ปึ๊ก!!!
ลูกบอลลูกหนึ่งลอยละลิ่วมาจากทิศทางใดไม่รู้ กระแทกโดนเต็มหน้าอกของคนที่นั่งหลับตาอยู่ ทำให้สะดุ้งตกใจลืมตาขึ้นมอง มันไม่ถึงกับเจ็บมากแต่แรงกระแทกก็ไม่เบานัก หลี่เจิ้งหลุดจากภวังค์ความคิด ก้มลงหยิบลูกบอลบนพื้นขึ้นมา เขามองไปรอบๆ กายหาเจ้าของลูกบอลลูกนี้ คิ้วดกหนาขมวดนิ่วเมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งจูงเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของเขาเดินตรงมาหา
“คุณคะ ฉันขอโทษแทนน้องชายด้วยนะคะ”
เสียงหวานใสของเด็กชายเอ่ยขอโทษเขาเบาๆ พร้อมกับจับหัวน้องชายให้ก้มลงขอโทษเขาด้วย
“เล่นอะไรต้องระวังบ้างนะเจ้าหนู เธอเป็นพี่ก็ควรดูแลน้องให้ดี ไม่ควรให้เอาบอลมาเตะเล่นในเขตโรงพยาบาลแบบนี้ ถ้าคนที่โดนบอลกระเด็นเข้าใส่เป็นผู้ป่วย เธอจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บนะ”
หลี่เจิ้งถือโอกาสสั่งสอนสองพี่น้อง
“ผมขอโทษครับคุณอา พี่หลินหลินเตือนผมแล้ว แต่ผมดื้อเอง”
เด็กชายยอมรับผิดด้วยตัวเอง เขาไม่อยากให้พี่สาวโดนคนอื่นตำหนิเพราะความซนของตัวเอง
“พี่ก็เป็นคนผิดเหมือนกันนะอาหลง ที่พี่ห้ามเธอไม่ได้”
หลินหลินลูบศีรษะน้องชาย ปลอบโยนไม่ให้เขาเสียใจ
หลี่เจิ้งมองดูความรักของสองพี่น้องที่มีต่อกันอย่างเอ็นดู เด็กสาวดูจะอายุมากกว่าน้องชายหลายปี ท่าทางจะรักน้องมากจึงยอมรับผิดเองแบบนี้
“เอาล่ะ ไม่ต้องแย่งกันรับผิดเลย ฉันยกโทษให้ก็ได้”
เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ส่งบอลคืนให้เด็กชาย
“ถ้าเธออยากเตะบอลก็เตะเล่นตรงนี้ได้ ระวังอย่าให้กระเด็นไปที่อื่นอีก”
สองพี่น้องได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออก เด็กชายรีบรับบอลมาเตะเล่นทันที หลี่เจิ้งลงไปสอนเด็กชายเล่นบอลด้วย โดยมีสายตาของเด็กสาวนั่งมองชายหนุ่มกับน้องชายเล่นบอลด้วยแววตาชื่นชม นานหลายนาทีกว่าทั้งสองจะหยุดเล่นแล้วเดินมาพักเหนื่อย หลินหลินส่งน้ำให้ดื่มเธออาศัยช่วงที่ทั้งสองกำลังเพลินไปซื้อน้ำมาเตรียมไว้ให้
“น้ำค่ะ”
เด็กสาวยื่นน้ำขวดหนึ่งให้หลี่เจิ้ง แล้วยื่นน้ำอีกขวดให้น้องชาย
“ขอบคุณนะคะทีช่วยเป็นเพื่อนเล่นให้อาหลง ฉันเป็นผู้หญิงเล่นอะไรแบบนี้ไม่เป็น”
“ไม่เป็นไร ฉันเคยเล่นเตะบอลกับลูกชายบ่อยๆ น่ะ”
หลี่เจิ้งยิ้มให้เด็กชาย เขาเปิดขวดน้ำแล้วยกดื่ม การเล่นเตะบอลกับเด็กชายทำให้เขาคลายเครียดไม่น้อย ปัญหาที่สุมอยู่ในหัวคล้ายถูกละวางไว้ชั่วคราว
“แล้วพวกเธอสองคนมาทำอะไรกันที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“คุณพ่อมาเยี่ยมคุณลุงหลี่ครับ ผมกับพี่หลินหลินเลยตามมาด้วย ลุงหลี่เป็นเพื่อนของคุณพ่อครับ” เด็กชายตอบ
