เหมยลี่ก้าวนำหน้าทุกคนมา และซ่างเป่ายามนี้อยู่ไม่ห่างจากหญิงวัยกลางคน
“พวกเธอ รออยู่ตรงนี้ก่อน ฉันขอเข้าไปดูความเรียบร้อย เดี๋ยวออกมา”
พอเธอจะเปิดประตูเข้าไป เหมยลี่คิดบางสิ่งได้ทัน จึงหันมามองทุกคน ด้วยสายตาที่บอกให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเอ่ยสำคัญ
“เรื่องเสี่ยวซ่างสลบอยู่กลางถนน อย่าเพิ่งพูด รอฉันสืบความให้ละเอียด และนังงูพิษนั่น อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น ตรอกปู้โจว เพราะมันคือถิ่นฉันตั้งแต่เกิด และตึกเขียวนี่ ทุกคนล้วนรู้จักเจ่เจ้เหมยลี่”
เหมยลี่ขู่ซินอี๋ และเป็นตอนนั้นที่ซ่างเป่าเขย่าแขนหญิงวัยกลางคน
“ป้าเหมยลี่... หม่ามี้น้องไม่มีลมหายใจ เหมือนคนห้อง208 ใช่ไหม”
เด็กชายหมายถึงห้องที่สามีภรรยามีปากเสียงกัน ยามนั้นเหมยลี่ย่อตัวลง แล้วจูบขมับซ่างเป่า เธอเลี้ยงเข้ามาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกใบนี้ ลำบากมาด้วยกันกับสิงหยุนเจี๋ย เป็นทั้งพี่สาว แม่นม และป้าของสองแฝด
“ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย แม่ของเสี่ยวซ่าง เป็นคนขี้เซาเท่านั้น เดี๋ยวป้านางฟ้าสุดสวย จะไปปลุกให้ตื่น ตกลงตามนี้นะ”
กล่าวจบ เหม่ยลี่ก็เปิดประตูเข้าไป ทว่าความรู้สึกแรกที่สัมผัสคือบรรยากาศที่หนักอึ้ง ขณะเดียวกัน หูได้ยินเสียงร้องไห้ของคุนเป่า เด็กชายเข้มแข็งเพียงใด เรื่องนี้เธอย่อมรู้ หากยามนี้เขากลับแสดงความอ่อนแอให้เห็น
เหมยลี่ก้าวไปยังร่างที่นอนอยู่บนฟูก ภาพตรงหน้าช่างบีบคั้นอารมณ์
“เสี่ยวคุน... ไปเอาน้ำอุ่นมาให้ป้าทีลูก”
เสียงเหมยลี่ทำให้เด็กชายสะดุ้งโหยง และหันมาหาเธอ
ดวงตาเขาแดงก่ำ น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
หญิงวัยกลางคนอยากปลอบ อยากเอ่ยหลายสิ่งหลายอย่าง ทว่ายามนี้เธอต้องดูแลสิงหยุนเจี๋ย
เมื่อเอื้อมมือไปแตะร่างอีกฝ่าย เหมยลี่ปล่อยโฮอย่างหนัก เธอโดยมิอาจกลั้นความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่ร่างไว้ได้
“อาเจี๋ย กลับมา ลูกเธอยังเล็ก... เธอบอกว่าจะเปิดร้านขายขนมด้วยกัน แล้วฉันก็ไม่มีน้องสาว มีแต่ผัวเฮงซวย ที่ตัดยังไงก็ไม่ขาดจากกัน ละ ลุกขึ้นมาก่อน ไม่มีเธอแล้ว จะมีใครสอนฉันทำขนม และพาฉันแต่งตัวสวยๆ อีกอย่าง เถ้าแก่ร้านขายของ และนายทหารตั้งหลายคนที่อยากมาดูตัวเธอ พวกนั้นไม่ติด หากเธอจะมีลูกแล้ว...ตื่นสิอาเจี๋ย”
เสียงของเหมยลี่ดังมาก ทว่าคนที่หลับอยู่นั้น คล้ายกับไม่อาจรับรู้
อึดใจต่อมาประตูห้องด้านนอกถูกเปิดเข้ามา นั่นเป็นเพราะซ่างเป่าได้ยินเสียงเหมยลี่ ส่วนคนนอกอย่างโทนี่ กับซินอี๋ ไม่กล้ายุ่มย่ามทั้งคู่เพียงแต่ยืนรอเท่านั้น
“ฉัน... ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเลยนะ” ซินอี๋ว่าเสียงอ่อย และหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้ามองเข้าไปในห้อง หรือสบสายตาโทนี่
“เอาเป็นว่า เรื่องนั้นไว้คุยอีกที ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกัน ผมหวังว่าคุณจะช่วยเสี่ยวซ่าง รับมือกับเรื่องร้ายๆ ในวันนี้”
“เฮ้อ... ฉันไม่ใช่คนใจไม้ใส้ระกำ แต่ขอเวลาทำใจก่อน” ซินอี๋เอ่ยจบ ก็ก้าวไปสูดอากาศตรงโถงทางเดิน และหล่อนไม่ได้คิดหลบหนี ในห้วงขณะหนึ่ง จิตสำนึกว่าต้องช่วยเด็กชายให้ผ่านพ้นวันโศกเศร้า
ฝ่ายซ่างเป่าวิ่งเข้าไปหามารดา แล้วเอ่ยเสียงใสๆ
“หม่ามี้... ตอนไปตามอากงเจี้ยน น้องกระโดดตัวลอย แล้วหล่นบนถนนแข็งๆ เจ็บตูด เจ็บท้องแต่ต้องรีบลุกไวๆ”
เขาว่าและชี้ให้ดูตามแขนขา เมื่อไม่เห็นแม่ตอบเลยใจหาย จากนั้นจึงยื่นมือไปอังที่จมูกของสิงหยุนเจี๋ย ทำอย่างเดิมแบบที่แม่เคยสอน
หัวคิ้วเล็กๆ ของเด็กชายขมวดมุ่น นิ้วของเขายื่นเข้ายื่นออก คล้ายกับว่าสงสัยสิ่งที่รับรู้ในยามนี้
“ป้าเหมยลี่... คนตายแล้วไปไหน”
เมื่อซ่างเป่าเอ่ยถาม เหมยลี่ยิ่งรวดร้าวกว่าเดิม
หญิงวัยกลางคนสูดลมหายใจลึก เธอรู้ว่าตอนนี้ต้องเป็นหลักยึดให้เด็กๆ ทั้งสองคน
“อาเจี๋ย แค่นอนหลับ เสี่ยวซ่างหิวไหม... ป้ามีเซาปิง และกล้วยหอมด้วย”
เด็กชายได้ยินอย่างนั้น เขาทำตาโต และยิ้มกว้าง
“หิวมาก แต่ให้หม่ามี้กินก่อน หม่ามี้ชอบบอกว่าอิ่มแล้ว ทั้งที่กินแค่น้ำจากก๊อก!”
ซ่างเป่าแบมือขออาหารจากเหมยลี่ ฝ่ายเธอยิ่งตัวสั่น ทั้งหัวใจบีบรัดยิ่งกว่าเดิม
“ป้าเหมยลี่หิวเหมือนกันเหรอ... หิวจนร้องไห้เหมือนน้องเลย”
ซ่างเป่ามองเหมยลี่ และเห็นว่าผู้ใหญ่เวลาขี้แยดูตลกมากๆ
ร่างที่นอนอยู่และต่อสู้กับความกลัว และการอยู่รอด เกิดการประท้วงกันอย่างหนัก
สิงหยุนเจี๋ยหาใช่คนอ่อนแอ แต่เธอมิใช่คนดีสักเท่าไหร่ แน่นอนกล่าวได้ว่ามันเข้าขั้นร้ายกาจ และยังก่อกรรมไว้กับใครหลายคน ซึ่งไม่ใช่แค่หลัวอี้หยางเหริน หรือสองแม่ลูกที่ฮุบสมบัติก่อนสุดท้ายของเธอไป ทว่าใครที่เอาเปรียบ หรือคิดไม่ดีต่อสิงหยุนเจี๋ย พวกนั้นจะต้องถูกกระทำแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
ห้วงเวลานั้น เจ้าของร่างสั่นสะท้าน ด้วยพยายามหลุดพ้นภาพช่วงสุดท้ายก่อนหนีจากหลัวอี้หยางเหรินสำเร็จ และเสียงของผู้มาจากโลกอื่นดังขึ้นในห้วงความคิด
“อาเจี๋ยเธอต้องสลัดจิตให้หลุดจากความทุกข์ ไม่อย่างนั้นเราทั้งสองคน ต้องแตกดับทั้งคู่ อย่าลืมสิ คุนเกอ ซ่างเกอ... เป็นเด็กดี พวกเขาต้องการแม่ดูแล และฉันช่วยเรื่องนี้ได้”
สิงหยุนเจี๋ยรู้ว่าอีกฝ่ายซึ่งมีชื่อแซ่เดียวกันนั้นหวังดี และยังเป็นหมอที่มีความรู้ ผิดกับเธอที่จบเพียงชั้นมัธยมต้น ส่วนหมอหญิงคนนี้เป็นง่อยอยู่หลายปี นอนหลับเป็นผักช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ การที่อีกฝ่ายจะมาอาศัยร่างเธอเพื่อมีชีวิตอีกครั้ง คงเป็นสิ่งที่หมอหญิงปรารถนา และสวรรค์ได้กำหนดไว้แล้ว
“ไม่ใช่แค่เขาที่ร้ายกับฉัน ทุกคนในสกุลหลัว รวมถึงโลกใบนี้ ไม่เคยใจดีกับฉันเลย ฉันทรมาน ถูกทำร้าย และไม่เคยถูกใครรัก!”
“ตั้งสติ อย่าให้ความชั่วสร้างพลังด้านลบ มิเช่นนั้นสิ่งที่เราทั้งคู่ทำมาจะไม่เกิดประโยชน์”
สิงหยุนเจี๋ยร้องไห้ไม่หยุด และเอ่ยเสียงขาดเป็นห้วงๆ
“คุณหมอ... ฉันขี้ขลาด และอ่อนแอเกินไป”
เสียงของสิงหยุนเจี๋ยเบาเหลือเกิน จากนั้นอดีตก็ฉุดเธอ คืนสู่คืนนรก
หลัวอี้หยางเหรินใช้ปืนตบเบาๆ ที่แก้มหญิงสาว และเดี๋ยวเขายิ้ม เดี๋ยวฮัมเพลงบ้าบอที่น่ารำคาญ
“ฮึ ฉันจะเป็นคนใส่เสื้อผ้าทุเรศๆ ให้ขยะอย่างเธอเอง จากนั้นเราจะถ่ายรูปตอนเย่อกันเก็บไว้เป็นหลักฐานว่า ครั้งหนึ่งฉันมี รสนิยมสถุนแค่ไหน”
สิงหยุนเจี๋ยโกรธ ทั้งครั่นคร้ามใจ ยามนี้ต้องฉลาดพอไม่โต้เถียงเขา ไม่ใช่แค่ปืนในมือหลัวอี้หยางเหริน แต่ยังเป็นเพราะอารมณ์เขาไม่คงที่ เธออาจถูกทำร้ายหนัก ไม่ก็ถึงขั้นตายแล้วเป็นศพเน่าอยู่ในห้องนี้
“เฮียเหริน... ฉันยอมคุณทุกอย่าง ขอเพียงอย่าทำร้ายกัน และเมื่อคุณทำทุกสิ่งจนพอใจ ได้โปรดปล่อยฉัน”
“คิดว่าตัวเธอจะทนไหวหรือเปล่า บทลงโทษนี้รุนแรงมากรู้ไหม เธอทำกับเสี่ยวผินหนักหนามาก รอยช้ำบนร่างกายเต็มไปหมด แต่ไม่เท่ากับสภาพจิตใจย่ำแย่ ตอนนี้ยังนอนร้องไห้กลัวจะถูกคนทำร้ายอยู่เลย”
สิงหยุนเจี๋ยทำเสียงหยันในลำคอ ผู้หญิงมารยา ย่อมทำให้ผู้ชายโง่ ๆ หลงเชื่อเสมอ โดยเฉพาะฝ่ายนั้น แสร้งทำตัวแสนดี ไร้เดียงสา
“ฉันกล้าทำก็กล้ารับทุกอย่าง ส่วนคนของเฮีย เชื่อเถอะ ต่อให้ก่อเรื่องระยำ หรือร่านราคะยังกะโสเภณีแค่ไหน คงถูกยกย่องให้เป็นเทพธิดาบนสรวงสวรรค์”
เอ่ยจบใบหน้าของสิงหยุนเจี๋ยถูกปลายกระบอกปืนตบ! ถึงไม่ใช่การกระทำรุนแรง แต่เธอคับแค้นใจ ยามนั้นน้ำตาไหลเอ่อคลอหน่วย
“โอ๊ะ เห็นไหม ว่ามือฉันมันลั่นง่ายแค่ไหน แล้วถ้าเกิดเป็นลูกปืนลั่นล่ะ... เธอคงซีแหง๋แก๋อยู่บนเตียง เป็นศพเปลือยให้นักข่าวมันมาถ่ายรูป เอาไปลงในหน้าหนังสือพิมพ์ และหนังสือพวกอาชญากรรม แบบนั้นคงน่าอับอาย!”
สิงหยุนเจี๋ยเกลียดผู้ชายเช่นนี้ เธอนอนกับเขาไปได้อย่างไร จริงอยู่หลังจากคืนร้อนแรง เขาวางเงินไว้บนเตียงให้เธอสองพันหยวน ซึ่งมันไม่น้อยเลย แต่เธอต้องเป็นไข้ ทั้งนอนฟักฟื้นอยู่สามวันเต็มๆ พอหายดี หลัวอี้หยางเหรินจึงให้คนไปตาม บอกให้เธอมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้เขาสักพัก กระทั่งเกิดเรื่องหึงหวงไร้สาระตามมา ด้วยเธอเห็นเฮ่อผินนั้นเสนอหน้าเพื่อให้ได้ใกล้ชิดชายหนุ่ม
“ฉันอยากถ่ายรูป”
จู่ๆ เธอก็บอกเขาอย่างนั้น และแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน สองขาแบะกว้างออกช้าๆ ต้องการให้เขาพิศวาสต่อความสาว และสัดส่วนเร้าใจ
หลัวอี้หยางเหรินพึงใจกิริยาร่านๆ นี้
เขาบีบปลายคางเรียวสวย แล้วบดเบียดริมฝีปากบนกลีบปากร้อนๆ ของหญิงสาว
ลิ้นสากร้อนพยายามแทรกเข้าไปในโพรงปาก และเธอปฏิเสธ กระทั่งเขาใช้ปลายกระบอกปืนเขี่ยยอดหน้าอกชี้ชัน ส่วนมืออีกเลื่อนลงต่ำ บีบต้นขาเรียวนวลเนียน ก่อนหยุดที่เนินเนื้อสาว
“อ๊ะ...มะ ไม่!”
สิงหยุนเจี๋ยไม่ได้ปฏิเสธการใช้ลิ้นของเขา แต่ยามนี้เธอขนลุกซู่ รังเกียจความหื่น ความบ้าตัณหาของผู้ชายคนนี้
“ก็แค่ใช้มือ... ฉันอยากสำรวจน้องสาวเธอว่า พร้อมรับความใหญ่โตหรือยัง”
หญิงสาวไม่ตอบ ฝืนกลั้นความรู้สึกอย่างที่สุด และน้ำตามันเอ่อคลอหน่วย ทั้งอดสู้ ชิงชัง กระนั้นส่วนลึกๆ ในใจ เธอรังเกียจตัวเอง ที่เผลอไผลกับเรื่องพวกนี้ ด้วยอยากเป็นขยะให้เขาย่ำยี และสาดความคาวข้นของบุรุษเข้าใส่
“เธอพร้อมแล้ว ดี ฉันจะได้ถ่ายทุกท่า ทุกมุม ยามเราเอากัน”
สิงหยุนเจี๋ยอยากผ่านพ้นความร้ายๆ นี้เสีย เธอจึงหลับตาลง ปิดกั้นตัวเอง ขณะเดียวกันกายแกร่งของบุรุษนั้นโถมทับร่างนุ่มนิ่ม
เขาส่งนิ้วมือเข้าปากเธอ สั่งให้อม เลีย แล้วชักเข้าชักออก ช่วงเวลาดังกล่าว เสียงครางต่ำๆ ของเขา ดังสลับเสียงกล้องโพลารอยด์ที่บันทึกร่างกายเปลือยเปล่าของสิงหยุนเจี๋ย
ก่อนจะเกิดเรื่องชวนให้ตื่นตระหนก
“เปรี้ยง!...”
ภายในห้องที่ปิดตาย เสียงดังกล่าวที่แผดก้อง มันช่างชวนให้สยองเกล้าจับใจ