เส้นทางบนถนนคนบาปของหลี่เจิ้งดำเนินไปภายใต้คำแนะนำสั่งสอนของหลี่เสวียนผู้เป็นบิดา อดีตอาจารย์หนุ่มเปลี่ยนสถานะมาเป็น มาเฟียเต็มขั้น หลี่เสวียนปล่อยมือให้ลูกชายลงไปจัดการกับงานในแก๊งด้วยตนเอง เพื่อเพาะบ่มให้หลี่เจิ้งซึมซับความเป็นมาเฟียให้ลึกซึ้ง หลี่เสวียนรู้ดีว่าตัวเขากำลังจะตายโดยโรคร้าย จึงทุ่มเทฝึกฝนลูกชาย รวมถึงทำให้ หลี่เจิ้งเป็นที่ยอมรับของคนในวงการให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งชายหนุ่มไม่ทำให้ผู้เป็นบิดาผิดหวัง ทักษะการต่อสู้ระดับยอดฝีมือ บวกกับหัวใจที่แกร่งและสมองอันชาญฉลาด ส่งให้หลี่เจิ้งสามารถเป็นที่ยอมรับของคนในแก๊งหงส์ไฟ รวมถึงเป็นที่เกรงขามต่อแก๊งมาเฟียแก๊งอื่น
“คุณเจิ้งครับ นี่คือแปลนอาคารตึกแดงที่คุณเจิ้งสั่งให้ร่างแบบมาให้ครับ” หวังไป่ฉีวางแปลนอาคารบนโต๊ะทำงานของหลี่เจิ้ง
เขาได้รับมอบหมายจากมาเฟียหนุ่มให้ดำเนินการจัดหาคนมาออกแบบก่อสร้างอาคาร ซึ่งหลี่เจิ้งตั้งชื่อว่า ‘ตึกแดง’ หลังจากมาเฟียหนุ่มเข้ามาบริหารงานแทนหลี่เสวียนผู้เป็นบิดา หลี่เจิ้งสามารถทำให้คนในแก๊งยอมศิโรราบและยอมอยู่ภายใต้บังคับบัญชาอย่างเต็มใจ มาเฟียหนุ่มใช้ทั้งพระเดชและพระคุณในการปกครองคน เริ่มต้นด้วยการสั่งสอนคนทรยศอย่างจงเหอกลางที่ประชุมพรรค ก่อนจะเรียกหัวหน้าเขตแต่ละคนเข้ามาพูดคุยตัวต่อตัว เพียงไม่นานหลี่เจิ้งก็สามารถควบคุมคนในแก๊งให้เป็นคนของเขาได้โดยไม่มีใครแตกแถว ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่เสวียนไม่เคยทำได้มาก่อน หวังไป่ฉีรู้สึกทึ่งและยอมเทใจรับใช้หลี่เจิ้งอย่างสุดความสามารถ
“แบบอาคารไม่มีปัญหา ผมต้องการให้คุณหาคนก่อสร้างที่เป็นคนของเรามาทำงานนี้ แปลนของตึกแดงจะเป็นความลับ มันจะถูกเผาทำลายหลังจากสร้างเสร็จ”
หลี่เจิ้งกวาดสายตาดูแปลนอาคารอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าพอใจ
“ครับคุณเจิ้ง คนของเราเปิดบริษัทก่อสร้างอยู่หลายบริษัท ผมจะคัดคนที่ไว้ใจได้มาทำงานนี้ครับ” หวังไป่ฉีพยักหน้ารับ
“แล้วเรื่องเด็กกำพร้าที่ผมให้คุณไปติดต่อรับมาอุปการะเป็นยังไงบ้าง ผมอยากได้เด็กจากทุกๆ ประเทศ เอาที่กำพร้าไม่มีพ่อแม่และมีหน่วยก้านดี”
หลี่เจิ้งเอ่ยถามถึงสิ่งที่เขาสั่งให้หวังไป่ฉีไปทำอีกเรื่อง
“เรื่องนั้นคนของเรากำลังดำเนินการอยู่ครับ เราจำเป็นต้องตั้งมูลนิธิเพื่อจะได้สะดวกต่อการรับเด็กมาดูแล”
หวังไป่ฉีรายงานต่อผู้เป็นนาย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่เจิ้งถึงได้สั่งให้เขาหาเด็กกำพร้ามาอุปการะ มาเฟียหนุ่มไม่ยอมเปิดเผยเหตุผลให้เขารู้ ในฐานะลูกน้องแม้อยากรู้เพียงใดหวังไป่ฉีก็ไม่บังอาจไต่ถามผู้เป็นนาย ได้แต่รอนายของเขาเป็นผู้บอกเรื่องนี้เอง ที่ผ่านมาหลี่เจิ้งทำอะไรหลายอย่างที่เขาเดาใจไม่ถูก หลี่เสวียนเองก็ปล่อยให้ลูกชายจัดการทุกอย่างตามความต้องการ ไม่เคยทักท้วงใดๆ หวังไป่ฉีกลายเป็นคนสนิทของหลี่เจิ้ง จึงต้องรับคำสั่งของผู้เป็นนายโดยตรง
หลายเดือนที่ผ่านมาหวังไป่ฉีเห็นความเปลี่ยนแปลงของหลี่เจิ้งมาตลอด มาเฟียหนุ่มก้าวเข้ามาคุมบังเ**ยนแทนบิดาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อนาคตของแก๊งหงส์ไฟภายใต้การปกครองของหลี่เจิ้งกำลังไปได้สวยและน่าจะรุ่งเรืองยิ่งกว่าหลี่เสวียนผู้เป็นบิดาเคยทำได้ ดั่งฟ้าส่งหลี่เจิ้งให้เกิดมาเพื่อเป็นผู้ยิ่งใหญ่ มาเฟียหนุ่มสามารถจับมือเป็นพันธมิตรกับเว่ยเหยียน และพาตัวเองไปร่วมมือกับแก๊งยากูซ่าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอย่างแก๊งยามากูชิ หลี่เจิ้งกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของเกาะฮ่องกง ด้วยความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง
“ผมอยากให้คุณจัดการสร้างตึกให้เสร็จให้เร็วที่สุด ผมอยากให้คุณพ่อได้เห็นสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่”
แววตาของหลี่เจิ้งทอประกายวาวกล้าขณะเอ่ยเสียงขรึม
มาเฟียหนุ่มเป็นคนไม่ชอบพูดมาก บุคลิกของเขาทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกเกรงขาม แต่หากใครได้ใกล้ชิดจะรู้ดีว่าหลี่เจิ้งเอาใจใส่และมีน้ำใจต่อลูกน้องมากเพียงใด
“ครับคุณเจิ้ง ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ผมขอตัวก่อนครับ”
หวังไป่ฉีค้อมศีรษะให้ แล้วขอตัวออกไปทำงานของตนเองต่อ
หลี่เจิ้งนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับลุกจากเก้าอี้ทำงาน ร่างสูงสง่าเดินออกไปจากห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนของตึกใหญ่บ้านตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยและพื้นที่ส่วนตัวของคนในตระกูล มาเฟียหนุ่มเดินลงมายังชั้นล่าง ดวงตาคมมองหาร่างของลูกชายตัวน้อย วันนี้เป็นวันหยุดลูกชายของเขาน่าจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งในบ้าน
“อาหนิวเห็นคุณไท่หยางหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามหญิงรับใช้ที่เดินผ่านมา
“คุณหลี่อยู่กับท่านเสวียนที่สนามหลังตึกค่ะ”
“แล้วคุณลดาล่ะ” หลี่เจิ้งเอ่ยถามถึงภรรยา
อาหนิวทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า
“คุณลดาอยู่ที่สวนค่ะ ดูเหมือนกำลังดูคนสวนลงต้นไม้ค่ะ”
“ขอบใจมาก ไปทำงานเถอะ” หลี่เจิ้งพยักหน้ารับรู้ โบกมือให้สาวใช้
มาเฟียหนุ่มเดินไปหาภรรยาที่ในสวน ดวงตาคู่คมอ่อนแสงลง เมื่อทอดสายตามองร่างเล็กบอบบางของเพียงลดาด้วยแววตาอ่อนโยน ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเดินตรงไปหาเธอ หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนหวานให้สามีขณะถูกวงแขนแข็งแรงโอบไหล่ไว้อย่างนุ่มนวล
“ลดามาดูคนสวนเขาลงต้นไม้กับดอกไม้ค่ะ ของเดิมต้นไม้โทรมเต็มที ลดาเลยสั่งให้เขาเปลี่ยนใหม่ และขยายบริเวณสวนให้กว้างกว่าเดิม” หญิงสาวบอกสามีเสียงนุ่ม
หลายเดือนที่ผ่านมาเพียงลดาเริ่มคุ้นชินกับชีวิตในบ้านตระกูลหลี่ เธอรับรู้งานของสามีและรู้ถึงสถานะของตนเองที่เปลี่ยนไป หญิงสาวยอมปรับตัวและเป็นช้างเท้าหลังทำหน้าที่ภรรยาที่ดีส่งเสริมสามีในทุกทาง คอยดูแลปรนนิบัติเขาให้คลายความเหนื่อยล้าจากหน้าที่การงาน เป็นกำลังใจในยามที่สามีต้องการแรงใจ รวมถึงเรียนรู้ในการปกครองคนจำนวนมากในคฤหาสน์หลังนี้ หลี่เสวียนให้ลูกสะใภ้เป็นผู้ดูแลปกครองคนงานและคนรับใช้ในบ้านตระกูลหลี่ทั้งหมด เพียงลดาต้องควบคุมดูแลคนงานให้ทำหน้าที่ของพวกเขาให้เรียบร้อย มันเป็นงานที่ไม่ง่ายและหนักหนาสำหรับแม่บ้านธรรมดาอย่างเธอ แต่เพียงลดาก็พยายามทำเต็มความสามารถจนจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“ถ้าทำเสร็จสวนคงสวยกว่านี้”
หลี่เจิ้งยิ้มให้ภรรยา เอ่ยชมสิ่งที่เธอทำให้เธอมีกำลังใจ
ในขณะที่เขาผจญกับปัญหานอกบ้าน เพียงลดาก็ต้องทำงานของเธออยู่ภายในบ้าน หญิงสาวเป็นภรรยาที่ไม่ทำตัวเป็นภาระให้สามี เธอดูแลบ้าน ดูแลลูกและคนในปกครองได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งดูแลสามีอย่างเขาได้อย่างน่ารัก หลี่เจิ้งรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้แต่งงานกับเพียงลดา ขอเพียงมีเธออยู่ข้างกายเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างโดยไม่หวาดหวั่น
“ฉันอยากปรับปรุงตึกเล็กด้วยค่ะ คนงานของเราจะได้อาศัยอย่างสบายขึ้น คุณคิดว่ายังไงคะ” เธอขอความเห็นจากสามี
หลี่เจิ้งยิ้มกว้างพยักหน้าให้ “ได้สิ ทำตามที่ลดาอยากทำเลยนะ คุณพ่อยกหน้าที่ดูแลบ้านนี้ให้ลดาแล้ว ถ้าอยากปรับปรุงอะไรยังไงก็ทำไปได้เลย ผมตามใจลดา” เขาบอกภรรยา
เพียงลดาระบายรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ลดาจะทำหน้าที่ของลดาให้ดีที่สุดค่ะคุณเจิ้ง”
ดวงตาคู่สวยมองสามีด้วยความรัก เอียงศีรษะพิงไหล่ของเขาอย่างสุขใจ
“เห็นอาหนิวบอกว่าอาทิตย์อยู่กับคุณพ่อ”
“ค่ะ คุณพ่อคงพาไปเล่นอะไรสนุกอีกตามเคย กลับมาทีไรเหงื่อเต็มตัว” เพียงลดาเอ่ยยิ้มๆ
หลี่เจิ้งยิ้มบางๆ มองภรรยาอย่างเอ็นดู หากเพียงลดารู้ว่าลูกชายสุดที่รักไปเล่นอะไรกับคนเป็นปู่มา คงตกใจจนแทบเป็นลม พ่อของเขากำลังสอนให้ลูกชายของเขาเดินตามรอยท่านทุกกระเบียดนิ้ว อาทิตย์เป็นไม้อ่อน เรียนรู้และซาบซึมสิ่งที่คนเป็นปู่สั่งสอนได้ไวไม่ต่างจากฟองน้ำดูดซับน้ำ