“บอกมินตราว่าฉันจะพามิล่าไปทำเด็ก...” มาร์โคยกยิ้มให้กับคนเป็นนาย ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะหมุนตัวมาหาเพราะว่าเคเรนด์กำลังทำร้ายลูกน้องเขาอยู่ทางด้านล่าง ทว่าก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นมาร์โคยืนยิ้มอยู่
“ยิ้มอะไร คนข้างล่างกำลังถูกไอ้หมาบ้าทำร้ายอยู่”
“ยิ้มเพราะคุณจำชื่อของมินตราได้ครับ” คาลเวิร์ตขมวดคิ้ว ผู้หญิงจอมวุ่นวายคนนั้นเขาไม่เคยลืมหรอก ทว่าเขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เดี๋ยวผมบอกเธอให้ครับ” มาเฟียหนุ่มออกตัวเดิน ก่อนที่เขาจะยื่นมือขอปืนจากลูกน้องคนสนิท ทว่าอีกฝ่ายกลับยื่นฝ่ามือให้เขา
“ปืน!”
“อ้อ ครับ” มาร์โคไม่คิดว่าเขาจะขอปืนเพื่อไปยิงน้องชาย นึกว่าจะให้จับมือเพราะกำลังเดินลงบันได ทำเอามาเฟียหนุ่มส่ายหน้า หมดมาดมาเฟียหมด
“คิดถึงเธอมากเหรอ ถึงกับขาดสติ”
“มินตราเหรอครับ ก็...คิดถึงครับ” คาลเวิร์ตชะงักฝ่าเท้าก่อนที่เขาจะขมวดคิ้ว “คิดถึงแบบเพื่อนครับ เธอ...เป็นเพื่อนที่ดี”
“_”
“ผมชอบมีเพื่อนสวย ๆ ครับ”
“ไม่ได้ถาม...” มาร์โคเม้มริมฝีปากทันที คาลเวิร์ตดูโมโหผิดสังเกต ซึ่งอาจจะโมโหที่เคเรนด์มาเล่นต่อสู้อะไรไม่รู้ที่หน้าบ้านของตน
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นเมื่อมาเฟียหนุ่มยิงปืนใส่พื้นซึ่งห่างจากปลายเท้าของเคเรนด์ไปเพียงแค่นิดเดียวทำเอาคนที่กำลังทุ่มร่างหนาของลูกน้องคาลเวิร์ตลงพื้นชะงักไป
เคเรนด์เพ่งเล็งปลายกระบอกปืน เขาไม่ละสายตาจากมัน ก่อนที่มาเฟียคนน้องจะเดินเข้าใกล้ปืนลำนั้น
“ยิงสิ” เคเรนด์ยกมือขึ้นจับปืนลำนั้นก่อนจะบังคับฝ่ามือหนาของคนเป็นพี่ให้ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าอกข้างซ้ายของตน
“รู้ปะ ถ้าผมเป็นคนถือปืนแล้วจ่อปืนใส่พี่แบบนี้...กูจะยิงให้ตายเลย” เคเรนด์เหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนที่เขาจะหักข้อมือของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นฝ่ายถือปืนเอง แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่ามาร์โคก็ไม่ปล่อยให้เคเรนด์ได้ทำอย่างใจหวัง
ชายหนุ่มเคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วบังนายของตนเมื่อเคเรนด์เป็นฝ่ายถือปืน เขารับรู้ว่านายเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรน้องชายอยู่แล้ว ทว่าเคเรนด์นั้น...ไม่แน่
“ปิ้ว ๆๆๆๆ” ริมฝีปากหยักได้รูปของเคเรนด์ทำเสียงยิงปืนเด็กเล่นเพื่อกวนประสาทอีกฝ่าย ใบหน้าเรียบตึงของคาลเวิร์ตทำให้เขาเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
อะไรทำให้มิล่า...ไม่เลือกเขา
ทว่า
เคเรนด์เงยหน้าขึ้นเมื่อเขารู้สึกเหมือนกับถูกจับตามอง ก่อนที่จะพบกับสายตาของหญิงสาวที่เขากำลังนึกถึง ปลายกระบอกปืนถึงได้เปลี่ยนปลายทางไปตรงนั้น
ปัง!
“กรี๊ดดด!!” คาลเวิร์ตนิ่งไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรต่างจากมิล่าที่กรีดร้องเสียงดัง กระจกกันกระสุนนั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“หึ รู้ปะ ผมกำลังทำปืนที่สามารถยิงทะลุห้องพี่ได้ ขายน่าจะได้เงินดี คนพร้อมจะยิงพี่มีเป็นเบือ”
“คุณคาร์น...โปรดระวังคำพูดด้วยครับ”
“ทำไมวะ! มึงจะฆ่ากูรึไงไอ้มาร์โค”
“_”
“มึงเรียกพ่อกูว่าคาร์น มึงเรียกพี่กูว่าคาร์น มึงเรียกกูว่าคาร์น แต่มึงไม่เคารพกู!”
“มาร์โค...” คาลเวิร์ตเอ่ยปากบอกลูกน้องของเขา ใบหน้าของชายชาวอิตาเลี่ยนนิ่ง ก่อนที่เขาจะค้อมศีรษะให้กับเคเรนด์
“ขอโทษครับ”
“หึ...” มาเฟียหนุ่มแค่นหัวเราะ เขาไม่เคยให้ลูกน้องมาทำตัวอย่างนี้กับพี่ชายเขาเช่นกัน “กูบอกพ่อกูแน่”
เคเรนด์ทิ้งคำพูดไว้เพียงแค่นั้น ทำเอาคนเป็นพี่ต้องข่มเปลือกตาลง ซึ่งเคเรนด์ก็เดินกลับพร้อมกับโยนปืนในมือทิ้งอย่างคนหัวเสีย ตั้งตารอวันที่จะได้ขึ้นไปหอคอยนั่น ขึ้นไปอีกครั้งจะทำให้เธอคนนั้นลงมาหาเขาเองเลยคอยดู
“บ้าเอ๊ย!”
“นายครับ” วิลเลี่ยมเอ่ยพูดขึ้นเมื่อเห็นเคเรนด์เดินกลับมาด้วยท่าทีหัวเสีย
“ทำไมมึงไม่เดินตามกูไปห้ะ มึงเป็นอะไรนิ...”
“นายไม่ได้บอกนิครับ”
“เอ้อ ดี มึงมันดีจริง ๆ เชื่อฟังกูทุกอย่าง”
“ขอบคุณครับ”
“กูประชด ไอ้ฉิบหาย มึงดูไอ้มาร์โค มันเอาตัวบังนายของมัน แต่มึงอยู่ห่างกูแบบนี้ไม่ให้กูตายก่อนมึงถึงจะเดินมาถึง”
“คุณคาร์นไม่ทำอะไรนายหรอกครับ”
“มึงไว้ใจพี่กู?”
“ครับ ตอนฝึกผมเห็นนายแพ้ตลอด ก็ไม่เห็นคุณคาลเวิร์ตจะยิงนายเลยนิครับ”
“ไอ้ฉิบหาย!!!!” เคเรนด์ตะคอกเสียงออกมาจนลูกน้องทุกคนสะดุ้งจนตัวโยน ใบหน้าขึ้นสีของเคเรนด์บอกว่าเขาโกรธมากแค่ไหน ซึ่งสิ่งที่วิลเลี่ยมพูดมันไม่ห่างจากความจริงเลยสักนิด นอกจากเขาจะแพ้พี่ทุกอย่าง
เขายังแพ้เรื่องเธอคนนั้นด้วย...
ตกดึก...
“นายครับ คุณมิล่าอยากเจอนายครับ” คาลเวิร์ตค่อย ๆ หันหน้ามามองลูกน้องคนสนิท ขณะที่มือของเขากำลังคีบบุหรี่อยู่
“เธอบอกไม่กล้าอยู่คนเดียว”
“มันดึกแล้ว”
“เธออยากให้นายไปนอนด้วย” มาเฟียหนุ่มชะงักไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุการณ์วันนี้คงทำให้เธอกลัว คิดได้ดังนั้นมาเฟียหนุ่มถึงได้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะไปหาคู่หมั้นของเขา
ขณะที่มาร์โคก็ได้ยกโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครบางคนที่นายเขาพูดถึงวันนี้ ชายหนุ่มรู้จักเธอเมื่อสามปีที่แล้วหลังจากที่เจ้านายเขาได้ช่วยชีวิตเธอไว้ ซึ่งมินตราก็ได้ตอบแทนนายของเขาโดยการให้สัญญาว่าจะทำอะไรบางอย่างให้ จนถึงคราวนี้ที่เธอต้องตอบแทนบุญคุณ
ตื๊ดดด ตื๊ดดด~
ติ๊ด!!
[มาร์โค!!]
“ครับ” น้ำเสียงภาษาอังกฤษของเธอต่างจากเขา แต่คนสองคนก็คุยกันรู้เรื่อง
[มีอะไรเหรอคะ นานมากที่คุณไม่ติดต่อมา ตกใจแล้วก็ดีใจค่ะ]
“ครับ พอดีคุณคาร์นจะพาคู่หมั้นไปทำเด็กแล้วนะครับ”
[อะไรนะคะ...คะ คู่หมั้น]
“ครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอกตอนนั้น พอดีมันเป็นความลับพอสมควร” เสียงของปลายสายเงียบไปอย่างผิดสังเกต หรือว่าเธอกำลังเสียใจอยู่ นานมากถึงสามปีเธอคนนี้ยังไม่ลืมนายของเขาหรืออย่างไร
[คะ เขามีคู่หมั้นแล้ว ฮึก...เหรอคะ] น้ำเสียงสั่นเครือของมินตราทำให้มาร์โคชะงักไป เขาจำได้ว่าเธอมีสายตาที่ต่างไปเวลามองนายของเขา ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจปกปิดเธอเสียทีเดียว เพราะการทำเด็กขึ้นมานี้เจ้านายเขาจงใจหลอกน้องชายเขาด้วย ทุกอย่างเลยต้องเป็นความลับ แต่อีกนัยหนึ่งเขาก็รู้ว่ามินตราคิดยังไงกับคนเป็นนาย เขาก็เลยไม่บอกเธอทว่าเวลาผ่านมานานขนาดนี้ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันเลย ทำไมเธอยังไม่ลืม
[จริงเหรอคะ ฮึก]
“ครับ...” ชายหนุ่มจำเป็นที่จะต้องบอกเธอ เพราะมันถึงคราวแล้ว ซึ่งความจริงนี้ก็ทำให้ใครอีกคนที่อยู่อีกฟากฟ้าหนึ่งรับไม่ได้
มินตราสะอื้นไห้ออกมาในทันที หญิงสาวนั่งอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยเด็กยามค่ำคืนเพราะต้องอยู่เฝ้าลูกชาย
“ละ แล้ว เขาจะมาตอนไหนคะ”
[อันนี้ยังไม่ทราบครับ นายให้บอกเผื่อต้องเตรียมอะไร] มินตรายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ เธอสูดลมหายใจเข้าปอด
“ค่ะ พาคุณผู้หญิงมาตรวจร่างกายก็พอค่ะ” ความเจ็บแปล๊บเกิดขึ้นกลางใจยามเธอพูดประโยคเมื่อครู่ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเสียด้วยซ้ำ ไยเธอถึงรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้
[ครับ...เป็นไงบ้างครับ]
“อ้อ ฮึก...ก็สบายดี แล้วคุณล่ะคะ ฉัน..ฮึก ดีใจที่ได้คุยค่ะ ร้องไห้เลยเห็นมั้ย...” หญิงสาวอยากวางโทรศัพท์แล้วร้องไห้ออกมาดัง ๆ ทว่าก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะคุยกับเพื่อนแบบนี้
[สบายดีครับ คุณคาร์นก็สบายดีนะครับ] มินตราพยักหน้ายินดี เธอไม่ได้สบายดีเลยสักนิด ดูแลลูกที่ป่วยบ่อยเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แถมยังต้องทำงานอีก
“อึก...ไว้ฉันขอโทรไปหาใหม่นะคะ ตอนนี้ฉัน อึก...กำลังจะตื่นไปทำงานค่ะ”
[หืม อ้อ ผมลืมไปเลยว่าเวลาไม่ตรงกัน ไว้เจอกันครับ] มินตราค่อย ๆ ดึงโทรศัพท์ออกจากหู ก่อนที่เธอจะกดตัดสายในที่สุด หญิงสาวยกมือขึ้นนาบที่หน้าอกก่อนจะร่ำไห้ออกมาในทันที
เสียงสะอื้นไห้ของเธอดังเนือง ๆ ตามทางเดินหน้าห้องพักผู้ป่วยในเวลาตีสามครึ่ง ใบหน้าของเธอเรียกสายตาของคนผ่านไปมาได้ทุกครั้ง ทว่ายามนี้ใบหน้าสวยกลับเต็มไปด้วยหยดน้ำตา
ฝ่ามือบางกำชายกระโปรงของตัวเองแน่น เธอไม่ได้เสียใจที่เขากำลังจะแต่งงาน แต่เธอเสียใจที่กรุงโรมไม่มีโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับเขา ไร้หนทางที่เธอจะไปบอกหรือไปพูดคุยว่าลูกของเธอเป็นส่วนหนึ่งของเขา
เพราะเขากำลังจะแต่งงาน...
แต่แล้ว
“ร้องไห้แล้วยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงทุ้มลึกของคุณหมอหนุ่มทำให้เธอต้องเงยหน้ามอง มินตราเม้มริมฝีปากจนกรามเล็กของเธอสั่นเทา ก่อนที่เขาจะขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับรั้งศีรษะเธอเข้ามาซบที่หน้าท้องแกร่ง
ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ลูบผมสลวยสีดำสนิทนั้นเบา ๆ ปล่อยให้เธอได้ร่ำไห้สมใจอยาก ไหล่บางสั่นเทาจนเขาเลื่อนฝ่ามือไปสัมผัสมันเช่นกัน
โนอาร์ไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเศร้าหมองด้วยความเป็นห่วง เนิ่นนานกว่าเสียงร้องไห้ของเธอจะเงียบไป
“ฮึก...ขอบใจนะ เสื้อเปียกหมดเลย” ชายหนุ่มก้มมองเสื้อกาวน์ของตน เขายกยิ้มบาง ๆ โดยไม่ได้ว่าอะไร
“ขอนั่งด้วยได้ไหม” มินตราพยักหน้าให้ ก่อนที่อดีตคนรักจะนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“เป็นหมอโรคเลือดน่ะ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเยียวยาญาติคนไข้นะ เพราะมันเป็นโรคที่ต้องเยียวยาจิตใจกัน ที่บอกเพราะอยากให้เธอมาคุยกับหมอ” มินตราค่อย ๆ หันไปมองชายหนุ่มข้างกาย เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะอาการป่วยของกรุงโรม เธอร้องไห้เพราะพ่อของเขา
“...เธอไม่เล่าให้เราฟังจริง ๆ เหรอ”
“เราอยากถามเธอมากกว่า...ทำดีกับเราทำไม” ชายหนุ่มชะงักไป เขาสบสายตากับเธอนิ่ง
“...เราเลิกกันเพราะเธอนอกใจเรา เราไม่เคยลืมหรอกนะ”
“เราบอกเธอแล้วนิ ว่าเราไม่ได้ทำ เราแค่อยากให้เธอสนใจก็เท่านั้น” ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อน เขาไม่ได้ตั้งใจทำอย่างที่เธอว่า ทว่าความคิดของเขาในตอนนั้นเพียงแค่อยากเรียกร้องความสนใจ แต่มันกลับเป็นการเลิกราที่ไม่หวนกลับ “แต่เธอก็มีแฟนใหม่เร็วนี่ เรายังไม่มีใครเลยนะ”
“หึ เรามันคนไม่มีดวงเรื่องนี้ เธอรู้ปะว่าเรามีแฟนมาแล้วกี่คน”
“รู้...เรารู้เรื่องเธอตลอด” มินตรายิ้มบาง ๆ ให้เจ้าของคำตอบ เขาเป็นแฟนที่ดีที่สุดในชีวิตเธอเลยก็ว่าได้ ซึ่งการนอกใจของเขาก็เลยเป็นบาดแผลทำให้เธอไม่เคยลืมเลือน
“แต่เธอรู้ปะ เราน่ะ...ไม่เคยสมหวังเลย ต้องเลิกตลอด”
“...พ่อกรุงโรมด้วยเหรอ” มินตราชะงักไป เธอค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองคุณหมอหนุ่ม
“เธอไม่ได้อ่านประวัติของกรุงโรมเหรอว่าเขาเกิดจากอะไร”
“รู้...ถึงได้ถามไง แต่ถ้าเธอไม่อยากบอก...”
“พ่อกรุงโรมน่ะ เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามีเด็กชื่อกรุงโรมอยู่บนโลกใบนี้” เพียงแค่เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาหัวใจก็เจ็บช้ำจนต้องชะงักคำพูดไป
“...เราชอบเขา เขาใจดีกับเรามาก ๆ เขาไม่ใช่คนใจดีเลยนะ เราอ่ะ...เห็นเขาทำอะไรหลายอย่างเลย” มินตราก้มหน้าลงระหว่างที่พูดไปด้วย ในตอนที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้เขาฆ่าคนตายต่อหน้าเธอถึงสองคน ทว่าเขากลับใจดีกับเธอ
“...เขามีพระคุณกับเรา แบบมาก ๆ ตอนนั้นถ้าไม่มีเขาคือเราอ่ะ ตายไปเลยนะ เขาช่วยชีวิตเราไว้...” โนอาร์มองใบหน้าของมินตราที่เริ่มมีสีสันขึ้นยามเธอพูดถึงเขาคนนั้น
“...เราก็เลยตอบแทนคุณเขาโดยทำบางอย่างให้”
“หืม? ”
“เขาอยากทำเด็กหลอดแก้ว” โนอาร์ชะงักไป ก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดขึ้นด้วยความใคร่รู้
“เธออุ้มบุญเหรอ”
“เปล่า...เราขโมยมา”
“ห้ะ...”
“เราขโมยน้ำเชื้อของเขามาแค่ตัวเดียว แล้วมาทำกับของเราเอง...บ้าปะ เรามันบ้าที่สุดเลย”
“_”
“แต่เธอรู้ไหมว่าเขาน่ะ มีผู้หญิงที่เขาอยากให้อุ้มลูกเขาอยู่แล้ว ฮึก ฮือ...”
“_”
“เรา...เสียใจ ฮืออ~”