บทที่ 5 คนเลว

2171 คำ
แม้ว่าจะไม่มีสีหน้าแสดงความรู้สึกอะไรบนใบหน้าของเขา แต่คาลเวิร์ตก็ทำให้มิล่าเชื่อใจได้ เขาอ่อนโยนกับเธอกว่าใครอื่น “ขอบคุณนะคะ” “...พี่ไปก่อน” มาเฟียหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอเบา ๆ ทว่า ปึก! เสียงเหมือนกับอะไรบางอย่างพุ่งชนกระจกห้องของหญิงสาวทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง คาลเวิร์ตขมวดคิ้วขณะที่มิล่าตาโตขึ้น “เกินไปแล้ว...” หญิงสาวพึมพำออกมา แสงไฟจากห้องของเคเรนด์ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าต้นเหตุของเสียงเมื่อครู่คืออะไร ก่อนที่คาลเวิร์ตจะเดินไปปิดม่านให้กับหญิงสาว ทำเอาคนที่มองอยู่ไกลนั้นหัวเสียทันที เคเรนด์โยนปืนซุ่มยิงนั้นลงพื้น สีหน้าหงุดหงิดของคนเป็นนายทำให้วิลเลี่ยมยิ้มแหย่ ๆ ให้ “ยิ้มทำไมวะ!” “นายไม่ยอมจริงเหรอครับ” วิลเลี่ยมนึกสงสัย เจ้านายเขานี่รักเดียวมานานจนไม่มองใคร แม้จะถูกบอกเลิกมานานเขาก็ไม่แยแสผู้หญิงหน้าไหนอีก “_” มาเฟียหนุ่มไม่ตอบ เขาจะหยุดก็ต่อเมื่อรู้เหตุผลของเธอ เขาคบกับเธอตั้งแต่ยังไม่รู้จักคำว่ารักเสียด้วยซ้ำ ทว่าอยู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนไป แถมยังทำร้ายจิตใจเขาโดยการบอกว่าอยากแต่งงานกับพี่ชายเขาอีก เธอมันคนใจดำ เหมาะแล้วที่เขาจะทำให้เธอเจ็บมันซ้ำ ๆ “พรุ่งนี้มีเข้ากรุงโรมนะครับ” “ไม่ไป” เคเรนด์ตอบกลับทันควัน เขายกแก้วเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากเขาขึ้นกระดก “คุณคาร์นอาจจะตำหนินะครับ ถ้านายไม่ไปส่งของ” “พ่อกูไม่ด่ากูหรอก” วิลเลี่ยมเงยหน้าขึ้นมองนายของเขา เพราะอย่างนี้เสียกระมังเขาถึงเอาแต่ใจอย่างนี้ “เดี๋ยวพ่อกูจะด่าพี่กู มึงคอยดู” “แบบนั้นไม่ดีเลยครับ...” “อะไรของมึง มึงเป็นลูกน้องใครไอ้ฉิบหาย” วิลเลี่ยมก้มหน้าลง คาลเวิร์ตโดนอะไรเยอะมากจากคนเป็นพ่อ เพราะคำว่าไม่ดูน้องแค่คำเดียว “มึงไปเอาเหล้ามาให้กูอีก” วิลเลี่ยมนิ่งงัน เขาไม่อยากขัดอะไรหรอก ทว่าถ้านายเมาแล้วโวยวายขึ้นอีกคฤหาสน์นี้จะลุกเป็นไฟ “คุณคาร์นห้ามให้นายดื่มเยอะครับ” เขาตอบออกไปตามตรง วิลเลี่ยมไม่เพียงแต่เป็นลูกน้องที่คอยดูแล เขาเป็นเหมือนกับพี่เลี้ยง ในหลายครั้งที่ต้องคอยชี้แนะ ไม่เช่นนั้นคนที่มีอำนาจเยอะแบบนี้จะหลงทางได้ ทว่า “กูนอนไม่หลับ...” เคเรนด์เอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวติดหน้าต่างกระจก “...มึงไปดูว่าพี่กูกลับห้องหรือยัง” “เดี๋ยวผมไปแอบถามมาให้ครับ” “เร็ว ๆ” วิลเลี่ยมค้อมศีรษะให้ ทว่าคำว่านอนไม่หลับของเคเรนด์ยังดังอยู่ในหัว “นายครับ...ผู้หญิงไหมครับ น่าจะทำให้นอนหลับ” มาเฟียหนุ่มชะงักไป เขาหันหน้าไปยังหน้าต่างกระจกของตน ก่อนจะมองไกลออกไปยังหน้าต่างของตึกอีกตึกหนึ่ง แม้ว่าผ้าม่านของเธอจะปิดไม่ให้เขาเห็น ทว่ามันยังสามารถมองเห็นได้จากการปิดไม่สนิท “เอามา...กูจะโชว์หนังสดให้แม่งดู” วิลเลี่ยมเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนเป็นนาย สายตาที่มองไปยังตึกอีกตึกหนึ่งนั้นทำให้เขาเข้าใจเป็นอย่างดี “ครับ...” วิลเลี่ยมตอบรับ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปทำตามอย่างที่นายว่า ไปดูว่าคาลเวิร์ตกลับห้องของตนไปหรือยัง และไปเอาผู้หญิงจากคาสิโนมาให้นาย... ขณะเดียวกันหลังจากที่คาลเวิร์ตออกจากห้องไปนานแล้ว ผ้าม่านที่ปิดลงนั้นทำให้มิล่าอยากรู้ว่าเคเรนด์ทำอะไรอยู่ เขาเป็นยังไงหลังจากที่ยิงปืนมาหาเธอเช่นนี้ มารดาของเธอเป็นชาวอิตาเลี่ยนซึ่งเป็นลูกน้องของคนในตระกูลคาร์น เธอถูกแม่บังคับให้ก้มหัวให้พวกเขามาตลอด ขณะที่บิดาไม่ได้อยากให้เธอทำอย่างนี้ และพ่อของเธอก็สนิทกับแม่พวกเขา ทว่าความที่พ่อรักแม่มากเธอก็เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเป็นคนคอยดูแลสองพี่น้องเมื่อพวกเขามาพักผ่อนอยู่ที่เชียงใหม่บ้านเกิดของพ่อเธอ อันที่จริงแม่ของเธอเป็นนักฆ่า ซึ่งเธอทรยศหักหลังจนทำให้คุณคาร์นโกรธ ทำให้แม่ของเธอรู้สึกผิดมาจนถึงปัจจุบัน คาลเวิร์ตกับเคเรนด์เห็นเธอตั้งแต่เด็ก พวกเขาอายุเท่ากับพี่ชายของเธอ หนึ่งปีมีหนึ่งหนที่สองพี่น้องนี้จะได้ไปหาเธอที่ประเทศไทย พวกเขารับการฝึกหนักจนเธอนึกสงสาร ทุกปีคาลเวิร์ตกับเคเรนด์จะมีแผลเป็นมาอวดเธอ ซึ่งมันน่าขันที่พวกเขาเรียกมันว่าร่องรอยความแข็งแกร่ง นานเข้าเธอก็รู้สึกกับเคเรนด์เปลี่ยนไป เขาชอบหยอดเธอ ทั้งโทรหา และแอบมาหายามเขาเป็นหนุ่ม ครั้งแรกบิดาของเธอไม่พอใจ และไม่ชอบที่เคเรนด์มาหาเธอบ่อย ๆ เพราะพ่อเธอเป็นศัตรูหัวใจกับคุณคาร์นแถมยังบาดหมางกันมานาน ทำให้เธอต้องแอบคบกับเขาเงียบ ๆ ทว่าเมื่อสี่ปีก่อนแม่ของเธอกลับบอกให้เธอแต่งงานกับคาลเวิร์ตเพราะนายของแม่อยากได้หลาน ซึ่งพ่อของเธอก็ค้านหัวชนฝาแต่สุดท้ายก็ต้องยอมคนเป็นแม่ และด้วยเหตุที่คาลเวิร์ตไม่อยากแต่งงานกับใคร เขาไม่คิดมีเมียด้วยเหตุผลส่วนตัวของเขาเอง ซึ่งก็เป็นจังหวะที่เธอได้เลิกกับเคเรนด์ไปแล้ว และคาลเวิร์ตก็ปกป้องเธอได้ เธอเลยยอมหมั้น และจะมีลูกให้เขา ฝ่ามือบางของสาวลูกครึ่งค่อย ๆ จับผ้าม่าน เธอเปิดมันเล็กน้อยพอที่จะมองเห็นว่าทางนั้นกำลังทำอะไร แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนัวเนียกับผู้หญิงอย่างออกรส “ไม่เปลี่ยนเลย ฮึก...คนเลว” ใบหน้าขาวมีกระเล็กน้อยร้อนผ่าวขึ้นมา ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปิดผ้าม่านนั้นไปเพราะทนดูต่อไปไม่ไหว หญิงสาวยกมือขึ้นเสยผมบลอนด์ทอง นัยน์ตาสีฟ้าสดใสยามนี้เจิ่งนองไปด้วยก้อนน้ำตา มิล่าเดินกลับไปนอนที่เตียงนอนขนาดใหญ่ เธอดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ไม่รู้ว่าจะต้องร้องไห้กับเรื่องนี้อีกนานแค่ไหน ซึ่งก็ร้องตั้งแต่ยังไม่เลิกจนถึงตอนนี้...แต่ก็ไม่เคยชิน บ่ายของวันที่โรงพยาบาลในประเทศไทยค่อนข้างแออัดไปด้วยผู้คน มินตรายังไม่ได้นอนและวันนี้ที่ลูกชายจะได้ออกจากโรงพยาบาล เธอรอพบแพทย์เพื่อรับฟังคำแนะนำการดูแลบุตรชายต่อไปหลังรับเลือดเสร็จ กรุงโรมเด็กน้อยวัยสองขวบเรียกสายตาให้กับคนที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี “แม่ฮะ” ริมฝีปากเล็ก ๆ สีแดงสดเอ่ยเรียกคนเป็นแม่ ส่วนผสมที่ลงตัวของคาลเวิร์ตและมินตราทำให้เธอยกยิ้ม “ว่าไงครับสุดหล่อ” “ผมอยากกลับบ้าน” มินตราชะงักเล็กน้อย ตัวเล็กพูดประโยคนี้ตั้งแต่วันที่เดินมาที่แห่งนี้ ร่องรอยเขียวช้ำที่หน้าแขนซ้ายยังคงเด่นชัดอยู่ “รอพี่หมอก่อนน่า” มินตรายกมือขึ้นลูบหน้าของกรุงโรม เขางอแง แต่ไม่ร้องไห้เสียงดังให้แม่อายคนอื่น หญิงสาวไม่นึกเสียดายที่ได้อุ้มท้องเขามาจนครบกำหนดคลอด ไม่นึกเสียดายที่ทำเขาเกิดมา เพียงแต่รู้สึกผิดที่ความเห็นแก่ตัวของตัวเองทำให้กรุงโรมต้องเจ็บปวด “ผมไม่อยากได้ยา” “ยาวิเศษจะทำให้โรมหายนะครับ” เสียเมื่อไรกัน รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นโรครักษาไม่หาย แต่เธอก็อยากโกหกเพื่อให้กรุงโรมกินยาขับเหล็ก ไม่งั้นเลือดที่รับไปจะกลายเป็นทำร้ายเขาไปในตัว “โอ๊ะ! ถึงคิวแล้ว” ฝ่ามือเล็กยื่นไปอุ้มลูกชายขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในห้องของคุณหมอหนุ่ม “สวัสดีครับ กรุงโรม” เด็กเล็กยิ้มให้คุณหมอบาง ๆ เขาไม่ชอบมาโรงพยาบาลขณะเดียวกันก็ไม่ชอบหมอด้วย “โรม สวัสดีคุณหมอสิ” “สวัสดีครับ” เด็กเล็กพนมมือไหว้ตามที่แม่ของเขาบอก ถึงภายในใจจะรั้นอยู่แต่เขาก็พยายามที่จะทำตามคำสอนของแม่เขา “ไหนยาที่ไปรับมาจากห้องจ่ายยาครับ...” กรุงโรมยื่นถุงเล็ก ๆ ที่แม่เขาให้ถือให้คุณหมอหนุ่ม ก่อนที่โนอาร์จะเปิดถุงออกมา “ผมไม่อยากกินยา” อยู่ ๆ กรุงโรมก็พูดขึ้น ราวกับจะบอกคนเป็นหมอมากกว่าบอกแม่ของเขา ทำให้มินตรายิ้มแหย่ ๆ ให้กับคุณหมอหนุ่มในทันที “โรมต้องกินยานะ อย่าเอาทิ้ง...ระวังด้วย ถ้าให้ยาเขากินดูจนกว่าเขาจะกลืน บางคนอมไว้พอลับหลังแม่ก็คายออก” มินตราหันไปมองลูกของเธอ ฝ่ามือเล็กลูบที่เส้นผมสีน้ำตาลแดงนั้นเบา ๆ “โรมไม่เคยเอาทิ้งใช่ไหมลูก” กรุงโรมไม่ตอบ ขาเล็กแกว่งปลายเท้าที่ลอยเหนือพื้นไปมา ทำเอาใจของคนเป็นแม่รู้สึกไม่ดีทันที “เขาตอบสนองต่อเลือดผู้บริจาคได้ดีนะ ถ้าฉี่มีเลือด รู้สึกคัน หรือมีความผิดปกติจากเดิมให้มาหาหมอนะ...