หลี่เจิ้งยกคิ้วสูง นึกสงสัยว่าลุงหลี่ของเด็กชายจะใช่คนเดียวกับบิดาของเขาหรือเปล่า
“ใช่คุณหลี่เสวียนหรือเปล่า” เขาลองถามดู
“ใช่ค่ะ คุณรู้จักคุณลุงหลี่ด้วยหรือคะ”
หลินหลินมองหน้าเขาอย่างระแวง เด็กสาวดึงแขนน้องชายให้ขยับออกห่าง บิดาของเธอมาเฟียใหญ่เป็นหัวหน้าแก๊งค์มังกรคนปัจจุบัน แม้เธอกับน้องจะถูกส่งตัวไปเรียนที่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก การกลับมาเยี่ยมบ้านแต่ละครั้งบิดาจะส่งคนมาดูแลอย่างดีกำชับให้ลูกสาวระแวดระวังภัยเสมอ ซึ่งอาจมีคนไม่หวังดีคิดปองร้ายเธอกับน้องชายได้ หากรู้ว่าเธอกับน้องเป็นลูกใคร
“ฉันทำงานกับคุณหลี่น่ะ” หลี่เจิ้งไม่ยอมเปิดเผยว่าเขาเป็นใคร
“อ้อ เหรอคะ” หลินหลินคลายท่าทีระแวงลงไป
“คุณคงรู้เรื่องของคุณป้าหลี่กับพี่จิน คุณลุงหลี่เสียใจมากที่ทั้งสองถูกฆ่าตาย เห้อ... น่าสงสารจริงๆ”
หลินหลินนึกถึงพี่จิน หรือหลี่จินลูกชายของหลี่เสวียนขึ้นมา เธอมีโอกาสได้พบเขาหลายครั้งเพราะบิดาของเธอสนิทสนมกับหลี่เสวียน หากเธอโตกว่านี้บิดาของเธอคงยกเธอให้แต่งงานกับหลี่จินไปแล้ว ตอนนี้เขามาตายจากไปไม่มีผู้สืบทอดทอดตำแหน่งแทนผู้เป็นพ่อ หลี่เสวียนกำลังกลุ้มใจไม่น้อย เด็กสาวได้ยินบิดาคุยกับมารดาของเธอว่า หลี่เสวียนยังมีลูกชายอีกคนอยู่ที่เมืองไทย หากลูกชายคนนี้ยอมรับตำแหน่งแทน บิดาของเธอคงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการขัดแย้งกับผู้นำคนใหม่ของแก๊งค์หงส์ไฟ
“เธอสนิทกับบ้านของคุณหลี่มากหรือ” หลี่เจิ้งให้ความสนใจสาวน้อยมากขึ้น
“คุณพ่อของฉันท่านเป็นเพื่อนกับคุณลุงหลี่ค่ะ ท่านทั้งสองเป็นพันธมิตรด้านการค้าและเรื่องงานกันค่ะ”
หลินหลินไม่เอ่ยถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากกว่านั้น แต่คนฟังพอรู้ว่าพันธมิตรที่พูดถึง หมายความว่าอย่างไร บิดาของเด็กสาวคงเป็นพวกมาเฟียเหมือนกับหลี่เสวียน
“เธอคิดยังไงกับงานที่พอเธอทำ”
หลี่เจิ้งลองเปรยขึ้น เขาอยากรู้ความคิดของลูกสาวคนที่เป็นมาเฟีย
หลินหลินยิ้มเนือยๆ สบตาคมกริบของเขานิ่ง
“ฉันเคยรู้สึกไม่ชอบงานของคุณพ่อค่ะ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่อยากให้อาหลงสืบทอดงานที่พ่อทำ แต่ตอนนี้ความคิดของฉันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ”
“อะไรทำให้เธอเปลี่ยนความคิด ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจที” หลี่เจิ้งเอ่ยถาม
“คุณลุงหลี่ค่ะ ท่านทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดนี้”
เด็กสาวผ่อนลมหายใจยาว รวบรวมความคิดของตัวเองกลั่นเป็นถ้อยคำให้เขารับรู้
“เมื่อสองวันก่อน อาการของคุณลุงหลี่โคม่า โชคดีที่หมอยื้อชีวิตของท่านไว้ได้ ตอนนั้นฉันมาเยี่ยมท่านกับคุณพ่อ ฉันเห็นสายตาของคุณพ่อที่มองเพื่อนรักอย่างเศร้าใจ ทำให้ฉันอดถามท่านไม่ได้ว่าทำไมพ่อถึงเป็นแบบนั้น”
หลินหลินยังจำสายตาของผู้เป็นพ่อ ยามทอดมองร่างไร้สติของเพื่อนรักได้ แววตาของท่านอ่อนแสงลงมีความระทดท้ออยู่ภายใน เหมือนท่านกำลังเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่นอนอยู่
“พ่อของฉันพูดว่า หลินหลิน ถ้าวันหนึ่งพ่อเป็นเหมือนลุงหลี่ พ่อจะยังมีลูกกับอาหลงอยู่ข้างๆ ใช่ไหม ถ้าพ่อตายไปลูกกับอาหลงจะดูแลแม่ จะสืบทอดแก๊งค์มังกรของเราต่อไปใช่ไหม ท่านถามฉันแบบนี้ค่ะ”
หลินหลินสบตากับหลี่เจิ้ง แววตาของเด็กสาวเป็นประกายวาวกล้า เมื่อเอ่ยจบ
“แล้วเธอตอบท่านไปว่ายังไง” หลี่เจิ้งถามเสียงแผ่ว
“ฉันตอบท่านว่า เมื่อฉันเกิดเป็นลูกของท่าน ฉันย่อมเดินตามรอยเท้าท่าน ลูกเสือย่อมไม่ทำตัวเหมือนลูกสุนัข ลูกมังกรย่อมเป็นมังกรไม่ใช่งูดิน ต่อให้ฉันมีทางเลือกฉันก็จะเลือกเดินตามรอยเท้าของท่าน”
คำพูดของเด็กสาวทำให้คนฟังรู้สึกทึ่ง เขามองใบหน้าอ่อนใสของเด็กสาวนิ่ง เห็นแววตาทระนงในศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจของเธอฉายออกมาจากดวงตาคู่นั้น
“ฉันไม่อาจหันหลังให้สิ่งที่พ่อของฉันสร้างขึ้นมาได้ ถ้าฉันทิ้งท่านหันหลังให้ท่านด้วยความเห็นแก่ตัว รักความสุขสบาย ปล่อยให้สิ่งที่ท่านสร้างมาทั้งชีวิตต้องพังลงไป ฉันคงไม่ต่างจากลูกอกตัญญู ไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่อ”
ถ้อยคำประโยคนี้กระแทกใจคนฟังจนจุก หลี่เจิ้งย้อนคิดถึงตัวเอง เขากำลังเห็นแก่ตัวโดยคิดหันหลังให้ผู้ให้กำเนิด เมื่อสองวันก่อนพ่อของเขาเกือบจากไป แต่ท่านก็กลับฟื้นขึ้นมาเพื่อจะรอพบเขา หลี่เจิ้งตัดสินใจได้ในนาทีนั้นว่าเขาควรทำอย่างไร
“ขอบใจมากนะสาวน้อย คำพูดของเธอทำให้ผู้ใหญ่อย่างฉันคิดได้”
เขากุมมือเล็กของเธอ ยิ้มให้อย่างขอบคุณ
หลินหลินหน้าแดง แต่ไม่ดึงมือออกจากการเกาะกุมของหนุ่มใหญ่ สาวน้อยมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยแววตาเคลิ้มไหว ก่อนจะรู้สึกตัวแก้มร้อนวูบ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งรู้จักผู้ชายคนนี้ รีบดึงมือออกจากมือหนา ลุกขึ้นจูงแขนน้องชายเดินหนีไป โดยไม่ยอมร่ำลาเขาสักคำ
เด็กสาวคงไม่รู้ว่า คำพูดของเธอในวันนี้ ได้เปลี่ยนชีวิตของคนๆ หนึ่งไปตลอดกาล และวันหนึ่งข้างหน้าผู้ชายคนนี้ จะมีอิทธิพลต่อชีวิตของเธอและน้องชาย...