นคู่ที่แต่งงานจริงๆ มันก็โรแมนติกเหมาะสมกับการอยู่ด้วยกันเพื่อดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สองต่อสองแบบไม่ต้องไปไหนไกลเลย น่าเสียดายความงดงามและโรแมนติกของบ้านนี้เหลือเกินที่มันไม่ได้ทำให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวมีความสุขไปกับความน่าอยู่ของบ้านหลังนี้เลยสักนิด
ยามที่ผู้ใหญ่ให้พรและให้น้ำเงินกับรัศมีดารานอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ รัศมีดาราทำตัวนิ่งๆ มองแบบปลอบใจพี่สาวด้วยซ้ำ... หล่อนคิดว่าว่าหล่อนจะปลอดภัยแม้ว่าแต่งงานแล้วต้องอยู่ที่บ้านน้ำเงิน... ที่หล่อนมั่นใจมากก็เป็นเพราะว่าตอนที่เข้าพิธีอยู่ น้ำเงินกระซิบบอกตอนที่นั่งให้ผู้ใหญ่รดน้ำสังฃ์และได้รับคำอวยพรราวกับว่าแต่งงานกันกับเขาจริงๆ
“อย่าคิดระเริงว่าได้เป็นเจ้าสาวตัวจริงเด็ดขาด ผมเอาคุณมาแต่งงานเพื่อบีบให้พี่ชายคุณคืนพลอยมาเท่านั้น... วันนี้คุณแค่ทำหน้าที่แทนพลอย”
รัศมีดารามองคนที่บอกหล่อนอย่างหงุดหงิด...
“ฉันก็คิดแค่ว่านี่คือละครฉากหนึ่งเท่านั้นค่ะ... ไม่ได้คิดว่าเราแต่งงานกันจริงๆ หรอก”
เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงมั่นใจว่าน้ำเงินไม่ได้พิศวาสและไม่เอาเปรียบหล่อนแน่ เมื่อลมหายใจของเขามีแต่วาวพลอยเท่านั้น... หล่อนจึงยอมเข้าหอกับเขาตามที่ครอบครัวเขาต้องการ และยอมรับให้ทุกอย่างเกิดขึ้น และค่อยตามไปแก้ไขปัญหาทีหลัง... หล่อนทำเพื่อครอบครัวของพี่ชายและหลานตัวน้อยในท้องของวาวพลอย... คิดในใจว่าถึงหมดอนาคตในวงการหล่อนก็ยังมีวิชาความรู้ มีงานประจำทำที่สกายบริษัทโฆษณาของครอบครัวที่พวกหล่อนร่วมกันก่อตั้งมา
ออกมาจากห้องหอของน้องสาวแล้ว จันทร์เจ้าขาก็มานั่งถกกับอาม่าของน้ำเงิน เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน... หล่อนจะพาน้องสาวกลับบ้านแต่อาม่าไม่ยอม ท่านไม่อยากให้งานแต่งงานที่จัดขึ้นนี้พังลงเพราะว่าเจ้าสาวไม่เข้าหอ... อาม่าค่อนข้างหัวโบราณ แม้น้ำเงินจะสารภาพต่อญาติทุกคนและผู้จัดการส่วนตัวของรัศมีดาราแล้วว่าที่เขาเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเพราะว่าเจ้าสาวตัวจริงหนีไปงานแต่งงานต้องดำเนินการต่อ
น้ำเงินเองก็ตามใจอาม่ามาก โดยที่ไม่รู้เลยว่าทำให้น้องสาวหล่อนเสียหายขนาดไหน คิดแล้วก็โกรธแค้น แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะว่าก็มีส่วนผิดกับเรื่องนี้อยู่..
รู้ว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้จันทร์เจ้าขาจึงตกลงกับน้องสาวว่าจะมารับน้องสาวกลับทีหลัง หล่อนไม่ได้กลับเข้ามาดูน้องสาวอีกเพราะว่าต้องรีบกลับ เจ้าสาวหมาดๆ จึงได้รับเพียงข้อความที่แสดงความห่วงใยจากพี่สาวและผู้จัดการส่วนตัวให้ดูแลตัวเองดีๆ ถ้ามีอะไรผิดปรกติหรือต้องการความช่วยเหลือใดๆ ก็สามารถโทรหาได้ทั้งคืน...