ถ้าโรมรู้สึกไม่สบายให้บอกแม่นะครับ” “โรม...” “ครับ” แม้จะรู้ว่าเด็กยังไม่เข้าใจ แต่คุณหมอก็อยากให้ตัวเล็กได้เรียนรู้การที่จะอยู่กับโรคนี้ เพราะมันจะติดตัวเขาไปจนสิ้นชีวิต มินตรานั่งฟังคุณหมอให้คำแนะนำซึ่งเธอฟังจนท่องได้ ขณะเดียวกันที่กรุงโรมไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างที่ควรจะเป็น ตัวเล็กทำหน้ามุ่ยมองซ้ายมองขวาพร้อมจะออกจากห้องตรวจอยู่เต็มที “ปะ เสร็จแล้ว” มินตราอุ้มตัวเล็กลงจากเก้าอี้ ก่อนที่เธอจะบอกให้กรุงโรมลาคุณหมอ ซึ่งเขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย “ให้ไปส่งไหม เราออกเวรพอดี” “ไม่เป็นไร เราเอารถมา...” “แต่เธอยังไม่ได้นอนเลยนะ” คุณหมอหนุ่มว่าพร้อมกับถอดชุดกาวน์ยาวของตนออก ทว่า “เธอก็ยังไม่นอนนิ” เพียงแค่นี้ก็เข้าใจว่ามินตราไม่ได้อยากให้เขาไปส่ง ชายหนุ่มก็เลยไม่ได้เซ้าซี้อะไร “งั้นเดินไปโรงจอดรถกับเรานะ” มินตราไม่ได้ปฏิเสธ เธอเดินจูงมือกรุงโรมออกไป ขณะที่คุณหมอหนุ่มก็เดินขนาบข้างมาด้วย “ว่าแต่จะเอาโรมเข้าเรียนที่ไหนเหรอ” มินตราชะงักเล็กน้อย เธอมองกรุงโรมที่ตอนนี้โนอาร์ได้อุ้มเขาขึ้นแล้ว เพียงแค่เดินโรมยังเดินได้ไม่นานเลยเธอจะเอาลูกเข้าเรียนได้อย่างไร “เรายังไม่อยากให้เขาเข้าเรียน เธอก็รู้ว่ากรุงโรมเหนื่อยง่าย ถ้าเขาเผลอเล่นเหมือนกับเด็กทั่วไป เขาจะแย่” “แต่เธอต้องให้เขาใช้ชีวิตนะ” หญิงสาวเงียบ ตอนนี้เธอให้กรุงโรมอยู่ที่คอนโดกับพี่เลี้ยงของเขายามเธอไปทำงาน “โรมอยากไปเรียนมั้ยครับ” “_” กรุงโรมพยักหน้าแม้จะไม่เข้าใจว่าเรียนคืออะไร “โรมน่ารักจะตาย เงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา หืมม...คิดอะไรอยู่อ่ะเรา” หญิงสาวมองหน้าลูกของตน ขณะที่โนอาร์ก็พูดกับเขาไปด้วย เขาเป็นเด็กเงียบ ๆ ในบางครั้งเจ็บปวดก็ไม่บอกเธอ จนต้องเห็นอาการขึ้นมา เธอถึงรู้ว่าเขาไม่สบาย รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของมินตรา เธอเคยคุยกับพ่อของกรุงโรมนับคำได้ เขาไม่ชอบตอบเธอ ขณะเดียวกันก็ชอบบอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรจะมาเจอเธอ แม้จะมีโอกาสได้ไปอยู่บ้านหลังเดียวกันกับเขาเกือบเดือนก็ตามแต่ “เขาไม่เหมือนเธอเลย..มิน” โนอาร์พูดขึ้น เขาพยายามคุยกับตัวเล็กแต่กรุงโรมก็ไม่พูดด้วย ทำเอาหน้าเสียหลายครั้ง ซึ่งก็ดูต่างจากมินตราราวกับไม่ใช่แม่ลูก เพราะเธอร่าเริงและพูดมากจนต้องบอกให้หยุดพูดอยู่หลายที...แต่กรุงโรมกลับไม่ใช่ “เขาเหมือนพ่อเขา...” มินตราพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา ซึ่งก็ได้ยินอยู่คนเดียว เธอไม่ได้อยากให้กรุงโรมรู้เสียด้วยซ้ำว่าเขามีพ่อ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม