ตอนที่ 5 กลับสู่เมืองหลวง (1)

2122 คำ
เช้าวันเดินทางนั้นวุ่นวายกว่าที่คาดการณ์ไว้เพียงเล็กน้อย สัมภาระของเหม่ยฟางมีไม่มากนัก ทว่าของฝากจากท่านเสนาบดีชราที่มีให้ฮ่องเต้กลับท่วมท้นเกวียนสัมภาระ สาวใช้หลายคนต่างพากันโศกเศร้าเพราะไม่ต้องการให้คุณหนูเล็กจากบ้านต้าหวังไป และอีกหลายคนเกรงกลัวคุณแม่บ้านตันหยงที่กลับมาจัดการทุกอย่างในบ้านดังเดิม หลายวันที่ผ่านมาองค์ชายหวังจื่อเทียนค่อนข้างหงุดหงิดและไม่พอใจนัก เนื่องจากสาวใช้ที่เขาหมายปองจนแทบคลั่ง ได้ขออนุญาตกลับบ้านเกิดและจะเดินทางรั้งท้ายมาพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ของคุณหนูเล็กแห่งบ้านต้าหวัง หรือที่ทุกคนเรียกกันว่าคุณหนูเหม่ยฟาง เขาทราบจากผิงอันในภายหลังว่านางคือสตรีที่จะมารับภารกิจสำคัญ “ตกลงแล้วคนที่เจ้าเลือกมาให้ข้าทำลูกก็คือน้องสาวตนเองเช่นนั้นหรือ เจ้ากล้าใจร้ายกับคนในครอบครัวได้ถึงเพียงนี้ ข้าคงจะต้องระมัดระวังให้ดีเสียแล้ว” องค์ชายหวังจื่อเทียนเอ่ยประชดประชัดด้วยเสียงเรียบเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาสาบานกับตนเองว่าจะไม่แต่งงานกับนางหากย้อนเวลาได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ช่างห่างไกลจากคำว่าสามีภรรยา ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจกับอาโป ยังทำให้เลือดในกายของเขาพลุ่งพล่านได้มากกว่าเวลาหลายปีที่อยู่ร่วมตำหนักกับผิงอัน “หากรอช้ากว่านี้ ข้าคงต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งชายาเอก เพราะไม่สามารถให้กำเนิดรัชทายาทได้ เรื่องนี้จะทำให้ตระกูลของข้าเสื่อมเสีย ทางเหม่ยฟางเองก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียงของครอบครัว ข้าไม่ได้บังคับฝืนใจนางเลยแม้แต่น้อย” ผิงอันอ้างถึงเหตุผลที่ฟังดูแล้วน่าชิงชังยิ่งนัก “ข้ามั่นใจว่าท่านจะต้องพอใจในตัวของเหม่ยฟาง นางมีรูปโฉมงดงามและสติปัญญาที่ยากจะหาหญิงใดเทียบ ท่านพ่อแทบไม่อนุญาตให้นางออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ เพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดปัญหา” คุณหนูใหญ่ของบ้านเอ่ยชมน้องสาวบุญธรรม หากได้ฟังคำที่ตนเองกล่าวในภายหลังจากผู้อื่น ก็อาจจะรู้สึกหมั่นไส้เพราะคำชมที่ว่านั้น ดูเหมือนยกยอกันมากเกินไป “ถ้านางงดงามจริงอย่างที่กล่าวมาจริง เหตุใดจึงไม่ให้ข้าแต่งกับนางตั้งแต่ทีแรก จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทนลำบากอยู่กับข้าที่ตำหนักนอกเมือง ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เจ้ารักตามใจปรารถนา จะว่าไปแล้วน้องสาวของเจ้าเองก็คงจะไร้มนุษยธรรมมิแพ้กัน มิเช่นนั้นนางก็คงไม่ยอมทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้” ผิงอันไม่สนใจคำเสียดสีขององค์ชายรอง ภาพในคืนที่หวังจื่อเทียนไปดักรอเหม่ยฟางนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของนาง น้องสาวบุญธรรมโป้ปดคำโตถึงสถานะที่แท้จริงของตน หลอกลวงว่าเป็นสาวใช้เพื่อจะได้เป็นอิสระและหลุดพ้นจากพันธนาการของคนที่กำลังจงเกลียดจงชังนางอยู่ตอนนี้ “จะเหน็บแนมส่อเสียดอย่างไรก็ตามแต่ใจของท่าน อย่างไรเสียเราก็ต้องทำตามแผนที่วางไว้อยู่ดี ตอนนี้ปากท่านยังไม่ยอมรับว่าแผนของข้าคือทางออกที่ดีที่สุด ทว่าทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าส่วนลึกในใจท่านเห็นด้วยจนถึงขั้นยอมเดินทางตามข้ามาที่นี่” “วาจาร้ายกาจยิ่งนัก ที่ผ่านมาข้ารู้สึกวิงเวียนทุกครั้งที่ต้องทนมองหน้าเจ้า คุณหนูเหม่ยฟางแห่งบ้านต้าหวังเองก็คงจะฤทธิ์เยอะไม่ต่างกัน นางอาจจะงดงามอย่างที่เจ้าว่า แต่กลับทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจได้แม้ยังไม่เคยพบเจอ คงต้องใช้ความพยายามมากหน่อย ที่จะทำให้ข้าเกิดความรู้สึกต้องการนางขึ้นมาได้” องค์ชายรองฉุนเฉียวกว่าเกินกว่าจะสำรวมวาจา เขารู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรื่องนี้เลยเถิดมาไกล จนเกือบต้องผิดต่อหลักการที่ตนได้ยึดถือมาตลอด “ข้าขอยกเลิกข้อตกลงไร้สาระพวกนี้ ให้ข้าไร้ทายาทสืบสกุลก็ยังดีกว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อหลักการของตนเอง” หวังจื่อเทียนตัดสินใจยกเลิกแผนการทั้งหมด เขายอมแบกรับปัญหาของตนแทนที่จะให้ผู้อื่นมารับกรรม ทารกน้อยควรเกิดมาเพราะความรักและมีสิทธิ์ที่จะได้อยู่กับมารดาที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน “ท่านพี่โปรดให้โอกาสนางได้อยู่ร่วมตำหนักเดียวกันก่อน หากเหม่ยฟางไม่สามารถเอาชนะใจท่านและตั้งครรภ์ได้ในระยะเวลาหนึ่งปี ข้าจะยอมหย่าขาดและปล่อยท่านให้เป็นอิสระ ไม่ต้องฝืนใจพรากลูกจากอกของแม่อีก” ผิงอันเอ่ยข้อเสนออันยั่วยุเพื่อดึงความสนใจขององค์ชายรอง “ให้เป็นไปตามนั้น! ต่อให้นางมีเสน่ห์ยั่วยวนราวกับนางสรรค์ ข้าก็อดใจได้หากรางวัลนั้นคือการได้หย่าขาดและเป็นอิสระจากความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ขอบคุณสวรรค์ที่ดลใจให้เจ้าเสนอทางออกที่ตรงกับใจของข้า” หวังจื่อเทียนดีใจอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มเสียกิริยาอีกครั้ง ห่างออกไม่ไกลนักปรากฏร่างเล็กสวมชุดบุรุษสีน้ำตาลเข้มดูคุ้นตา ลำคอของเขาแห้งผากราวกับคนขาดน้ำ เมื่อนางโอบกอดคนตัวโตที่เพิ่งลงจากม้าได้เพียงอึดใจเดียว แม้มองจากระยะที่อยู่ไกลพอสมควร ยังรู้สึกได้ว่าเหม่ยฟางและลู่เหวินเจี๋ยมีความสนิทสนมกันอยู่มาก อารมณ์โกรธแล่นริ้วไปทั่วใบหน้า คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเผยความรู้สึกขุ่นเคืองที่มิอาจหลบซ่อนต่อไปได้อีก รอยยิ้มเยาะเย้ยหยันของผิงอันช่วยทวีความโกรธให้เพิ่มพูนจนเกินกว่าขีดจำกัดที่เขาจะรับไหว หวังจื่อเทียนได้ตัวสาวใช้โฉมงามอย่างอาโปมาตามต้องการก็จริง แต่นางก็พ่วงสตรีที่เขารังเกียจอย่างเหม่ยฟางมาด้วย ผิงอันเลิกล้มความพยายามที่จะให้พบกับน้องสาวของนางทันทีที่เขาได้เอ่ยปากขออาโปกลับเมืองหลวง นับเป็นเรื่องดีที่ไม่ต้องทนมองนางผู้ที่จะทำให้เขาผิดต่อหลักการของตนเอง “เหม่ยฟางเป็นนายของสาวใช้อาโป หากท่านยังสนใจในตัวของนางอยู่ก็ควรรักษาน้ำใจของผู้เป็นนายด้วย ข้าไม่เข้าใจเลยว่าท่านเห็นดีอะไรในตัวนาง ร้อยวันพันปีมิเคยเอ่ยปากคุยกับข้าก่อน แต่กลับยอมฝืนใจตนเองเพื่อขอให้สตรีต่ำศักดิ์เดินทางกลับเมืองหลวงด้วยกัน” ผิงอันฝืนเอ่ยถ้อยคำที่บาดหูเพื่อให้ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน หวังจื่อเทียนยังไม่ควรทราบในตอนนี้ว่าแท้จริงแล้วสตรีรูปงามผู้นั้นไม่ใช้สาวใช้ธรรมดา ผิงอันไม่คิดแก้ไขความจริงและปล่อยให้ทุกคนในบ้านต้าหวังเข้าใจผิด คิดไปเองว่าองค์ชายรองปรารถนาในตัวสาวใช้ แม่บ้านตันหยงเองก็เห็นดีด้วยเพราะไม่ต้องการให้เรื่องนี้ไปถึงหูของเสนาบดีเจิ้งอี้เหยียน หากประมุขของบ้านเกิดระแคะระคายเข้า แผนที่วางก็คงจะล้มไม่เป็นท่า เพราะชายชราเอ็นดูเหม่ยฟางราวกับเป็นเลือดเชื้อไขของตน หวังจื่อเทียนตระหนักว่าตนมิสามารถระงับความโกรธที่กำลังปะทุขึ้นได้ นอกจากวาจาส่อเสียดของผิงอันแล้ว ยังมีภาพตำตาของอาโปและชายผู้หนึ่งที่อาจดำรงสถานะคนรักของนาง เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ตนเองเดือดดาลจนใช้อารมณ์เหนือเหตุผล องค์ชายรองจึงได้ตัดสินใจขี่ม้าล่วงหน้าไปยังเมืองหลวงทันทีโดยไม่รอให้ขบวนพร้อมออกเดินทาง เขาเลือกกลับไปสงบสติอารมณ์ที่ตำหนักเหลียนฮวาและภาวนาให้ช่วงเวลาแห่งการรอคอยจบสิ้นลงเสียที “ดีใจนักที่ท่านอามาถึงก่อนที่ข้าจะออกเดินทาง” เหม่ยฟางดีใจท่วมท้นที่ลู่เหวินเจี๋ยเดินทางมาทันได้เวลา นางฝากฝังให้อดีตแม่ทัพช่วยดูแลบิดาตามโอกาสอำนวย เนื่องจากตนเองต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงกับพี่สาว เขาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เสนาบดีเจิ้งอี้เหยียนชรามากแล้วและต้องการการดูแลจากคนในครอบครัว ร่างสูงถอนหายใจยาวเมื่อสำนึกได้ว่าผิงอันยังคงทำอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบเช่นเดียวกับเจ็ดปีที่ผ่านมา “ข้ามีเรื่องสำคัญต้องสนทนากับคุณหนูผิงอัน ไปบอกนางว่าข้าต้องการพบเดี๋ยวนี้” อดีตแม่ทัพลู่เหวินเจี๋ยเอ่ยสั่งคนสนิทเสียงเข้ม ก่อนจะหันไปกำชับอาโปเรื่องดูแลเหม่ยฟางมิให้ขาดตกบกพร่อง ทั้งยังบอกถึงช่องทางการติดต่อหากต้องการความช่วยเหลือในอนาคต “เจ้านี่ยังเห็นแก่ตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะผิงอัน” ลู่เหวินเจี๋ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดเมื่อคุณหนูใหญ่แห่งบ้านต้าหวังปรากฏตัวขึ้น นางมองปราดเดียวก็พบว่าเขาเองก็มิได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย รูปร่างสูงใหญ่กำยำยังคงหนาแน่นด้วยมัดกล้าม ใบหน้าหล่อเหลาถูกปกคลุมด้วยหนวดเคราครึ้มเช่นเดิม และเมื่อฟังด้วยหูก็ถึงกับต้องกลั้นหายใจ เมื่อพบว่าฝีปากของเขาก็ยังคงความคมไว้ราวกับมีดแล่เนื้อชั้นดี “ท่านแม่ทัพโปรดระวังคำพูด ตอนนี้ข้าไม่ใช่คุณหนูผิงอันแห่งบ้านต้าหวังอีกแล้ว แต่เป็นถึงคู่ชีวิตขององค์ชายหวังจื่อเทียน ต่างจากเจ็ดปีก่อนที่เราพบกันโดยสิ้นเชิง” ผิงอันข่มความไม่พอใจและกล่าวเตือนคู่สนทนาให้เลือกใช้วาจาที่เหมาะสม ทว่าลู่เหวินเจี๋ยกลับไม่ใส่ใจคำขู่นั้น ทั้งยังเดินตรงเข้ามาจับร่างบางก่อนจะเขย่าตัวนางอย่างแรง “ข้าจะพูดและทำทุกอย่างอยากที่ข้าต้องการ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเองก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่ทางวังหลวงห่วงและหวงยิ่งกว่าสมบัติล้ำค่า ก็ให้รู้กันไปว่าองค์ฮ่องเต้จะเลือกแม่ทัพคนโปรดหรือสะใภ้ที่ไร้ทายาทสืบสกุล” ลู่เหวินเจี๋ยปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระทันทีที่ได้สติ ยากจะคาดเดาได้ว่าเขากลัวนางจะเจ็บตัวหรือนึกรังเกียจจนไม่อยากแตะต้อง “เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำทุกอย่างตามใจตัวเองแบบนี้เสียทีนะผิงอัน ข้าต้องทำอย่างไรให้เจ้าหยุดเห็นแก่ตัวและเลิกเอาความต้องการของตนเองเป็นใหญ่ตลอดเวลาเช่นนี้” อดีตแม่ทัพถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เมื่อสำนึกได้ว่าประโยคที่กล่าวออกไปนั้นค่อนข้างรุนแรง อย่างไรเสียผิงอันก็อ่อนกว่าเขาเกือบสิบเจ็ดปีและไม่ใช่คู่ปรับที่เหมาะสม “ทุกอย่างสายเกินกว่าที่จะแก้ไขได้แล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะท่านมิยอมเอ่ยปากกับท่านพ่อเมื่อเจ็ดปีก่อน ชีวิตของข้าจึงไม่ต่างจากนักโทษที่ถูกจองจำ หมดสิ้นอิสรภาพไร้ซึ่งความสุข” ผิงอันน้ำตาคลอด้วยไม่สามารถข่มความน้อยใจที่แล่นขึ้นมาจากอก ลู่เหวินเจี๋ยไม่เคยมองเห็นความทุกข์ของนาง ซ้ำยังกล่าวเสมอว่าคุณหนูใหญ่ของบ้านต้าหวังทำให้เขาปวดหัวได้มากกว่าศัตรูหรือกองทัพไหนๆ ต่างจากคุณหนูเล็กโดยสิ้นเชิง “นึกถึงแต่ความต้องการของตนเองไม่มีเปลี่ยน! ใบหน้าสะสวย ทว่าจิตใจกลับคับแคบ บอกข้าทีว่าอิสรภาพของเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเหม่ยฟางด้วย นางบริสุทธิ์และไร้เดียงสา คิดหรือว่าจะรอดจากเล่ห์เหลี่ยมของคนเมืองได้โดยง่าย” อดีตแม่ทัพเอ่ยออกมาอย่างวิตก เขาสัมผัสด้วยตนเองหลายต่อหลายครั้งเมื่อพาเหม่ยฟางออกไปเปิดหูเปิดตานอกบ้าน จนท้ายที่สุดต้องจัดการให้นางสวมใส่ของชุดบุรุษ เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากความงามราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งนี้ “ท่านทั้งรักทั้งหวงเหม่ยฟางมากขนาดนี้ แปลกใจนักที่ไม่ขอนางจากท่านพ่อไปเสียให้หมดเรื่อง” ผิงอันเผลอตัวเอ่ยวาจาประชดประชัน ลู่เหวินเจี๋ยเป็นหม้ายมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ทั้งยังไร้ทายาทสืบทอดสกุลลู่ สตรีหลายนางพยายามทุ่มเทมอบความรักให้ ทว่าเขากลับไม่ตอบรับและนิ่งเฉยกับโอกาสที่มีเข้ามาอย่างมากมาย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม