สัปดาห์ต่อมา
@มหาลัย B
ด้านเนเน่ร่างบางในชุดนักศึกษากระโปรงพีทสั้น ผมยาวถูกรวบเกล้าขึ้นไปกลางหัว ใบหน้าสวยสวมด้วยแว่นสายตาตรงกลม วันนั้นที่แว่นฉันหล่นคิดว่าจะใช้การไม่ได้แล้ว แต่เลนส์คุณภาพดีเลยไม่เป็นไร ไม่งั้นฉันคงเสียตังตัดแว่นใหม่แน่ แต่นั้นฉันก็ไม่ได้ใส่แว่นทุกวันหรอกนะ ใส่คอนแทคเลน์บ้างวันไหนที่เลิกเร็วแบบเรียนเก้าโมง เลิกคลาสเที่ยงไรงี้
ร่างบางที่เดินสับๆ ด้วยความเร่งรีบนั้น เนื่องจากวันนี้ฉันสายมากแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะฉันสายขาประจำ
ทว่าขณะที่กลึ่งเดินกลึ่งวิ่งไปยังตึกคณะบริหารผ่านตึกวิศวะนั้น เพราะวันนี้ฉันนั่งวินมาจอดประตูหลังเลยต้องผ่านตึกวิศวะ ขณะที่เดินสับขาด้วยความเร่งรีบไม่ทันมองทางนั้น
!! ตึก !! กับชนเข้ากับใครบ้างคน
“มิ้งค์” เนเน่ที่เห็นว่าคนที่เธอชนนั้นเป็นแฟนตน คนที่เธอกำลังคบหาศึกษาดูใจกับสาวหล่อต่างคณะ
“อืม...รีบเหรอ ฉันเรียกเธอแต่เธอกับไม่ได้ยินฉัน”
“เน่รีบอะมิ้งค์ นี้ก็เลทมา 10 นาทีแล้ว สายกว่านี้ เน่คงโดนเซ็คขาดแน่เลย” เนเน่เอ่ยพร้อมกับฉีดยิ้มหวานให้กับแฟนสาวของเธอ
“เน่ไปก่อนนะ” เอ่ยจบก่อนที่จะรีบวิ่งไปที่ตึกบริหารเนเน่ก็ไม่ลืมหอมแก้มแฟนสาวหล่อของเธอ
ทว่าขณะที่ร่างบางกระโปรงพีทสั้นวิ่งหายออกจากตึกไปนั้น ท่าทีของเนเน่และแฟนสาวหล่อของเธอกับตกอยู่ในสายตาของร่างสูงในชุดเสื้อนักศึกษากางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีดที่ยื่นอัดบุหรี่ไฟฟ้า ควันสีขาวลอยตลบอบอวนที่หลังตึก
“หึ...ชอบตีฉิงนี้หว่า” วาคิมที่เห็นท่าทีของเนเน่และมิ้งค์เมื่อครู่ ร่างสูงถึงกับพึมพำเสียงออกมา
“ใครว่ะ ชอบตีฉิง นี้อย่าบอกนะ ว่ามึงสนใจยัยมิ้งค์” ไอ้ซันเดย์เพื่อนร่วมคณะวิศวะเอ่ยขณะที่มันยื่นอัดบุหรี่อยู่ข้างผมและไอ้เอเปค ในมหาลัยB ผมมักจะไปกับเพื่อนๆ ได้สาม กลุ่มๆ พวกไอ้เจมส์ ไอ้ดีเทล ไอ้ดีเอ็ม ส่วนสนิทและชอบไปนั่งแดกเหล้าด้วยกันปล่อยๆ ไอ้เชี่ยมอส เพราะไอ้นี้มันเป็นเพื่อนสนิทผมมาตั้งแต่สมัยเตรียมอนุบาล ทำให้ผมสนิทกับพวกไอ้โรม ไอ้ราม ไอ้แทคิณด้วย ส่วนไอ้สองตัวข้างๆ ผมนี้เพื่อนร่วมแก๊งค์เรียน ไว้ลอกงานพวกมัน
“กูนี้นะสนใจยัยทอมนั้น ไม่มีทาง” วาคิมเอ่ยขณะที่สายตาจับจ้องร่างบางใบหน้าสวยสวมแว่นอีกคนที่วิ่งผ่านหน้าพวกเขาไป
“มึงคิดได้ไง ว่ามันสนใจไอ้มิ้งค์ โน้นคับสาวที่มันสนใจวิ่งไปโน้นแล้ว ใช่ไหมกูเดาถูกไหม ว่ามึงกำลังสนใจเมียทอม”
“เมียทอม” วาคิมไม่ตอบสิ่งที่เอเปคถาม เมียทอมเหรอ เกือบแล้วไหมเนเน่เกือบได้เป็นเมียเขาแล้วไหม วาคิมหยุดคำพูดไว้แค่นั้น
“คนนั้น นี้นะ ไม่ใช่สเปคมึงนี้หว่า หึ...! นี่มึงเปลี่ยนใจไม่สนใจต้องแตงโม น้องส้มโอ สาวสวยนิเทศแล้วเหรอว่ะ” น้องส้มโอ น้องแตงโมที่ไอ้ซันเดย์เอ่ยมานั้น ก็คือฉายาที่สาวๆ ในอุดมคตหน้าอกโตอึ๋มๆ หน่อย อย่างที่ผมชอบ
“นั้นนะสิ ถ้าเป็นคนนี้เมื่อกี้ อกไข่ดาวไม่ผ่านว่ะไม่ใช่สเปคมึง” ซันเดย์เอ่ยขึ้นอีกเสียง ย่อมรู้ดีว่าคนอย่างวาคิมนิยมสาวสวยรูปร่างประมาณไหน เพราะคนที่เพื่อนเอ่ยถึงนั้น ดูยังไงไม่น่าจะใช้
“หึ...” แต่นั้นคนถูกถาม ไม่ตอบ ใบหน้าอันหล่อเหลาหลุดรอยยิ้มที่มุมปาก
“พวกมึงรู้ได้ไงว่าเล็ก”
“ดูก็รู้ว่าเล็ก”
“ไอ้เชี่ยเดย์ แค่เขาวิ่งผ่านมึงส่องทะลุถึงชั้นในเขาหรือไง ไอ้ห่า” จริงอย่างที่ไอ้วาคิมพูด มันรู้ได้ไงเอเปคถึงกับมองหน้าเพื่อน
วาคิมเล็กไม่เล็กไอ้สองตัวนี้มันจะรู้ได้ไง เขาอยากจะถามพวกมันกลับที่พวกมึงบอกว่าเล็กๆ เนี้ย ได้เล่นเหมือนกูไหม แม่งทำเป็นรู้ดี วาคิมที่เนเน่วิ่งผ่านหน้าตนไปนั่น เธอรีบไปไหน ผมยื่นอัดบุหรี่ใกล้ๆ เธอ ไม่คิดจะทักทายกัน ทำเป็นไม่รู้จักงั้นเหรอ ได้ทั้งที่คืนนั้นเธอก็นัวร์เนียกับผม นัวร์กันแซ่บขนาดนี้ผัวทอมเธอจะรู้หรือเปล่า วาคิมได้แต่คิด แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเมินไม่คิดจะทักตน
ด้านเนเน่พึ่งจะเก้าโมงเศษๆ แต่วันนี้ฉันกับวิ่งแข่งกับอากาศร้อนๆ ของประเทศไทยเหงื่อไหลท่วมตัว แต่โชคดีหน่อยอาจารย์กำลังขานชื่อ ยังไม่ถึงชื่อฉัน
“เฮ้ย...จะเปงลม รอดไปอีก 1 วัน” ร่างบางเอ่ยขณะที่นั่งเก้าอี้ข้างใบเตย และใบตองเพื่อนสนิทของฉัน ลืมบอกไปเพื่อนในคลาสเรียนฉันมีแฝด 2 คู่ยัยเตย ยัยตอง แล้วก็สองแฝดนรก โรม ราม ที่นั่งถัดจากฉัน
“สายอีกแล้ว มัวตีฉิงอะดิ” นั่งได้ไม่ทันจะหายเหนื่อย เพื่อนหน้าหล่อปากแซ่บก็เอ่ยแซวฉัน
“ราม นั้นใช้ปากพูดแล้วเหรอ...” ฉันว่าให้กับเพื่อนตัวดี ช่างพูดมาได้
“ก็เห็นเมื่อกี้ แกทั้งกอดทั้งหอมแฟนเธอ”
“นายเห็นงั้นเหรอ” แต่เห็นแล้วไง คนรักกันแสดงความรักกับแฟนผิดตรงไหน ที่นายนี้ยังทำเลย
“ไอ้มอสก็เห็น ใช่ปะ”
“ชิ...เห็นแล้วไง ก็ฉันรักแฟนฉันนี้น่า ที่นายยังตามเฝ้าดาวคณะนิเทศเลย นายนั้นก็ด้วย แล้วมาแซวแค่ฉันนี้นะ คนเขาแสดงความรักกัน อิจ...ฉันเหรอ”
“ใครอิจ...แก ไอ้เน่ ระดับรามคนนี้ไม่มีอิจโว้ย เพื่อนรัก” รามเอ่ย แต่ขณะที่รามจะก่อสงครามเล็กๆ กันนั้น อาจารย์ขารชื่อฉันพอดิบพอดี ทำให้เช้านี้เราจึงสงบศึกกันก่อน
3 วันต่อมา
ด้านเนเน่และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันมาเรียน ซึ่งเป็นช่วงใกล้สอบ เทอมหน้าฉันก็จะเป็นพี่ปี 4 เต็มตัวแล้ว ทว่าขณะที่เลิกคลาสแล้วนั้น ร่างบางเหลือบมองนาฬิกา อีกไม่กี่นาทีก็จะ 6 โมงเย็น ฉันนัดมิ้งค์แฟนสุดเท่ห์ของฉันไว้ แต่นี้ก็ไม่เห็นว่ามิ้งค์จะมาสักที ร่างบางที่นั่งรอแฟนที่ข้างถึงคณะถาปัตย์ซึ่งเป็นคณะที่แฟนฉันเรียนอยู่นั่น
“อีก 10 นาทีไม่มาฉันไม่รอแล้วนะ” คนตัวเล็กพึมพำขณะที่นั่งเล่นเกมส์ในสมาร์ทโฟนที่รอแฟน 10 นาทีผ่านไปแต่นั้นก็ไม่มีท่าทีว่ามิ้งค์นั้นจะมาสักที เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงเลือกที่จะกลับคอนโด เนเน่ร่างบางเดินลัดเลาะมาจนกระทั้งถึงตึกคณะ ทว่าสายตากับสะดุดเข้ากับร่างบางอันคุ้นตาที่ยืนกอดจูบนัวเนียกับสาวสวยซึ่งเธอคนนั้นฉันรู้จักดี
ภาพตรงหน้าที่เห็น ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองร่างบางถึงกับยกมือขึ้นมาถอดแว่นขยี้ตารัวๆ กระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่สายคาดเอวมีพวงกุญแจสีฟ้าของตุ๊กตาตัวนั้น ฉันจำมันได้ดี ฉันเป็นคนซื้อให้มิ้งค์เมื่อ 3 วันก่อน แต่ที่เขากอดจูบกับยัยมาเวลดาวนิเทศปี 1 แบบนี้มันคืออะไร
ทำไมฉันต้องมาเห็นอะไรบาดตาบาดใจนี้ด้วย ใช่ว่าฉันจะทนได้หรอกนะ เนเน่ที่เห็นเช่นนั้น ร่างบางไม่รอช้าคนตัวเล็กสาวเท้าเข้าหาแฟนสาวของเธอทันที
“มิ้งค์ ทำไรกันนะ” เสียงอันคุ้นหูที่เอ่ยมานั้น ทำให้มิ้งค์ที่นัวเนียกับสาวสวยรุ่นน้องต่างคณะผละออกจากกัน
“กอดกันนะสิ ไม่น่าถาม” คนที่ตอบไม่ใช่แฟนฉัน แต่กับเป็นรุ่นน้องปากแดงที่หันมายิ้มเย้ยหยันให้กับฉัน
“เน่มาก็ดีแล้วเราขอคุยด้วยหน่อย” มิ้งค์ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเคลียร์กับเนเน่ มิ้งค์เดินจับมือเนเน่เดินออกมาที่หลังตึกคณะวิศวะ
“ปล่อยนะมิ้งค์” เนเน่ที่รู้สึกไม่พอใจแฟนสาวเป็นอย่างมากที่นอกใจตน เน่เน่สะบัดมือออกจากมิ้งค์ด้วยความแรง
“มิ้งค์รู้ว่ามิ้งค์ทำผิดต่อเน่”
“หมายความว่าไง” เนเน่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ทั้งที่ลึกๆ ฉันรู้อยู่แล้ว
“เราเลิกกันเถอะ” เสียงที่แว่วเข้ามาในหูของฉัน ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ
“ละ...เลิกกัน เหรอ มิ้งค์”
“...ที่ผ่านมาเราขอโทษ คนที่มิ้งค์รักและมีความสุขด้วยคือน้องมาเวล” มิ้งค์เอ่ยมาเช่นนั้น ทำเอาคนฟังถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
“ที่มิ้งค์ให้เน่รอ 3 ชั่วโมง เพื่อบอกเลิกเน่ใช่ไหม มิ้งค์”
“เรา...ขอโทษเนเน่”
!! เพี้ยะ...!! เนเน่ที่ทนฟังคำพูดที่เห็นแก่ตัวไม่ไหว ตบเข้าใบหน้าของมิ้งค์ด้วยความแรง
“ค่าเสียเวลา” เอ่ยจบมิ้งค์เดินเบี่ยงตัวออกไปโดยไม่คิดจะมองหน้าอดีตแฟนของเธอ สายตาที่มิ้งค์มองฉันนั้นเขาหมดรักฉันไปแล้ว เนเน่ถึงกับทรุดตัวนั่งม้านั่งราวกับคนหมดแรง ใบหน้าสวยรู้สึกร้อนพราวขึ้นมาที่บริเวรขอบตา ทว่าขณะที่จะฟุบหน้าร้องไห้นั้น
“ไม่สวย ก็อย่างงี้แหละ” เสียงแทรกขึ้นมานั้น ร่างบางที่กำลังจะร้องไห้ ฉันหันมองไปตามเสียง สายตาสะดุดเข้ากับรางสูงในชุดกางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีดเสื้อซ็อปวิศวะสีแดงที่ใบหน้าอันหล่อเหลายื่นพ้นควันบุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่สายตาจับจ้องมาที่ฉัน
“นายว่าฉันเหรอ” ถึงจะอยู่ในอารมณ์เสียใจ ทว่ามาเจอคนปากเสียแบบนี้ ก็อารมณ์ขึ้นอยู่นะ จากที่จะร้องไห้ ฉันกับไม่กล้าร้องไห้ซะงั้น สายตาดวงเล็ก มองไปรอบๆ ในเวลาเกือบๆ 1 ทุ่มแต่กับไม่มีใคร ที่นี่มีแค่เธอและผู้ชายปากเสียคนนี้ที่ยืนอัดบุหรี่เข้าไปทำร้ายปอด
“ใครละที่ถูกแฟนบอกเลิก อกหัก” วาคิมเน้นเอ่ยคำว่าอกหัก ต่อหน้าต่อตาเธอ จากที่จะร้องไห้ ร่างบางกับเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธจัด เนเน่ฉันที่คิดจะนั่งร้องไห้คนเดียวและกับมาเจอคนกวนประสาทอย่างวาคิม ร่างบางลุกออกจากม้านั่งหวังจะเดินหนีคนก่อกวน
!! พรึบ !! มือหนากับจับเข้าที่เรียวแขนเล็กของเธอ