บทที่ 1 คู่หมั้น

2154 คำ
ลำคอหนาแห้งผาก มาเฟียหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เขามองผ่านร่างหนาของเคเรนด์ไปยังร่างบางที่นอนสลบไม่ได้สติบนที่นอนขนาดใหญ่ เมื่อสักครู่น้องเขาร้องเรียกเธอเพื่อกวนประสาทเขา และสภาพของเธอในตอนนี้... พรึ่บ!! “กู เคย เตือน มึง แล้ว!!” ฝ่ามือหนากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก่อนที่เขาจะเค้นเสียงออกมาใส่หน้าคนเป็นน้อง ขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่เหยียดยิ้มสะใจ “กู ก็ เคย บอกมึงแล้ว!” เคเรนด์กระแทกเสียงใส่คืนก่อนที่เขาจะผลักแผ่นอกแกร่งของคนเป็นพี่ออก ทว่า ผลั๊ว!! หมัดหนักก็ได้ซัดใส่ใบหน้าหล่อเหลาของคนเป็นน้อง คาลเวิร์ตไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งหลักได้ มาเฟียหนุ่มรัวหมัดใส่อีกฝ่ายไม่ยั้งมือ ซึ่งเคเรนด์ก็ไม่ทันได้โต้กลับ เสียงชกต่อยที่ดังไม่หยุดปลุกให้ร่างบางที่นอนไม่ได้สติด้วยความอ่อนเพลียได้ตื่นขึ้น มิล่าตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็น เธอตวัดเรียวขาลงจากเตียงอย่างอัตโนมัติ ทว่าความเจ็บปวดก็แล่นเข้ากลางกายเสียก่อน “โอ๊ย!...” เสียงร้องของมิล่าทำให้คาลเวิร์ตหันไปสนใจ ดวงตาเป็นห่วงเป็นใยของคนเป็นพี่ทำให้เคเรนด์โกรธขึ้นมา เขาง้างหมัดขึ้นก่อนจะปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายคืน ผลั๊ว!! เคเรนด์ไม่ชอบที่สุดเวลาสองคนนี้มองหน้ากันและมีสายตาเช่นนี้ ต่างจากเขาที่ได้รับเพียงสายตาเมินเฉยจากเธอคนนั้น “พะ พอ ฮึก...” มิล่าส่ายหน้า เธอรู้สึกปวดไปหมดทั้งกายและใจ อยากเข้าไปห้ามแต่ก็ไม่มีแรงมากพอ หญิงสาวห่อตัวเองด้วยผ้าห่มผืนหนาก่อนที่จะค่อย ๆ ทิ้งฝ่าเท้าลงพื้นอีกครั้งและทันทีที่เธอลุกขึ้นยืน ตุบ! “โอ๊ย!” “มิล่า...” คาลเวิร์ตใช้ฝ่าเท้ายันหน้าท้องแกร่งของเคเรนด์ให้ออกจากร่างของเขาก่อนที่จะรีบไปหาเธอ การกระทำของพี่ชายทำให้คนเป็นน้องโมโหมากกว่าเดิม เขายกหลังมือขึ้นเช็ดมุมปาก ยืนมองพี่ชายที่กำลังพยุงผู้หญิงสองใจคนนั้นขึ้น ก่อนที่เขาจะถุยก้อนเลือดออกจากปาก ถุ้ย! เคเรนด์จ้องมองมิล่าตาเขม้น ที่เขาทำไปนานนับชั่วโมงเธอคนนี้ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเขาเลยหรือ ถึงได้กอดพี่เขาแน่นอย่างนี้ พอเห็นอย่างนั้นก็ทนยืนดูไม่ได้ ชายหนุ่มเดินออกจากห้องด้วยท่าทีหัวเสีย “ฮึก ฮืออ...” หญิงสาวไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมามากกว่าการร่ำไห้ เธอกำเสื้อเชิ้ตสีขาวของคู่หมั้นหนุ่มแน่น พร้อมกับซบใบหน้าที่แผ่นอกแกร่งของเขา ขณะที่คาลเวิร์ตยังตกใจไม่หายกับร่องรอยบนเนื้อตัวของเธอคนนี้ ลำคอระหงมีรอยนิ้วมือ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะบีบคอเธอ และเนื้อตัวขาวนวลที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาก็เต็มไปด้วยรอยกัด “ไหวไหม ไปโรงพยาบาลไหม...” “ฮึก มะ ไม่ค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ หากไปพ่อแม่เธอรู้แน่ มิล่าไม่ต้องการอย่างนั้น ขณะเดียวกันที่คาลเวิร์ตรู้สึกโกรธตัวเองที่ดูแลเธอไม่ได้อย่างปากว่า “พี่ขอโทษนะ...