รัศมีดาราบอกกับตัวเองว่าหล่อนเป็นผู้ใหญ่แล้ว หล่อนจะไม่ทำให้ใครมานั่งเป็นกังวลกับเรื่องของหล่อนอีกต่อไป ข้อความที่หล่อนตอบกลับทุกคนไปจึงเป็นแค่เพียงคำว่า ขอบคุณและไม่ต้องห่วงอะไรเลย
สถานการณ์ไม่ได้อึดอัดมากเท่าไหร่เมื่อต้องอยู่ร่วมห้องหอ... เพราะห้องที่อยู่ด้วยกันนั้นไม่ใช่ห้องเดี่ยวแต่เหมือนอยู่บ้านเล็กๆ หลังเดียวกันมากกว่าเพราะเป็นบ้านขนาดหนึ่งห้องนอน มีห้องนั่งเล่นและห้องครัวอยู่ภายใน... บริเวณห้องครัวเล็กนั้นบนโต๊ะอาหารมีผลไม้สดจัดวางสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่อาจจะยุ่งยังไม่ได้ทานอะไรได้เต็มอิ่มนัก นอกนั้นในตู้เย็นยังมีอาหารที่อุ่นได้สะดวกอีกด้วย
“จะอาบน้ำก็ได้นะ ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนใหญ่ ตามสบายแล้วกัน” น้ำเงินยอมพูดคำแรกกับรัศมีดาราหลังจากที่ผู้ใหญ่ออกจากห้องหอไปหมดแล้ว หญิงสาวเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองหน้าที่เดาความรู้สึกของเขาไม่ออก... เขากับหล่อนคงอึดอัดพอกันที่จะต้องอยู่แบบนี้ แต่ก็ต้องทำเป็นไม่ยินดียินร้ายอะไร เพื่อให้คืนนี้ผ่านไปให้ได้
“ขอบคุณค่ะ”
ไม่คิดจะพูดอะไรกับเขาอีก หล่อนเดินหิ้วกระเป๋าเล็กๆ ของตัวเองที่ติดตัวมาแต่แรกเดินเข้าห้องนอนไป เปิดกระเป๋าแล้วก็รู้สึกว่ามันมีปัญหาเล็กน้อยตรงที่รัศมีดาราไม่ได้เตรียมตัวมาที่จะเป็นเจ้าสาว หล่อนจึงมีกระเป๋าเดินทางมาใบเดียวที่จะเดินทางไปเที่ยวทะเลที่ต่างจังหวัดซึ่งได้เตรียมไว้ก่อนต้องเบนเข็มมางานแต่งงานที่บ้านน้ำเงินและเพราะเหตุฉุกละหุกทำให้หล่อนต้องมาเป็นเจ้าสาวเอง สุดท้ายของที่หล่อนหิ้วเข้าบ้านน้ำเงินมาจึงมีแค่ชุดที่ญาติๆ ของน้ำเงินเห็นคงส่ายหัวและนั่งต่อว่าหล่อนเป็นการใหญ่แน่ว่านุ่งน้อยห่มน้อย... เพราะมันเป็นชุดไปเที่ยวทะเลทั้งนั้น
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดว่าคืนนี้เสื้อคลุมอาบน้ำอาจจะเหมาะแก่การใส่นอน เพราะอยู่นี่แค่คืนเดียวเท่านั้น... แต่มันจะมีหรือไม่ต้องถามเจ้าของบ้านเล็กหลังนี้ เพราะถึงเขาจะบอกให้ใช้ห้องน้ำได้ตามสบายแต่หล่อนก็ไม่อาจถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าบิลด์อินของเขาได้
เท้าเล็กๆ ก้าวออกมานอกห้องนอน เห็นน้ำเงินนั่งดื่มเหล้าอยู่และทานอาหารที่คนเตรียมไว้ให้เป็นกับแกล้ม... ดวงตายาวรีของเขาหรี่มองหล่อนเมื่อหล่อนเดินเข้ามาหา
เขาบอกให้หล่อนทำตัวตามสบายจึงทำให้หล่อนกล้าที่จะพูดกับเขา
“ฉันขอคุยหน่อยได้ไหมคะ”
“มีอะไร”
“ฉันจะขอยืมชุดคลุมอาบน้ำของคุณ พอดีฉันจะใส่นอน ชุดฉันไม่มีชุดนอน...”
“ไม่มีหรอก ผมไม่ได้ใช้ มีแต่ผ้าเช็ดตัว” น้ำเงินเป็นคนง่ายๆ เขาไม่เข้าใจว่าหล่อนจะเรื่องมากอะไรนักหนา...
“สวมชุดนอนของผมไปแล้วกัน วางอยู่ในตู้นั่นแหละ” เขาบอกห้วนๆ ไม่ได้เป็นมิตรกับหล่อนเท่าไหร่ แม้ว่าไม่ได้เกลียดแต่ว่าก็ไม่ได้ชอบนัก ทำตัวเป็นมิตรไม่ลงด้วยเพราะหล่อนคือตัวการที่ทำให้เจ้าสาวเขาหนีไป ไม่จับหักคอก็บุญแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์เสียเขาไม่ได้เตรียมอะไรสำหรับเจ้าสาวเพราะคิดว่าเจ้าสาวของเขาไม่ต้องใส่อะไรในคืนเข้าหอ แต่พอมาเป็นหล่อนมันก็ยิ่งเซ็งเพราะหล่อนไม่ใช่คนที่เขารอคอย
เห็นหน้าตึงของน้ำเงินแล้วรัศมีดาราคิดว่าหล่อนต้องรีบเผ่น เพราะว่าเขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าหล่อนให้รำคาญตา...
“เดี๋ยวก่อน” น้ำเงินเรียกหล่อนไว้...
“มีอะไรหรือคะ” ร่างบางในชุดเจ้าสาวสวยหวานสำหรับงานเลี้ยงกลางคืนหันขวับมา...
“มาทานข้าวกันก่อนสิ ไม่ได้ทานอะไรเลยไม่ใช่หรือไง... ไม่ต้องรีบนอนหรอกนี่ยังไม่ดึกสักหน่อย...” เขาผายมือชวน มิตรภาพแบบห้วนๆ จากปากคนที่หน้าตาดูร้ายสุดๆ เพราะดวงตายาวรีเฉียงขึ้นมองหล่อนตรงๆ แต่หล่อนไม่ค่อยกล้าจ้องกลับนักทำให้หล่อนดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรหรือจริงใจหรือเปล่า
แต่คำเชิญชวนพร้อมกับอาหารที่น่าทานกอปรกับความหิวโหยที่เกิดเพราะวันทั้งวันมัวแต่วุ่นแทบไม่ได้ทานอาหาร นี่ขนาดว่างานแต่งงานถูกจัดเล็กๆแถมไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย เหมือนมาเข้าฉากละครเท่านั้น แต่ว่ามันก็เหนื่อยมาก ไม่อยากนึกถึงเลยว่าหากงานแต่งงานจริงๆของหล่อนคงจะเหนื่อยมากกว่านี้หลายๆ เท่า
แต่ว่าหล่อนคงไม่ลำบากได้แต่งงานจริงๆ หรอก รัศมีดารารู้ตัวแล้วว่าพอแต่งงานครั้งนี้ไปสังคมก็รับรู้ว่าหล่อนมีสามีแล้ว แล้วคนดีๆ ที่ไหนจะกล้ามาแต่งงานกับหล่อนอีก
รัศมีดาราถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่หล่อนจะทรุดนั่งลงตรงหน้าเจ้าบ่าวฉุกเฉินของหล่อน มือเล็กหยิบช้อนส้อมที่มีคนเตรียมโต๊ะอาหารไว้ให้เรียบร้อยมาเริ่มลงมือทานอาหาร
“เอาข้าวหรือเปล่า” น้ำเงินยังมีแก่ใจถาม...
“ไม่ค่ะ ปรกติฉันไม่ทานอะไรดึกขนาดนี้... แต่ตอนนี้หิวจนร่างจะสลายแล้ว ทานแต่พวกโปรตีนกับผักผลไม้ดีกว่า” รัศมีดาราต้องไว้หุ่นตลอดตั้งแต่เริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นนางแบบวัยรุ่น รวมทั้งการประกวดต่างๆ ที่ต้องสวมชุดโชว์รูปร่าง นอกจากออกกำลังกายแล้วการคุมอาหารก็สำคัญ...