"คูมพ่อขา...น้องไอติมแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ พี่จอยมัดผมให้ส๊วยสวย..." เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกพี่เลี้ยงจัดการแต่งด้วยชุดนักเรียน ทรงผมที่ถูกมัดอย่างน่ารักโอ้อวดกับผู้เป็นพ่อ
"ว้าว...สวยจริง ๆ ด้วย" ผู้เป็นพ่อสำทับกล่าวชมอย่างเอาใจลูกสาว
"น้องไอติมสวยกว่าพี่แนนไหมคะคูมพ่อ~~~" เด็กหญิงเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อที่ตัวสูงแล้วถามความเห็น
"อืม~~~ สวยกว่าไหมน้า" คุณพ่อเจนั่งยอง ๆ ลงต่ำให้เสมอลูกสาวพร้อมกล่าวอย่างครุ่นคิดด้วยความไม่จริงจัง แค่อยากแกล้งเธอเล่นเพราะเด็กหญิงนั้นชมที่สุดคือคำชมจากผู้เป็นพ่อที่เธอรัก
"ไม่สวยเหรอคะ? ..." เด็กหญิงย้อนถามเมื่อรออยู่นานไม่ได้คำตอบตามที่ตั้งใจ
"ถ้าพ่อบอกว่าพี่แนนสวยกว่าได้ไหม? " คุณพ่อเจเอ่ย
"ไม่ได้ค่ะ! " เด็กหญิงตอบสวนขึ้นทันที
"อ้าว~~~เเล้วหนูถามพ่อทำไมคะเนี้ย"
"อยากให้คูมพ่อชม...คิก คิก" เด็กหญิงใช้มือเล็ก ๆ ปิดปากแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมาต่อหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอารมณ์ดี
"ลูกสาวพ่อสวยที่สุดอยู่แล้ว...ไปโรงเรียนกันดีกว่าเนอะ" ผู้เป็นพ่อที่พูดเอาใจลูกสาว พร้อมกับโอบอุ้มเธอแนบชิดอก
"ไม่ค่ะไม่...ไม่อุ้มน้องไอติมจะเดินเองค่ะ" เด็กหญิงทักท้วงด้วยหน้าตาตื่น
"ปกติชอบให้พ่ออุ้มไม่ใช่เหรอ? " ผู้เป็นพ่อทักท้วงและย่อเข่าเพื่อวางลูกสาวตัวน้อยให้ยืนพื้นตามที่เธอนั้นร้องขอ
"น้องไอติมโตแล้ว...พี่แนนบอกว่าโตแล้วต้องเดินเอง จะได้ออกกำลังกายไปด้วย น้องไอติมจะได้สวย ๆ กว่าเดิม ตัวจะสูง ๆ " เด็กหญิงเล่าเรื่องราวเป็นฉาก ๆ อย่างฉะฉาน คำพูดที่แสนบริสุทธิ์ หลุดออกมาจากปากเล็ก ด้วยทีท่าน่าเอ็นดูจนผู้เป็นพ่อนั้นลอบยิ้ม
"พี่แนนอีกแล้ว...รักพี่แนนมากว่าพ่อแล้วล่ะมั้งเนี้ย" ผู้เป็นพ่อจับหัวลูกสาวโยกไปมาแล้วแสดงทีท่าดั่งคนน้อยใจ
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคูมพ่อ...ไอติมรักคูมพ่อเท่าฟ้า" เด็กหญิงเดินเข้าใกล้ วงแขนเล็กโอบกอดต้นขาของคุณพ่อเจ ใบหน้ากลม ๆ เงยมอง ปากเล็กก็พร่ำพูดอย่างเอาใจ แก้ต่างในคำพูดของพ่อเพราะเธอกลัวคนเป็นพ่อนั้นเสียใจ ด้วยกิริยาที่พ่อแสดงสีหน้าออกมา
"จริงเปล่า? " คนเป็นพ่อย้อนถาม
"จริงสิคะ...น้องไอติมไม่โกหก เดี๋ยวตกนรก" เด็กหญิงเอื้อยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
//โรงเรียนอนุบาล//
"ตั้งใจเรียนนะคะคนเก่ง" ผู้เป็นพ่อเอ่ยบอกเมื่อมาส่งลูกสาวถึงหน้าห้องเรียน
"ค่ะ...เจอกันตอนเย็นค่ะคูมพ่อ" เด็กหญิงโบกมือลาผู้เป็นพ่อ เดินสะพายกระเป๋านักเรียน เดินเข้าห้องเรียนด้วยรอยยิ้ม เก็บกระเป๋านักเรียนเข้าตู้ประจำด้วยตัวเองก่อนจะมานั่งเล่นของเล่นเพื่อรอเวลาทำกิจกรรมยามเช้า
สถานที่ใหม่ที่เธอเริ่มคุ้นชินจนไม่นึกหวาดกลัว...แต่ก็ยังมีความระแวงเล็ก ๆ ในใจเมื่อเพื่อนหญิงที่เคยเยาะเย้ยเรื่องแม่ยังคงแกล้งพูดให้เธอ
"ขอเล่นด้วยได้ไหม? " เสียงใสของใครคนหนึ่งที่เด็กหญิงไอติมไม่ค่อยคุ้นหน้า เด็กชายผมสีทอง ผิวขาว หน้าตาน่ารักแนวลูกครึ่ง มีจุดกระเล็ก ๆ บนแก้ม เด็กหญิงจ้องมองด้วยความสงสัย
"เป็นใครเหรอ? " เด็กหญิงย้อนถาม
"เป็นนักเรียน" เด็กชายตอบกลับพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามของเด็กหญิงไอติม
"ไอติมก็เป็นนักเรียน...เล่นด้วยกันสิ" เด็กหญิงเอ่ยชวน แม้เธอจะไม่รู้ว่าเด็กชายผมทองคือใคร แต่ด้วยน้ำใจที่เธอมีจึงไม่ปฏิเสธคำขอของเขา
"เราชื่อเจท....ไม่มีเพื่อนเลยคุณแม่พามาส่งวันที่สอง" เด็กชายเจทเล่าสู่เด็กหญิงฟังอย่างฉะฉาน
"ชื่อไอติมแต่กินไม่ได้...เป็นคนไม่อร่อย คิก คิก" เด็กหญิงที่อารมณ์ดีพูดขึ้นอย่างติดตลก...คำพูดที่ใสซื่อที่ไม่รู้ว่าเธอนั้นคิดออกมาได้ยังไง?
"เจทขอเป็นเพื่อนกับไอติมได้ไหม? "
"ได้สิ" เด็กหญิงตอบรับและยินดีมาก ๆ ที่กำลังมีเพื่อนใหม่
"กินขนมไหม เจทมีขนมมาด้วยนะ" เด็กชายผมทองที่ตื่นเต้นที่มีเพื่อน เอ่ยชวนเด็กหญิงกับสิ่งที่เขานั้นมีติดตัวมา
"กินตอนเที่ยงไอติมอิ่มแล้ว...คูมพ่อไอติมบอกว่าต้องกินข้าวก่อนค่อยกินขนมได้"
"เดี๋ยวตอนเที่ยงเจทจะแบ่งไอติมนะ"
"ได้สิ....แต่วันนี้ไอติมไม่มีขนมมาคงแบ่งให้เจทไม่ได้" เด็กหญิงพูดเสียงเศร้า เมื่อเธอนั้นตอบแทนคืนเขาไม่ได้
"เจทมีเยอะ...เดี๋ยวเอามาแบ่งไอติมบ่อย ๆ "
"เจทใจดี" เด็กหญิงยิ้มกับเพื่อนใหม่ เธอคุยกับเจทได้อย่างเต็มคำและมีความสุข วันนี้ต่างจากทุกวันเมื่อมีเจทเข้ามาเป็นเพื่อน ที่ปกติเด็กหญิงจะนั่งเล่นเพียงลำพัง...
"ก็เจทเป็นเพื่อนไอติมแล้ว"
"เพื่อนกันต้องแบ่งกัน"
((ฮ่าฮ่าฮ่า) )
*****(29)
...หลังจากส่งลูกสาวขายาวของคุณพ่อก็เหยียบคันเร่งรถยนต์ มุ่งตรงสู่บริษัทเพื่อทำงานที่คั่งค้าง....ลานจอดรถที่เหล่าพนักงานกำลังทะยอยมา เพราะจวนได้เวลาเข้างาน
...ชายหนุ่มลงจากรถยนต์และกำลังเข้าสู่ตัวอาคาร แต่สายกลับกำลังมองเห็นคนที่คุ้นตา แม้จะอยู่ห่างออกไปแต่มั่นใจแน่นอนว่าต้องใช่เธอ เพราะชุดที่ใส่มันเเตกต่างจากพนักงานประจำ
"ยืนทำอะไรตรงนั้น" ชายหนุ่มยืนมองอย่างช่างใจจะเข้าไปทักดีไหม แต่อีกนัยเหมือนเธอกำลังคุยอยู่กับใครซึ่งตัวอาคารบังทำให้ไม่เห็นอีกคน
...ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แต่ต้องชะงักขาเดินเร็วพลัน เมื่อเห็นใครคนหนึ่งโผเข้ากอดร่างหญิงสาวซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอ้อมกอดนั้น...จนต้องยืนหลบหลังพุ่มไม้สูงที่ปลูกไว้ประดับ
(บอลคิดถึงแนนมากเลยรู้ไหม?) เสียงสุขุมของผู้ชายที่โอบกอดพูดขึ้น...ชายหนุ่มที่ยืนหลบหลังพุ่มไม้ได้ยินชัดเจน
(บอลกลับมาแล้วนะ...บอลเรียนจบแล้ว) เสียงสุขุมนี้ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มที่ยืนฟังนั้นเริ่มใจฝ่อ เมื่อผู้หญิงที่แอบมีใจนั้นมีชายในครอบครองเสียแล้ว
"อืม...แนนดีใจด้วยนะ" เสียงหวานที่เขาได้ยินทุกวันเอื้อนเอ่ยแบบขอทีไปที ฟังแล้วนิ่งเฉยและเย็นชา ต่างกับอีกเสียงที่เสวนารับรู้ได้ถึงความดีใจ
(ขอบคุณครับ...เย็นนี้มีเลี้ยงฉลองที่บอลกลับมา แนนไปด้วยกันนะ)
"คิดดูก่อน ช่วงนี้แนนยุ่ง ๆ ...." เสียงหวานเอ่ยบอกเรียบ ๆ
(ได้สิ...แนน?)
"หื้ม? " หญิงสาวเค่นเสียงตอบรับในลำคอ
(บอลขอโทษนะที่หายไปโดยไม่บอกแนนก่อน...ต่อไปนี้บอลจะดูแลแนนให้ดีที่สุด บอลรักแนนนะ เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมได้ไหม?)
"..............."
น้ำเสียงดีใจที่ได้ยินสิ่งยินมันทำให้ชายวัยสามสิบเอ็ดนั้นผิดหวัง...เหมือนทุกอย่างภายในใจดำดิ่งลงสู่ปลายเท้า ขาที่ยืนแทบก้าวไม่ออก ทุกอย่างที่ได้ยินมันชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเธอนั้นไม่ได้ตัวเปล่าอย่างที่เขาคิดมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ร่วมงานกัน จำต้องเดินออกมาพร้อมกับหัวใจที่ห่อเหี่ยวและผิดหวัง เมื่อคนที่แอบรักได้ไม่นานนั้นมีคนในใจเสียแล้ว
"แจงวันนี้พี่มีนัดที่ไหนไหม? " ทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามา เขาเอ่ยถามถึงงานการที่ต้องทำกับเลขาสาว คำตอบที่ได้รับรายงานเป็นสิ่งที่พอใจ เมื่อตอนนี้เขาไม่อยากจะพบปะกับใครเลยตั้งแต่ที่ได้ยินเรื่องราวที่ทำให้ผิดหวัง
"วันนี้พี่เจคิวว่างค่ะ....ไม่มีนัดที่ไหน? " เลขาสาวกล่าวรายงาน พรางจ้องมองหน้าผู้เป็นนายอย่างจับสังเกตเมื่อเธอเห็นความผิดปกติที่ใบหน้าเขานั้นแสดงออกมา
"อืม...ขอบใจนะ อ่อ แล้วพี่ไฟได้บอกแจงหรือเปล่าว่าวันนี้มันไม่เข้าบริษัท"
"ไม่ค่ะ...มีเอกสารให้พี่ไฟดูแจงวางไว้ที่โต๊ะทำงานให้เรียบร้อยแล้วค่ะ"
"โอเค"
ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน โต๊ะทำงานที่เคียงคู่เลขา ตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาของหญิงสาวที่มีใจ มันย้ำชัดเจนแล้วว่าเขานั้นควรหลีกห่างกับความรักนี้
"เป็นอะไรนะ...เศร้าเชียวเจ้านายฉัน" เลขาสาวพึมพำตามหลังเมื่อผู้เป็นนายนั้นเดินลับเข้าไปในห้องทำงาน
"สวัสดีค่ะพี่แจง...วันนี้มีอะไรให้แนนช่วยไหมคะ? " หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมส่งยิ้มและยกมือไหว้ทักทาย วางกระเป๋าสะพายเก็บเข้าที่ประจำ เอ่ยขึ้นอย่างเสนอตัว
"มีจ้าพี่วานแนนหน่อยนะ...เอาเอกสารนี้เข้าไปให้พี่เจทีเป็นเอกสารายละเอียดงานที่ฝ่ายขายส่งมา" แจงบอกเล่าเกี่ยวกับงานที่ฝากฝังไว้วาน
"เอ่อ..." หญิงสาวเลิกลั่กที่จะตอบ เมื่อหวนนึกถึงการปะทะเรียวปากกันในวันวานที่ผ่านมา แค่นึกภาพก็ทำให้ใบหน้าของเธอเห่อร้อนทันที
"ติดขัดอะไรเปล่าจ๊ะน้องแนน" แจงย้อนถามเมื่อเเนนนั้นดูกระอักกระอวล
"ได้ค่ะแนนไม่ติดอะไรค่ะ...ไม่ต้องรอเอกสารใช่ไหมคะ? " หญิงสาวถามย้ำเพราะเธอกลัวจะทำงานพลาด และอีกอย่างตอนนี้เธอแทบไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำเพราะเขินอาย
"ไม่ต้องรอจ้ะ" แจงตอบรับด้วยรอยยิ้ม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก แนนเคาะประตูอย่างเป็นการขออนุญาต ก่อนจะผลักประตูเข้าห้องทำงานของผู้เป็นนาย คู่สายตาเข้มเงยมองด้วยสีหน้านิ่งเรียบเพียงชั่วครู่ ดูให้รู้ว่าคนมาใหม่นั้นเป็นใคร ก่อนจะก้มหน้าสนใจงานต่อ
ร่างระหงที่มีใบหน้าสวยที่เปื้อนยิ้มกำลังเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอกสารในมือ ก่อนที่เธอจะหยุดยืนและวางทันลงตรงหน้าเขา
"เอกสารจากฝ่ายขาย พี่แจงให้เอามาให้พี่เจค่ะ" หญิงสาวบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใส ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างเช่นปกติทุกวัน...
"อืม" เจตอบรับสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบและก้มหน้าก้มตาดูเอกสารในมือต่ออย่างเพิกเฉยต่อหญิงสาวตรงหน้า การกระทำที่เขาเป็นแววตาที่นิ่งเฉย คำพูดที่เปรยออกมาเพียงสั้นให้คนฟังรับรู้เท่านั้น ...
จนทำให้หญิงสาวค่อย ๆ หุบยิ้มคืนทันที เมื่อเธอยิ้มให้แต่เขากลับไม่แสดงกิริยาอย่างที่เคยเป็นในแบบที่ผ่านมา ดูเย็นชาและนิ่งเฉยต่อเธอซึ่งต่างจากวันอื่น ๆ ที่เขาชอบแสดงกิริยาอบอุ่น แต่มาวันนี้มันแตกต่างไปมากซึ่งหญิงสาวสัมผัสได้
...เธอเดินออกมาหลังจากที่จัดการตามที่แจงบอก แม้ภายในใจจะแอบครุ่นคิดถึงกิริยาผู้เป็นนายก็ตามทีจนแทบกระวนกระวาย
เวลางานผ่านพ้นไปเลยมานานหลายชั่วโมงบรรจบมาถึงเวลาพักกลางวัน เป็นเวลาที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนนั้นรอคอย
"น้องแนนไปกินข้าวกัน...หิวมาก กอไก่สิบล้านตัว ท้องพี่ร้องตั้งแต่สิบเอ็ดโมง ไป ๆ เร็ว ๆ " แจงเอ่ยชวนเมื่อได้เวลาหาอะไรใส่ท้องประทังความหิว
"ไปค่ะ..." แนนเงยหน้าจากงานแล้วยิ้มให้แจง พร้อมกับหยิบกระเป๋าสตางค์ติดมือไปด้วย
"อ้าว พี่เจไปทานข้าวเหรอคะ? " แจงที่กำลังลุกยืนเห็นเจ้านายเปิดประตูออกมา จึงเอ่ยทักทันที
"ใช่...มีอะไรเปล่า" ปากพูดกับเลขาแต่สายตานั้นลอบมองไปยังอีกคนที่ยืนหน้านิ่งอยู่ด้านหลัง
"แจงกับน้องแนนก็กำลังจะไปเหมือนกันค่ะ ร้านอาหารเปิดใหม่ข้างออฟฟิศ สนใจไปด้วยกันไหมคะ? " แจงเอ่ยชวน
"แจงเลี้ยง? "
"โธ่พี่เจ แค่ลำพังตัวแจงยังเลี้ยงไม่รอดแล้ว..." แจงพูดขึ้นอย่างติดตลก จนผู้เป็นนายนั้นหลุดยิ้มออกมา
"ไปสิพี่เลี้ยง" ผู้เป็นนายออกตัวเสนอ
"ไปกันน้องแนนวันนี้เรารอดไปอีกมื้อ ด้วยเจ้ามือสุดหล่อ" แจงรีบคว้าแขนของแนนด้วยความดีใจที่เจ้านายนั้นอาสาเลี้ยงข้าว แนนมองหน้าคนตัวสูงพร้อมรอยยิ้มแต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคือใบหน้าเข้มเรียบเฉย
แตกต่างจากที่เขานั้นพูดคุยกับเลขาโดยสิ้นเชิง ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ไม่คิดถามด้วยสิทธิ์นั้นไม่มีและเจียมตนอยู่เสมอแม้จะคับข้องอยู่ในใจ
*****(30)