พี่ไม่นึกว่ามันจะกลับมาเร็วขนาดนี้” “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ความผิดของพี่เลยสักนิด” เธอว่าเสียงสั่น นานนับชั่วโมงที่คนใจร้ายรังแกเธอ หญิงสาวเพิ่งมาถึงอิตาลีได้ไม่กี่ชั่วโมง เธอนอนหลับด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางไกล แต่ก็ถูกปลุกและถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนจากคนที่ไม่เจอกันนาน... สายตาคมเข้มมองผ่านหน้าต่างห้องทะลุไปยังตึกอีกตึกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากกัน ทันทีที่ได้ยินว่าเธอคนนั้นจะย้ายมาอยู่ที่นี่ มาเฟียหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะกลับมาบ้านทั้ง ๆ ที่ไม่ได้กลับมานาน พอมาถึงราวกับสวรรค์เป็นใจที่พี่ชายไม่อยู่บ้าน การเรียกให้คนของคาลเวิร์ตออกไปช่วยงานที่อื่นก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา “มีหมอมาหาเธอครับ...” เคเรนด์เหยียดยิ้มที่ได้ยินลูกน้องคนสนิทว่าอย่างนั้น ถึงกับเรียกหมอเลยงั้นเหรอ...เขาแค่คิดถึงเธอมากไปหน่อยก็แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องทำอะไรเว่อร์วังอย่างนี้ “เห็นคนบอกว่าเธอจะย้ายมาอยู่นี่เพื่อเตรียมตัวแต่งงานครับ” “อะไรนะ...” มาเฟียหนุ่มค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองใบหน้าของลูกน้องคนสนิท ฝ่ามือหนากำแก้วน้ำสีอำพันนั้นแรงขึ้นทันที “ครับ ฝั่งนั้นบอกว่าคุณคาร์นอยากให้เลื่อนงานแต่ง” “แล้วทำไมกูเพิ่งรู้!!” เคเรนด์ตะเบ็งเสียงออกมาทันที ความช้ำบนใบหน้าหล่อเข้มนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด มีเพียงความเจ็บแปล๊บที่หัวใจยามได้ยินเรื่องนี้ “เอ่อ คุณคาลเวิร์ตปิดเรื่องครับ” “หึ...” เขาแค่นหัวเราะออกมา ชายหนุ่มค่อย ๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด “มันจะแต่งวันไหน” “เอ่อ...” “โทรหาพ่อกู” พอได้ยินลูกน้องคนสนิทอึกอักที่จะตอบแสดงว่าลูกน้องเขาไม่รู้ เคเรนด์ก็เปลี่ยนไปโทรถามพ่อของเขาแทน “คุณคาร์นอยู่ฝรั่งเศสครับ...” “ทำไม แล้วโทรไปไม่ได้หรือไง!” “ครับ ท่านบอกไม่ให้ใครโทรหา” มาเฟียหนุ่มอยากกัดลิ้นตายมันเสียตรงนี้ อะไรก็ขัดใจเขาไปเสียหมด “เดี๋ยวกูไปถามแม่งเอง” เขาเอ่ยออกมาด้วยความโกรธเคือง แต่การบุกรุกพื้นที่ของเขาวันนี้รอบต่อไปคงยากที่จะก้าวขาเข้าไปอย่างแน่นอน คฤหาสน์หลังใหญ่สองหลังที่อยู่ห่างกันแค่คืบ ดูเหมือนจะยากที่จะเข้าไปหาเสียแล้ว นึกแล้วก็หงุดหงิดตัวเองที่หุนหันพลันแล่นเข้าไปอย่างวันนี้ แต่จะให้ทำไงได้ เพราะไม่เจอเธอคนนี้นาน ความคิดถึงมันก็มีมากจนห้ามไว้ไม่อยู่ “ไปสืบมาว่าหมอว่าอะไร...” อยู่ ๆ ก็อยากรู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไร หากว่าไม่เป็นอะไรมาก รอบหน้าเขาจะเอาให้ใกล้ตาย... คล้อยหลังคุณหมอคาลเวิร์ตก็ไม่วางใจที่จะให้มิล่าอยู่ห้องคนเดียวอีกต่อไป