ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากคืนเข้าหอที่โรงเตี๊ยมในอำเภอไห่ตง เถาม่านหลิวเริ่มมีอาการอ่อนเพลียโจมตี เท่านั้นยังไม่พอนางยังอยากกินของแปลก ๆ ที่หากินยาก นางถึงกับเสียน้ำตาถ้าไม่ได้กินมัน ส่วนเรื่องอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงที่นางเป็นอยู่ คงเกิดจากการเดินทางที่ยาวนานเท่านั้น
เมื่อภรรยามีอาการเช่นนั้น โจวซีหยางก็ดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดนางมากขึ้น ทั้งยังให้นางออกมาสูดอากาศนอกรถม้าอยู่บ่อยครั้ง ทว่าอาการของนางกลับย่ำแย่ลงไปอีก ไม่พอเท่านั้นนางยังมีอาการวิงเวียนร่วมด้วย ทั้งยังอาเจียนวันละหลายหน จนทำให้เขารู้สึกเหมือนจะป่วยไปด้วย
“เผิงจิ้ง ข้าต้องการที่พักดี ๆ และหมอ อีกไกลแค่ไหนกว่าเราจะถึงเมืองหลุ่นซาน”
“ไม่ไกลหรอก อีกราว ๆ สิบลี้เห็นจะได้ แต่ยังไงวันนี้เราก็ต้องพักแรมกลางป่าไปก่อน นี่ก็จะค่ำแล้ว ข้าให้อาเฟยนำหน้าหาจุดพักให้แล้วล่ะ”
“อีกสิบลี้ก็ไม่ไกล เอาอย่างนี้นะ พวกเจ้าจะเดินทางตามหลังข้าไปก็ได้ หรือค้างแรมตามที่เจ้าว่าก็แล้วแต่ เอาที่พวกเจ้าสะดวก แต่ข้าจะพาฮูหยินล่วงหน้าเข้าเมืองไปก่อน” โจวซี หยางบอกกล่าวจริงจัง
“เอาอย่างนั้นหรือสหาย ข้ากลัวว่ามันจะไม่ปลอดภัยน่ะสิ” เผิงจิ้งยังชั่งใจ เขาหวั่นว่าโจวซีหยางและภรรยาที่ป่วยจะมีภัยหากปล่อยให้พวกเขาเดินทางไปเพียงลำพัง
“ข้าจะระวังตัว เช่นนั้นก็เอาตามที่ข้าว่าก็แล้วกันนะ อาการของม่านหลิวน่าเป็นห่วงยิ่งนัก ข้าไม่อยากรอจนถึงพรุ่งนี้”
หลังจากที่ตกลงกันได้ สองสหายก็สั่งหยุดรถม้า แล้วโจวซีหยางก็จัดแจงของที่จำเป็นสำหรับตัวเขาและภรรยา
“ฮูหยิน ข้าจะพาเจ้าเข้าเมืองไปหาหมอ เจ้าจะไหวหรือไม่หากต้องขี่ม้าไปพร้อมกับข้า”
เขาเดินมาหาภรรยาที่รถม้าพร้อมกับบอกกล่าวและถามความเห็นของนางเป็นครั้งแรก แต่เมื่อเห็นร่างกายที่ซูบเซียวของนาง ทำเอาเขาเกือบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะความสงสารจับใจ ทั้งในใจก็ก่นด่าตัวเอง ที่ปล่อยปะละเลยทำตามแผนของเผิงจิ้ง จนทำให้นางป่วยถึงขั้นนี้
“อือ ข้ายังไหว” นางตอบเสียงเบาหวิวเหมือนคนที่กำลังจะหมดเรี่ยวแรงเต็มที
“ข้าขอโทษนะคนดี เอาไว้ให้เจ้าหายป่วยแล้ว ข้าจะยอมให้เจ้าตบตีเพื่อเอาคืนที่ข้าทำเป็นหมางเมินต่อเจ้า” เขาหยิบยื่นข้อเสนอให้ เพื่อเอาใจคนป่วย
“อือ...” คนป่วยครางรับพร้อมกับพยักหน้า ไม่ใช่ตกลงเพียงเพราะอยากตบตีเขาหรอกนะ แต่นางแค่เหนื่อยจนไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมาเท่านั้นเอง
“จูถิงขอเสื้อคลุมของฮูหยินด้วย”
สาวใช้จูถิงที่ยังงง ๆ อยู่ ถึงกระนั้นนางก็ยังทำตามคำสั่งอย่างไว เมื่อได้เสื้อคลุมนางก็บรรจงใส่ให้เจ้านายสาวอย่างเบามือก่อนจะพยุงตัวคนป่วยให้ขยับออกมาใกล้ ๆ กับประตูรถม้า
โจวซีหยางรีบอุ้มภรรยาขึ้นทันทีที่เอื้อมมือถึง แล้วส่งนางขึ้นไปนั่งบนหลังม้าของตัวเอง ซึ่งเขาขึ้นตามมาติด ๆ เขาดึงตัวนางที่บอบบางยิ่งกว่าเดิมเข้าสู่อ้อมอกก่อนจะบังคับม้าให้ค่อย ๆ วิ่งออกไปข้างหน้า
“กอดสามีให้แน่น ๆ เจ้าจะได้ไม่พลัดตก” เขายังมีใจมาพูดหยอกเย้า ทั้งที่สองแขนของเขาก็แข็งแรงมากพอที่จะช่วยกันเอาไว้อยู่แล้ว
สิบลี้ไม่นับว่าไกลเมื่อไม่มีรถม้าคอยถ่วงเวลา โจวซีหยางใช้ความเร็วแค่ครึ่งเดียวเขาก็เข้ามาถึงตัวเมืองหลุ่นซานก่อนที่จะมืดเสียอีก เมืองหลุ่นซานเป็นเมืองใหญ่และเจริญกว่าเมืองไห่ตงมาก จึงไม่ยากที่เขากับภรรยาจะหาโรงเตี๊ยมดี ๆ พักได้
โรงเตี๊ยมฟู่หลง...
หลังจากฝากม้าไว้ที่คอกแล้ว เขาก็อุ้มภรรยาเข้าไปถามเรื่องห้องพัก ซึ่งเขารู้อยู่แล้วว่าที่นี่ยังมีห้องว่าง เพราะดูจากคอกม้าที่ว่างเปล่า
“หรงจู๊ ข้าต้องการห้องพักดี ๆ หนึ่งห้อง พร้อมกับหมอเก่ง ๆ สักคน ท่านพอจะหาให้ข้าได้หรือไม่”
“ห้องพักที่นี่ดีหมดทุกห้อง แต่แพงที่สุดในหลุนซานนะนายท่าน ส่วนเรื่องหมอ ข้าจะให้คนไปตามมาให้อย่างเร่งด่วนแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะขอรับ”
“ตามนั้น ข้าจะพักอย่างน้อยก็สักสามสี่วัน รีบตามหมอที่เก่งที่สุดให้ข้าด้วย”
“ขอรับนายท่าน เชิญตามข้าน้อยมาทางนี้ขอรับ” หรงจู๊ยิ้มรับหน้าบานหลังจากลูกค้าบอกจะเข้าพักหลายวัน ปกติลูกค้าหลายรายก็มักจะปฏิเสธ เมื่อรู้ว่าราคาห้องพักของที่นี่แพงกว่าที่อื่นหลายเท่าตัว
“ขอน้ำอุ่นให้ข้าสองถัง” โจวซีหยางสั่งหลังจากที่ได้ห้องพักเรียบร้อยแล้ว
“รอสักครู่ขอรับ ข้าน้อยจะจัดการให้โดยเร็ว”
หรงจู๊เดินแทบจะเป็นวิ่ง เพื่อบริการลูกค้าให้สมกับราคาของห้องพัก
คล้อยหลังผู้ดูแลโรงเตี๊ยม โจวซีหยางก็วางภรรยาลงบนเก้าอี้ก่อน จากนั้นเขาก็ปลดเอาสัมภาระทั้งหมดออก
ไม่นานน้ำอุ่นก็ถูกนำมาส่งพร้อมกับถังไม้ใบใหญ่อีกหนึ่งถัง ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ได้น้ำอุ่นพร้อมอาบถึงสองถัง นับว่าเป็นบริการที่รวดเร็วดีเยี่ยมสมกับเงินที่จ่ายไป
“มาเถอะฮูหยิน สามีจะอาบน้ำให้เจ้า ห้ามปฏิเสธ เพราะเจ้าไม่มีแรงที่จะขัดขืนข้าหรอก” โจวซีหยางไม่พูดเปล่า เขาอุ้มภรรยาไปหลังฉากกั้น จากนั้นก็ลอกคราบนางจนไม่เหลือผ้าสักชิ้น แล้วเขาก็ถอดของตัวเองออกด้วย
การกระทำของเขาทำเอาเถาม่านหลิวใบ้กิน นางรู้ว่าร่างกายของตัวเองมันอ่อนเปลี้ยแค่ไหน แม้แต่จะอ้าปากพูดยังเหนื่อยเลย ฉะนั้นนางจึงยอมเป็นตุ๊กตาให้สามีจับถอดเสื้อผ้าได้ตามอำเภอใจ พอเสื้อผ้าถูกกอดจนหมด นางทำได้แค่แต่ยกมือป้องหน้าอกและจุดสงวนเอาไว้ แล้วก็ต้องเมินหน้าหนีเมื่อคนหน้าหนาดันมาเปลือยกายอวดของอยู่ตรงหน้า
ความกระดากอายทำให้ใบหน้าที่เคยซีดเซียวแดงก่ำจนเกิดความร้อนวูบวาบลามไปทั่วตัว เห็นอย่างนั้นแล้วโจวซีหยางก็อดยิ้มไม่ได้กับท่าทางเขินอายของภรรยา นางช่างดูน่ารักทั้งที่ยังป่วยอยู่แท้ ๆ
“มองอยู่นั่นแหละ” นางว่าให้เขา ก่อนจะรวบรวมพลังขาที่ไม่ค่อยจะมีแรงเท่าไหร่ก้าวลงถังน้ำไป
“ก็ภรรยาของข้าน่ารักนี่” เขาก้าวตามมาแล้วกระซิบบอก พร้อมกับรวบร่างบอบบางเข้าหา
“อยู่นิ่ง ๆ สามีจะอาบน้ำสระผมให้” เขาสั่งเมื่อนางพยายามขืนตัวหนี พอนางสงบเขาก็รีบทำอย่างที่พูด พลางก็จัดการตัวเองไปด้วยเพื่อทำเวลาก่อนที่หมอจะมาถึง
เพียงสองเค่อโจวซีหยางก็จัดการทุกอย่างแล้วเสร็จ ไม่ว่าจะแต่งตัวให้ภรรยาและตัวของเขาเอง กระนั้นท่านหมอก็ยังมาไม่ถึง เขาจึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำผมให้นางอีก
“ดูสีหน้าของเจ้าสดชื่นขึ้นมากหลังจากได้อาบน้ำแล้ว” เขาเอ่ยขณะสางผมให้
“……..”
“เจ้ายังเวียนหัวอยู่หรือไม่ ตั้งแต่ขี่ม้ามาจนถึงตอนนี้ ข้ายังไม่เห็นเจ้าอาเจียนเลย” พอเมียไม่พูดด้วยเขาก็หาเรื่องอื่นมาถาม
“ข้าไม่เวียนหัวแล้ว แต่ยังเพลียอยู่” หญิงสาวตอบตามจริง นางเองก็เพิ่งจะสังเกตว่าอาการวิงเวียนที่เคยเป็นอยู่ทุกวันทั้งตอนเช้าและตอนเย็นมันหายไปแล้ว และที่น่าแปลกก็คือ นางไม่รู้สึกอยากจะอาเจียนเลย
“คงเป็นเพราะสามีเช่นข้าคอยเอาอกเอาใจเจ้ากระมัง อาการที่ว่าเลยไม่กล้าแผงฤทธิ์” เขากระเซ้าเหย้าแหย่ แล้วยังยิ้มทะเล้นให้นางผ่านคันฉ่องบานใหญ่
“เพ้อเจ้อ”
ปากนางก็ว่าให้ แต่หัวใจกลับเต้นแรงเพียงเพราะคำพูดและรอยยิ้มกวน ๆ ของเขา
ครึ่งเค่อต่อมา...
ก๊อก ๆ ๆ
“นายท่าน ท่านหมอมาแล้วขอรับ”
“เชิญเข้ามา”
โจวซีหยางทำผมให้ภรรยาแล้วเสร็จพอดีกับที่หรงจู๊พาท่านหมอผู้ชราเข้ามาในห้อง