มาเฟียหนุ่มไล่สายตามองความช้ำบนใบหน้าของคู่หมั้นสาว มุมปากของเธอช้ำเช่นนี้น้องชายเขาตบเธอหรือกระไร “บอกพี่ได้ไหม มันทำอะไรบ้าง” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อน แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะเล่าให้ฟัง แต่เขาก็อยากรู้เพราะจะได้ไปเอาเรื่องกับต้นเหตุนี้ได้ “คือ...” “มันตบหรือเปล่า” แม้จะถูกฝึกให้โหดเหี้ยม และมีหลายครั้งที่สถานการณ์บีบบังคับให้เขากับน้องชายต้องทำร้ายผู้หญิง แต่เขาก็ไม่อยากได้ยินว่าคนเป็นน้องทำร้ายคนที่เหมือนกับคนในครอบครัวอย่างมิล่า “ไม่อยากบอกเหรอ โอเค...พี่เข้าใจ” “_” มิล่าเม้มริมฝีปาก เธอจะบอกได้อย่างไรว่าเขาทำอะไรบ้าง เพราะคนตรงหน้ากำลังจะเป็นสามีในอนาคตของเธอ “ฉันขอโทษนะคะ หากว่าพี่ไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงแบบฉันแล้ว..ฉัน...” “ไม่ เธอไม่ผิดเลย แล้วพี่ก็สัญญาว่าจะปกป้องเธอ” “_” หญิงสาวน้ำตารื้นในทันที เธอไม่อยากผูกมัดเขาไว้กับเธอ แต่ก็เป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคนใจร้ายคนนั้น “ขอบคุณนะคะ” ฝ่ามือหนาเอื้อมขึ้นลูบหน้าผากของเธอเบา ๆ มาเฟียหนุ่มเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก แทบจะเรียกว่าเติบโตมาด้วยกันพร้อมกับน้องเขาอีกคน “นอนนะ พี่ให้คนเฝ้าแล้วไม่ต้องห่วง” หญิงสาวพยักหน้า เธออ่อนเพลียมากถึงมากที่สุด หญิงสาวค่อย ๆ หลับตาลง ภาวนาให้วันพรุ่งนี้ไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นเธออาจจะไม่ไหวแล้ว... @Bangkok, Thailand กลิ่นยาที่โชยมาทำให้รู้สึกพะอืดพะอมคล้ายจะอ้วกอยู่บ่อยครั้ง หญิงสาวร่างบางนั่งก้มหน้าที่ห้องตรวจโรคเลือดสำหรับเด็ก เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างอัตโนมัติหลังจากได้ฟังผลตรวจจากคุณหมอประจำของลูกชาย แต่แล้ว “ทำไมล่ะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้” เสียงทุ้มลึกคุ้นหูก็ดังขึ้น มินตราค่อย ๆ หันไปมอง “หึ เธอไม่เข้าใจเราหรอก...แล้วเสร็จแล้วเหรอคะ” “ครับ ให้พยาบาลแอดมิทเข้าหอผู้ป่วยเด็กแล้ว” คุณหมอหนุ่มยิ้มให้เธอ มินตรายังคงสวยเหมือนกับทุกครั้งที่เจอกัน แม้จะเลิกกันไปนานแล้ว อยากเจอเธอมาหลายปีแต่พอเจอเธออีกทีในสภาพนี้ก็ทำให้ไม่อยากเจอเลยสักนิด “เขา...จะอยู่ได้นานหรือเปล่าคะ” “นานสิ เธอบอกเองนะว่ามันรักษาได้” มินตราแค่นหัวเราะ ในตอนเธอตั้งครรภ์คุณหมอก็ถามเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเธอจะเก็บเขาไว้ไหม “เลิกตอกย้ำเหอะน่า” โนอาร์หัวเราะให้กับคำพูดของเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะหัวเราะตามแม้จะยังมีน้ำตาอยู่บนใบหน้า “เราอยู่เวรนะวันนี้ มีอะไรก็โทรหาเราได้ตลอด” “ขอบใจนะ เธอใจดีกับเราตลอด” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างให้กับอดีตคนรัก ทว่า “เนอะ ทำไมเธอไม่ใจอ่อนให้เราล่ะ” คำพูดของคุณหมอหนุ่มทำให้หญิงสาวชะงักไป เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย “เราคงไม่ใช่เนื้อคู่กันหรอก อีกอย่างเธอรับได้เหรอ..เรามีลูกแล้วนะ แถมยังเป็นโรคธาลัสซีเมียอีก ค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่ใช่น้อย ๆ เราไม่มีเวลาให้เธอด้วย เธออย่าถามเรื่องนี้กับเราอีกนะ” “เธอมีลูกไม่สำคัญเท่าเธอไม่รักเราหรอก...” ใบหน้าหล่อเหลาเศร้าหมองลง เกือบห้าปีที่เลิกกันมา จนหญิงสาวตรงหน้ามีแฟนใหม่แล้วหลายคนเขาก็ไม่เคยลืมเธอ “เราไม่คุยกับเธอแล้วนะ....” “เฮ้...แค่ล้อเล่น ยังไงเธอก็ต้องมาเจอเราตลอดอยู่แล้ว” มินตราหน้าหมองอีกครั้ง ใช่อย่างที่คุณหมอโนอาร์พูด เพราะลูกเธอจะต้องรับเลือดตลอด “...เขาจะเป็นยังไงต่อเหรอ” “ก็...ตอนนี้ถ้ามีเลือดให้เขาตลอดก็ไม่ต้องห่วง ร่างกายของเขายังปรับเองได้ ระวังแค่ภาวะเหล็กเกิน*” “เขาก็ต้องถ่ายเหล็กเสมอสินะ” “อืม...” “แล้ว...ถ้าไม่มีเลือดให้เขาล่ะ” โนอาร์หันมามองหญิงสาวข้างกาย เธอถามออกมาทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจแบบนี้ เพียงแค่ต้องการคำยืนยันจากเขาเท่านั้น “ก็...ตับโตม้ามโต เติบโตไม่เต็มที่ กระดูกใบหน้าเปลี่ยน แล้ว...เสียชีวิตในที่สุด” “_” “แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอก คลังเรามีเลือดเยอะ” พอเห็นว่าเธอจะร้องไห้อีกชายหนุ่มก็เอ่ยพูดขึ้น เขาค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามากอด แม้ว่าจะกลัวว่าเธอจะไม่โอเค แต่ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอร้องไห้ และรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้ “ฮึก...เขาเจ็บ ตอนให้เลือดตลอดเลย” มินตราร่ำไห้ออกมา เกือบปีที่พาลูกมารับเลือดแต่ผลตรวจกลับไม่ดีขึ้นเลย หญิงสาวซบใบหน้าที่แผ่นอกของเขาก่อนที่เขาจะพูดขึ้น “เดี๋ยวเขาก็ชิน...” ฝ่ามือหนาลูบแผ่นหลังบางของมินตราเบา ๆ ทำเอาผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในโรงพยาบาลชื่อดังนี้มองด้วยความอิจฉาตาร้อน “ฮึก ฉันกลัวว่าเขาจะทนไม่ได้แล้ว” มินตราไม่สามารถทนเห็นความเจ็บปวดของลูกได้อีกต่อไป และไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถพาเขามารักษาแบบนี้ได้ทุกเดือนหรือไม่ “อย่าท้อสิ ไหนบอกว่ารอปาฏิหาริย์ไง บางทีอาจจะมีคนมาบริจาคสเต็มเซลล์แล้วก็ได้” มินตราพยักหน้าหงึกหงักบนแผ่นอกแกร่งของคุณหมอหนุ่ม เธออยากให้ปาฏิหาริย์ที่ว่านี้เกิดขึ้นในเร็ววัน... *ภาวะเหล็กเกินจากการรับเลือด ทำให้มีเหล็กสะสมที่ตับ หัวใจ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงต้องได้รับการรักษาด้วยยาขับเหล็กควบคู่ไปกับการรับเลือดแบบสม่ำเสมอ จึงจะสามารถทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิต และคุณภาพชีวิตใกล้เคียงคนปกติ ผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ เช่น บีต้าธาลัสซีเมียฮีโมโกลบินเมเจอร์ (β thalassemiamajor) บีต้าธาลัสซีเมียฮีโมโกลบินอี (β thalassemia/ HbE)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม